บทที่ 779 หืม? คุณอยากทำอะไร?
กู้เนี่ยนพูดสิ่งที่คาดเดาอยู่ในใจออกมาอย่างลังเล
“เป็นไปไม่ได้” จิ้นเฟิงเฉินปฏิเสธความคิดนี้ทันทีและพูดอย่างครุ่นคิดว่า ” ฝู้จิงเหวินคงไม่ทำร้ายสื้อสื้อหรอก”
เชื้อโรคชนิดนั้นอาจถึงแก่ชีวิตได้
ไม่ว่าเขาจะเกลียดตนมากแค่ไหน ฝู้จิงเหวินก็คงไม่ลงมือกับเจียงสื้อสื้อ
แม้ว่าเขาไม่อยากยอมรับ แต่ฝู้จิงเหวินรักเจียงสื้อสื้อ เรื่องนี้จิ้นเฟิงเฉินเชื่อมั่นอย่างมาก
“แล้วถ้าเขาไม่รู้เรื่องนี้ล่ะ?” กู้เนี่ยนโต้กลับอย่างใจกล้า
คุณชายของเขาเมื่อพูดคุยถึงเรื่องคุณหญิง เขามักจะใช้อารมณ์ความรู้สึกมากกว่า
เมื่อฟังความหมายแฝงของกู้เนี่ยนออก จิ้นเฟิงเฉินก็ขมวดคิ้ว “หมายความว่าอย่างไร?”
“เมื่อสักครู่คุณบอกแล้วว่า ฝู้จิงเหวินและผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไปได้อย่างมาก ที่ผู้หญิงคนนั้นจะหลอกลวงฝู้จิงเหวิน หลอกให้เขาฉีดยานี้ให้คุณหญิง
และเธอเคยวางยากับคุณ ซึ่งแสดงว่าเธอมีความรู้เกี่ยวกับยาอยู่บ้าง”
คำพูดเหล่านี้เป็นเหมือนก้อนหินหนักๆ ที่ตกลงในทะเลสาบที่นิ่งสงบ จนทำให้เกิดระลอกคลื่นเป็นวงกลมออกมา
สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินแย่ลงเรื่อยๆ และมันเปลี่ยนไปแย่มาก
เจียงสื้อสื้อถูกคนอื่นฉีดไวรัสเข้าตัว แต่เธอกลับไม่รู้สึกตัวอะไรเลย เดิมทีเรื่องนี้ก็น่าสงสัยอยู่แล้ว
แต่ถ้าฝู้จิงเหวินเป็นคนทำ เรื่องทุกอย่างก็จะสมเหตุสมผล
ดวงตาที่ใสชัดของเขาค่อยๆ เย็นชาลง จิ้นเฟิงเฉินเก็บแววตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงนั้นกลับไป ราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่าง
เมื่อเห็นว่า จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ตอบโต้เรื่องที่ตนพูด กู้เนี่ยนรู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินเห็นด้วยกับการอนุมานของเขา
เขาถามอย่างไม่แน่ใจว่า ” คุณชายครับ เราบอกกับคุณหญิงดีไหมครับ ให้เธออยู่ห่างจากฝู้จิงเหวิน”
จิ้นเฟิงเฉินยกมือขึ้น และห้ามกู้เนี่ยนไว้ “อย่าเพิ่งบอก เรื่องนี้เราไม่มีหลักฐาน อย่าให้เธอรู้เรื่องนี้”
เขามองออกไปนอกหน้าต่าง ม่านตาสีดำของจิ้นเฟิงเฉินเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและทำอะไรไม่ได้
เขารู้ว่าตระกูลฝู้นั้นมีความเป็นอยู่แบบไหนสำหรับเจียงสื้อสื้อ
หากไม่มีฝู้จิงเหวินเมื่อสามปีก่อน สื้อสื้อก็คงไม่มีชีวิตอยู่แบบดีๆ ได้ถึงตอนนี้
ในใจของเจียงสื้อสื้อ ตระกูลฝู้ก็เป็นครอบครัวที่สำคัญมากเช่นกัน
ยิ่งกว่านั้น เธอไม่เคยสงสัยเลยว่าเชื้อโรคในร่างกายของเธอเกิดจากฝู้จิงเหวิน
มองอีกด้าน การที่เธอเชื่อแล้ว สำหรับเธอนี่ก็เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน
การถูกแทงข้างหลังโดยคนในครอบครัวที่เราไว้ใจ หากให้เธอรู้ เธอคงจะเจ็บปวดมาก
