ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่801 เข้าร่วมสถาบันวิจัยของพวกคุณ

บทที่801 เข้าร่วมสถาบันวิจัยของพวกคุณ

บทที่801 เข้าร่วมสถาบันวิจัยของพวกคุณ

มองดูเด็กสองคนมีความตั้งใจเช่นนี้ เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกอุ่นใจ

เธอดีใจจนกอดเด็กทั้งสองไว้ในอ้อมกอด และกล่าวเสียงอ่อนโยน “พวกเธอเป็นสุดที่รักของหม่ามี๊ สิ่งที่พวกเธอให้หม่ามี๊ก็คือสิ่งที่ดีที่สุดในโลกนี้ ”

เห็นภาพนี้แล้ว สายตาจิ้นเฟิงเฉินดูอ่อนโยน และเดินเข้าไปกอดทั้งสามคนไว้ในอ้อมกอด

คนที่เขาอยากปกป้องในชีวิตนี้ มีเพียงสามคนใต้อ้อมกอดเขาเท่านั้น

หลังจากนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ไปทำงานที่บริษัท เจียงสื้อสื้อรู้สึกเบื่อๆ ก็ได้แต่เกลือกกลั้วเล่นเป็นเพื่อนกับเด็กๆ

รู้สึกตัวอีกที ฟ้าก็มืดมิดแล้ว

ในห้องวิจัย ฝู้จิงเหวินมองดูยาที่เครื่องทดลองตรงหน้า แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

เชื้อโรคนี้ช่างแปลกประหลาดนัก ไม่ว่าจะเป็นด้านโครงสร้างจุลภาคหรือด้านอื่นๆ ล้วนเป็นชนิดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

ช่างแปลกประหลาดสิ้นดี เขาวิจัยมาตั้งนานกลับไม่มีความคืบหน้าใดๆเลย

สาเหตุอย่างหนึ่ง ก็คือเชื้อแบคทีเรียนี้อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดเดาไม่ได้

ตัวอย่างเช่น ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน อาจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอย่างรวดเร็ว ซ่อนตัวอยู่ในร่างกายมนุษย์โดยไม่เป็นอันตราย

แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าจู่ๆมันเกิดการกำเริบขึ้นมา ทำลายภูมิต้านทานในตัวเธออย่างรวดเร็ว แล้วกลืนกินชีวิตเธอไป

ยิ่งไปกว่านั้นการวิจัยล่าสุดพบว่าแบคทีเรียในร่างกายเธอชนิดนี้ ยังสามารถย่อยสลายและย่อยสารพิษเป็นอาหารได้อีกด้วย

หากเป็นเช่นนี้ ถ้าเจียงสื้อสื้อรับสารพิษเข้าไปในร่างกายของเธอเยอะเกินไป ร่างกายของเธอ ก็จะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรียนี้

ฝู้จิงเหวินลองนำยาที่ตัวเองวิจัยขึ้นมานี้ ใส่ลงไปในภาชนะที่เพาะเลี้ยงเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้

จะดูว่าจะสามารถฆ่าเชื้อโรคชนิดนี้ได้หรือไม่ คิดไม่ถึงว่า หลังจากผ่านไปยี่สิบสี่ชั่วโมง ยาทั้งหมดนี้หายไปหมดเกลี้ยง

ฝู้จิงเหวินไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำได้เพียงวิเคราะห์ข้อมูลต่อไป

หากนำไปใช้ในด้านอื่นๆ โครงการวิจัยนี้ จะสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาลแน่นอน

แต่เจียงสื้อสื้อผู้ที่เป็นพาหะนำเชื้อโรคชนิดนี้ จะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก

หรือบางทีอาจจะถูกผู้ชื่นชอบวิจัยเชื้อโรคด้านการแพทย์ จับตัวไปไว้ในห้องปฏิบัติการเพื่อทำการผ่าร่างกายทำการวิจัยกัน