เมื่อมองไปที่สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉิน กู้เนี่ยนก็รู้ได้ทันทีว่าเขากำลังกังวลอะไรอยู่
แม้ว่าจะรู้ว่าตอนนี้เป็นโอกาสดี ที่สามารถทำให้คุณหญิงออกจากตระกูลฝู้อย่างเด็ดขาดและกลับมาหาเขา แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
คุณชายของเขาจะไม่ยอมให้เจียงสื้อสื้อกลับมาที่ตระกูลจิ้นโดยแลกกับความเจ็บปวดของเธออย่างแน่นอน
กู้เนี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาพยักหน้า ” ครับ ผมทราบแล้ว คุณวางใจได้เลยครับ ผมไม่พูดออกไปหรอกครับ”
ระหว่างที่คุยกันนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นมา
“ฉันเข้าไปได้ไหมคะ” เสียงที่อ่อนโยนของเจียงสื้อสื้อดังขึ้นมา
พวกเขาเพิ่งพูดเรื่องเจียงสื้อสื้อจบไป เมื่อได้ยินเสียงของเธอ ทั้งคู่ก็หยุดการสนทนาพร้อมกันทันที
จิ้นเฟิงเฉินไอออกมา เขาส่งแววตาบอกกู้เนี่ยนว่าอย่าหลุดพูดอะไรออกมา “อืม เข้ามาสิ”
หลังจากได้รับคำตอบ เจียงสื้อสื้อก็เปิดประตูเข้ามา
ในมือของเธอถือชาสองแก้วที่เพิ่งชงเรียบร้อย ใบชาเขียวค่อยๆ คลี่ออกในน้ำร้อน ส่งกลิ่นหอมของชาออกมา
เจียงสื้อสื้อยิ้มเบา ๆ ” ขอโทษที่รบกวนพวกคุณคุยงานกันนะคะ ฉันเห็นว่าพวกคุณพูดคุยกันอยู่นาน คงกระหายน้ำ ฉันจึงชงชามาให้สองแก้วค่ะ”
ชาที่เธอถือมานั้นสั่นไหวเล็กน้อยตามจังหวะการเดินของเธอ จิ้นเฟิงเฉินมองจนตาสั่นไปด้วย
แต่ก็กลัวว่าเธอจะโดนน้ำร้อนลวก จิ้นเฟิงเฉินลุกขึ้นและเดินเข้าไป อยากจะรับของในมือของเธอมาก ” ให้ผมเถอะ”
“ฉันไม่เป็นไร อะ ให้คุณ”
เมื่อพูดจบ เจียงสื้อสื้อก็ยกแก้วหนึ่งใบวางตรงหน้ากู้เนี่ยน แล้วยิ้มออกมา
เขาเห็นมีแสงประกายในดวงตาของเจียงสื้อสื้อและรอยยิ้มนั้น กู้เนี่ยนเองก็มีความรู้สึกบางอย่างปรากฏขึ้นในความคิด
ทันใดนั้นเขาก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมคุณชายถึงทำเช่นนี้ เขาคงกลัวว่าแสงประกายในดวงตาคู่นี้ของเธอจะหล่นหายไป
ถึงยังไงแล้ว คุณหญิงของเขาเนี่ยเป็นคนที่จิตใจดีมากๆ เลยนะ
กู้เนี่ยนรับแก้วชามาแล้วจิบเบา ๆ รสชาติแรกสัมผัสคือรสขม จากนั้นกลิ่นหอมของชาก็กระจายไปทั่วปาก
“ขอบคุณคุณหญิงนะครับ” กู้เนี่ยนกล่าวอย่างซาบซึ้ง
เจียงสื้อสื้อยิ้มอย่างอ่อนโยน “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่รบกวนพวกคุณทำงานแล้วนะคะ”
เมื่อเห็นมือของเจียงสื้อสื้อแตะไปที่ลูกบิดประตู กู้เนี่ยนก็ตะโกนเรียกเธอไว้ “ไม่เป็นไรครับ คุณหญิงครับ คุณอยู่ที่นี่เถอะครับ ผมยังมีเรื่องที่ต้องจัดการ เดี๋ยวจะไปแล้วครับ”
เขาไปอย่างรู้งาน ไม่อยู่เป็นก้างขวางคอ
หลังจากพูดคุยกับจิ้นเฟิงเฉินไปไม่กี่คำ เขาก็รีบหนีออกมา ปล่อยให้ทั้งสองอยู่กันตามลำพัง
เธอไม่คาดคิดมาว่ากู้เนี่ยนจะไปเร็วขนาดนี้ เจียงสื้อสื้ออุ้มถาดไว้แล้วไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี
ด้านนอกหน้าต่างนั้นมีแสงและเงาพัดผ่านไป อากาศที่เงียบงันนั้นร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ
เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่ก้มตาลง และจ้องมองไปที่ปลายเท้าของตน เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยหากไม่พูดคุยกัน ที่เธอจึงสุ่มหาหัวข้อมาพูดคุยกัน “อืม เสี่ยวเป่าและเถียนเถียนหลับไปแล้ว ดูเหมือนว่าตอนนี้จะเหลือแค่เราสองคน …………เดี๋ยวเราทำอะไรกันเหรอ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้สีหน้าขี้เล่นของจิ้นเฟิงเฉินก็ผงะเช่นกัน จากนั้นเขากลั้นขำไว้ ก้มหน้าลงก็แล้วกดเสียงลงต่ำๆ ถามเจียงสื้อสื้อกลับ น้ำเสียงของเขาดูขี้เล่นเล็กน้อย
“หืม พวกเขาหลับกันหมด คุณอยากทำอะไร? ”
เจียงสื้อสื้อรู้สึกตัวขึ้นมาได้ในทันที สิ่งที่ตนพูดนั้นคลุมเครือเกินไป!
หูของเธอแดงขึ้นมา เธอหน้าแดงและส่ายหัวอย่างสุดแรง “ไม่นะ ฉันไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่ใช่ … ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คุณเข้าใจผิด ฉันหมายความว่าต่อไปมีแผนการใด ๆ ที่เราสองคนทำร่วมกันไหม……”
แต่ดูเหมือนว่ายิ่งเธออธิบายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งคลุมเครือกว่าเดิม เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าแก้มของเธอร้อนขึ้นมาในชั่วขณะ
ชายคนนี้หัวเราะออกมาเบา ๆ และลูบหัวของเจียงสื้อสื้อด้วยความเอ็นดู “โอเค ผมไม่แกล้งคุณแล้ว เรามีเรื่องบางอย่างที่ต้องทำจริงๆ ”
“หือ? มีเรื่องอะไรเหรอ? ” เจียงสื้อสื้อกะพริบตาอย่างสงสัย
“ผมมีนัดกับโม่เหยีย เดี๋ยวผมจะไปที่สถาบันวิจัยของเขา” จิ้นเฟิงเฉินพูดเบา ๆ
สีหน้าของเจียงสื้อสื้อตกใจก่อน หลังจากที่สงบอารมณ์แล้ว ก็รู้สึกกังวลขึ้นมา
เธอมองไปที่จิ้นเฟิงเฉินอย่างไม่สบายใจ “มีความคืบหน้าใหม่ ๆ หรือไม่? ”
เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่สบายใจของเจียงสื้อสื้อ จิ้นเฟิงเฉินปลอบใจเขาอย่างอ่อนโยนว่า ” เรื่องนี้ผมยังไม่ทราบ แต่ว่าก็นานมาแล้ว คงจะมีความคืบหน้าใหม่ๆ แล้วแหละ
คุณเองก็อย่ากังวลมากไป บางทีเขาอาจแค่ต้องการตรวจเช็กเชื้อโรคในร่างกายของคุณอีกครั้งก็เป็นได้ สองสามวันมานี้ร่างกายของคุณไม่ได้ผิดปกติอะไร ไม่เป็นไรหรอก ”
“ถ้ายอ่างนั้นฉันไปเอาเสื้อคลุม คุณรอฉันหน่อยนะ”
เมื่อเจียงสื้อสื้อได้ยินเช่นนี้ เธอก็หันหลังกลับและวิ่งเข้าไปในห้องนอน เตรียมตัวออกไปพร้อมกับจิ้นเฟิงเฉิน
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของเจียงสื้อสื้อ รอยยิ้มของจิ้นเฟิงเฉินก็ค่อยๆ หายไป หวังว่าโม่เหยียจะแจ้งข่าวดีนะ