เรื่องบ้าคลั่งโรคจิตพวกนี้เป็นเรื่องปกติของคนในวงการนี้

ในใจฝู้จิงเหวิน เจียงสื้อสื้อยังคงเป็นผู้หญิงที่รัก เขาเสียใจที่ทำเรื่องผิดพลาดไป จะไม่ยอมผลักเธอไปตกนรกหมกไหม้อีกครั้งอย่างแน่นอน

เวลานี้ จู่ๆหน้าจอแสดงผลเกิดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างแปลกๆ

เมื่อสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง ฝู้จิงเหวินจ้องจอแสดงผลตาไม่กะพริบ

ในเวลานี้ สารละลายในภาชนะเพาะเลี้ยงเหลือไม่มากแล้ว และหลังจากที่แบคทีเรียมากกว่าครึ่งถูกทำลายโดยสารละลายนี้ สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงทันที

สารละลายที่เหลือไม่มากถูกกลืนกินหมดเกลี้ยง ไม่นาน เชื้อโรคก็เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วและกลับคืนสู่จำนวนเท่าเริ่มต้นในอัตราความเร็วที่ไม่สามารถจะวัดได้

เดิมทียังคิดว่าหาวิธีแก้ไขได้แล้ว แต่กลับเป็นความล้มเหลวอีกครั้ง

คิดไปคิดมาเขาก็ยังรู้สึกว่าต้องเริ่มลงมือจากข่ายสื้อลิน ผู้หญิงคนนี้อาจจะไม่ได้พูดความจริงกับเขา

หลังจากเดินออกมาจากห้องวิจัยแล้ว ฝู้จิงเหวินก็ตรงไปหาข่ายสื้อลินทันที

ขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่บนท้องถนน ฝู้จิงเหวินก็มองไปถนนข้างหน้าด้วยสีหน้าปกติ

สิ่งของทุกอย่างล้วนถูกปกปิดไว้ภายใต้ค่ำคืนที่ความมืดมิดปกคลุม

รวมทั้งธุรกิจบางอย่างที่ไม่สามารถเปิดเผยได้

จากนั้น ที่ซ่อนแห่งหนึ่งหลังสวนดอกไม้ ฝู้จิงเหวินกับข่ายสื้อลินยืนเผชิญหน้ากัน

ข่ายสื้อลินมองฝู้จิงเหวินอย่างป้องกันตัว แล้วกล่าวว่า “ หาฉันเพื่ออะไร ”

หลังจากเรื่องดาดฟ้าคราวที่แล้ว ข่ายสื้อลินยังรู้สึกกลัวผู้ชายที่ตาวอกแวกตรงหน้าคนนี้เข้ากระดูกเลย

“ทำไมผมถึงรู้สึกว่าคุณไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไหร่”

ฝู้จิงเหวินยิ้มแบบมีเลศนัย รอบกายเขาแผ่ซ่านไปด้วยอันตราย

เห็นเช่นนี้น ข่ายสื้อลินกัดฟัน “ศาสตราจารย์ฝู้ท่านมาหาฉันมีธุระเรื่องอะไรหรือคะ”

ฝู้จิงเหวินก็ไม่อ้อมค้อม พูดตรงไปตรงมา “ฉันอยากเข้าร่วมกับสถาบันวิจัยในเครือของพวกคุณ คุณคิดหาวิธีหน่อย”

ไม่ว่าอย่างไร ถ้าอยากรู้เกี่ยวกับเชื้อโรคนี้ให้มากกว่านี้ วิธีที่ดีก็คือต้องเข้าไปอยู่ในกลุ่มของศัตรู ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือจะได้ลูกเสือได้อย่างไร

เมื่อข่ายสื้อลินได้ยินเช่นนั้น คิดว่าตัวเองฟังผิด หลายนาทีผ่านไปถึงได้สติ กล่าวอย่างลังเล “สาเหตุล่ะ คุณต้องการเข้าร่วม ต้องมีเหตุผลใช่ไหม คุณพูดคำเดียวว่าอยากเข้าร่วม เราไม่รู้แน่ชัดเกี่ยวกับแรงจูงใจของคุณ”

เมื่อฝู้จิงเหวินได้ยินเช่นนั้น เลิกคิ้ว “งานวิจัยของฉันมาถึงช่วงคอขวดแล้ว จำเป็นต้องมีแรงกระตุ้นมากกว่านี้ถึงจะบรรลุขั้นสูงสุดได้ ”

ข่ายสื้อลินตาละห้อยเหมือนกำลังใช้ความคิด ไม่ต่อปาก

เห็นเธอลังเล ฝู้จิงเหวินก็หน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้น

“ไม่จำเป็นต้องลังเลแล้ว ตามกำลังความสามารถในการวิจัยของฉัน ผู้บังคับบัญชาของคุณควรจะดีใจถึงจะถูก”

น้ำเสียงของฝู้จิงเหวินดูเย่อหยิ่งเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เขาภูมิใจในความสามารถในการวิจัยของตัวเองและชื่อเสียงหนุ่มน้อยมากความสามารถมาโดยตลอด

“คุณจะเข้าร่วมกับพวกเรา ฉันยินดีมาก แต่ว่าเรื่องนี้ฉันไม่สามารถตัดสินใจได้ ฉันต้องรายงานเบื้องบนก่อน”

พูดจบ ข่ายสื้อลินก็เดินไปที่ซ่อนตัวอีกที่หนึ่ง แล้วต่อสายโทรศัพท์โทรออก

ผ่านไปหลายนาที ข่ายสื้อลินก็เดินออกมา แล้วฝู้จิงเหวินก็ถามอย่างเร่งรีบ “เขาว่าอย่างไรบ้าง”

ข่ายสื้อลินลังเล “นายบอกว่าคุณจะเข้าร่วมก็ได้ แต่มีข้อแม้ คุณต้องให้เลือดและการวิเคราะห์งานวิจัยเกี่ยวกับเจียงสื้อสื้อด้วย เมื่อเขาดูแล้วถึงจะตัดสินว่าจะให้คุณเข้าร่วมหรือไม่ ”

เธอหยุดไปชั่วครู่แล้วพูดต่อ “นายบอกว่าต้องเห็นความสามารถของคุณก่อน มิเช่นนั้นจะไม่เห็นด้วย ”

ฝู้จิงเหวินยิ้มเยาะเย้ย มีแม้กระทั่งการสัมภาษณ์ด้วยหรือ

“ผลการวิจัยอยู่ในห้องวิจัยของฉัน อีกสักครู่จะส่งให้คุณ ”

เมื่อฝู้จิงเหวินพูดจบกำลังจะจากไป เอียงหัว จ้องมองตาข่ายสื้อลินด้วยสายตาเย็นชา

“ทางที่ดีคุณควรจะซื่อสัตย์และบอกความจริง มิเช่นนั้น สวิตซ์ระเบิดเวลาในตัวคุณก็อยู่ในมือฉัน ถ้าคุณไม่เชื่อฟัง ………ฉันไม่สนว่าจะให้มันเข้าสู่โหมดการนับถอยหลังเร็วขึ้นบ้างเล็กน้อย”

เมื่อข่ายสื้อลินได้ยินเช่นนั้น สีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที และตอบอย่างเชื่อฟังว่า

“ฉันไม่กล้า”

เมื่อเห็นเธอดูเชื่อฟัง มุมปากฝู้จิงเหวินเผยอขึ้นเล็กน้อย

หลังจากแยกจากข่ายสื้อลินแล้ว ฝู้จิงเหวินก็กลับมาถึงห้องวิจัยของตัวเอง เอาผลการวิจัยช่วงหลายปีมานี้ส่งเมล์ไปที่เมล์ของข่ายสื้อลิน

เมื่อได้รับอีเมล์แล้ว ข่ายสื้อลินก็ไม่กล้ารอช้า รีบส่งเมล์ต่อให้เบอร์เกนทันที

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท