ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 821 ยินดีต้อนรับคุณเข้าร่วมกับพวกเรา

บทที่ 821 ยินดีต้อนรับคุณเข้าร่วมกับพวกเรา

บทที่ 821 ยินดีต้อนรับคุณเข้าร่วมกับพวกเรา

ฝู้จิงเหวินเอามือกอดอกแล้วเอนหลังไปพิงพนักเก้าอี้ เขาหัวเราะเยาะออกมาว่า “ถ้าผมปล่อยมือตอนนี้ คุณคิดว่าผมจะเข้าร่วมกับพวกคุณเหรอ?”

ข่ายสื้อลินดีดเขม่าบุหรี่ ริมฝีปากของเธอแดงระเรื่อราวกับไฟ

เธอสูบบุหรี่เข้าไปเต็มปอด จากนั้นยื่นหน้าเข้าไปใกล้ฝู้จิงเหวินแล้วพ่นควันบุหรี่สีขาวออกมาส่ายหน้าฝู้จิงเหวิน ลอยฟุ้งจนทำให้ฝู้จิงเหวินมองไม่ชัดเจน

น้ำเสียงของเธอมีเสน่ห์ราวกับปีศาจพูดขึ้นว่า “ถ้าคุณคิดว่าสามารถปล่อยมือได้ง่ายๆ ฉันก็คงไม่พูดประโยคนี้หรอก”

ข่ายสื้อลินกำชะตากรรมของเขาไว้ ไม่ได้ทำการต่อสู้อะไร

ฝู้จิงเหวินทำสีหน้าไร้ความรู้สึกแล้วผลักเธอออกไป ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขยะแขยงว่า “ไสหัวไปซะ!”

ข่ายสื้อลินถอยหลังออกไป แล้วนำบุหรี่บดขยี้ไปยังที่เขี่ยบุหรี่

เมื่อเห็นว่าฝู้จิงเหวินไปหยิบไวน์มาอีก เธอจึงได้เอ่ยเตือนว่า “วันพรุ่งนี้คุณจะขึ้นดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการแล้ว อย่าให้มีอะไรผิดพลาดขึ้นล่ะ!”

“ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของผม!”

ฝู้จิงเหวินยกขวดไวน์ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ใบหน้าของเขาดูมืดมน

ข่ายสื้อลินก็แค่พูดเตือนเขาเท่านั้น

แม้ฝู้จิงเหวินจะดูหดหู่ใจ แต่เขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าตนควรทำอะไร

ทันใดนั้นบทเพลงในผับก็เปลี่ยนเป็นเพลงสุดมันอันคุ้นเคย ราวกับได้ยินเสียงร้องเรียก ผู้คนต่างพากันออกมาเต้น”

“ไปแดนซ์หน่อยดีไหมคะ?”

เธอลากฝู้จิงเหวินออกไป แต่กลับถูกอีกฝ่ายหนึ่งปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

ข่ายสื้อลินหัวเราะออกมา ท่าทางคนแบบฝู้จิงเหวินก็คงจะได้แต่นั่งกินเหล้าเท่านั้นแหละ!

เขาไม่เปิดรับใครทั้งสิ้นเพราะถูกเจียงสื้อสื้อกำเอาไว้แน่น

“โบราณ!”

เธอพูดหัวเราะเยาะฝู้จิงเหวิน และผู้ที่ถูกกล่าวหาก็หันมาเหล่ตามองเธอด้วยสายตาอันเยือกเย็น

หลังจากนั้น เธอก็ไม่ได้มาสนใจผู้ชายตายด้านคนนี้อีก แต่ใช้จังหวะที่เสียงเพลงนี้เข้าไปเต้นหน้าเวที

ผู้คนกลุ่มใหญ่ยืนเต้นกันอย่างสนุกสนานจนน่าตกใจ แต่ฝู้จิงเหวินกลับรู้สึกโดดเดี่ยวและเงียบเหงา

ข่ายสื้อลินเดินเหงื่อออกกลับมาหลังเต้นเสร็จ เธอกลับมายังที่เดิมเพื่อหาฝู้จิงเหวิน แต่กลับไม่เห็นใคร เดิมทีคิดว่าเขากลับไปแล้ว แต่เมื่อมองซ้ายมองขวากลับพบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น!

เธอจึงได้ตะโกนด่าออกมาและเดินเข้าไปเตะเขาพูดว่า “นี่คุณ ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้นะ!”

ฝู้จิงเหวินไม่มีปฏิกิริยาใด ข่ายสื้อลินจึงได้พยุงให้เขาลุกขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากนั้นส่งเขากลับบ้าน

เดิมทีเธอยังคิดว่าใช้โอกาสนี้ทำอะไรสักหน่อย แต่เมื่อได้กลิ่นแอลกอฮอล์อันเหม็นฉุนจากร่างกายของฝู้จิงเหวิน ประกอบกับท่าทางการนอนที่เหมือนกับคนตายของเขา เธอจึงหมดความสนใจและวางเขาไว้ตรงนั้นก่อนจากไป

ค่ำคืนนั้นฝู้จิงเหวินนอนหลับสนิท

ในฝันเขาอยู่กับเจียงสื้อสื้อ พวกเขาพากันไปยังที่ที่ไม่มีผู้คนและใช้ชีวิตอย่างราบรื่นสงบสุข

ในแต่ละวันเขาได้แต่ยิ้มออกมาด้วยความหวาน และเขาก็ได้ตื่นขึ้นมาทั้งรอยยิ้ม

แสงแดดแสบตาส่องเข้ามาจากทางหน้าต่าง ฝู้จิงเหวินรู้สึกว่าหัวแทบจะระเบิด

เขาจึงได้ยกมือขึ้นบังตาตามปฏิกิริยาของคนทั่วไป และรู้สึกเกลียดแสงสว่างนี้ที่ทำให้เขาต้องตื่นจากความฝัน

ในขณะที่กำลังจะหลับตาลงนอนฝันหวานต่อ ก็ได้ยินเสียงคนกดกริ่งอย่างใจร้อน

ฝู้จิงเหวินทำหน้าบึ้งตึงเดินออกไปเปิดประตู พบว่าข่ายสื้อลินยืนอยู่ด้านนอก

เธอมองเห็นสภาพผมเผ้ารกรุงรังของฝู้จิงเหวิน อีกทั้งเสื้อผ้าที่ยามยู่ยี่ ใต้คางของเขาเต็มไปด้วยหนวดที่เพิ่งขึ้นใหม่ ถึงได้รู้ว่าเขาน่าจะเพิ่งตื่น

หลังจากมองนาฬิกาแล้วข่ายสื้อลินก็รีบ เร่งว่า ฉันจะพาคุณไปที่สถาบัน คุณรีบไปเตรียมตัวเร็วเข้า”

ฝู้จิงเหวินที่ยังอยู่ในอาการงัวเงียได้สติขึ้นมาทันใด จากนั้นใช้เวลาน้อยที่สุดในการล้างหน้าแปรงฟันโกนหนวดให้สะอาดสะอ้าน เมื่อตอนที่เขาเดินออกมาเปลี่ยนไปราวกับคนละคน

“ไปกันเถอะ” ฝู้จิงเหวินพูดเบาๆ

ข่ายสื้อลินมองดูเขา เธอคิดอยู่ในใจว่าผู้ชายคนนี้หน้าตาดีจริง เสียดายที่ตาบอด

ฝู้จิงเหวินนั่งรถของข่ายสื้อลินไป พอเขาขึ้นรถก็ถูกปิดตาไว้

เขาพูดออกมาอย่างรำคาญว่า “ในเมื่อพวกคุณยอมให้ผมเข้าไปในสถาบันนั่นหมายความว่าคุณยอมรับผมแล้ว ทำไมต้องทำแบบนี้อีก?”

“นี่เป็นข้อกำหนดของคุณเบอร์เกน ฉันแค่ทำตามคำสั่ง”

น้ำเสียงของข่ายสื้อลินเรียบง่าย เธอไม่ได้รู้สึกโกรธท่าทางที่ฝู้จิงเหวินแสดงความรังเกียจออกมา

ฝู้จิงเหวินทำหน้าเยือกเย็นและไม่ได้พูดอะไรอีก

ข่ายสื้อลินหน้าหันมามองเขาและสตาร์ทเครื่องยนต์

ระหว่างทาง ฝู้จิงเหวินอารมณ์ไม่ดีมาก จึงไม่ได้สนทนากับข่ายสื้อลิน

ส่วนข่ายสื้อลินก็ตั้งใจขับรถของเธอไป มีบางครั้งที่หันไปมองกระจกมองหลัง ดูเขาท่าทางเหม่อลอยไปเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ส่วนฝู้จิงเหวินนั้นเนื่องจากมองไม่เห็น จึงไม่รู้ว่าตอนนี้ถึงที่ไหนแล้ว ทำได้เพียงสังเกตจากการเคลื่อนไหวของรถ

ตลอดทางมานี้เป็นทางขึ้นลาดชัน และเลี้ยวลดคดเคี้ยวไปมา เขาเดาได้เพียงว่า สถานที่ที่จะเดินทางไปนานน่าจะเป็นภูเขา หรืออะไรทำนองนั้น

เบอร์เกนระมัดระวังอย่างยิ่ง ดังนั้นการที่เขาเลือกสถานที่ จะต้องเป็นสถานที่หาเจอได้ยากแน่นอน

ฝู้จิงเหวินคิดอยู่ในใจ

เขาไม่คุ้นเคยกับที่นี่ อีกทั้งถูกปิดตาเอาไว้ ต่อให้เขาจะเดินทางออกไปก็ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน

หากจะพูดถึงเรื่องความเจ้าเล่ห์และระมัดระวัง เบอร์เกนมีความเก่งกาจมากทีเดียว

ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าในที่สุดรถก็หยุดลง

คล้ายกับว่ามีคนเดินเข้ามารับ และใช้ภาษาประหลาดพูดกับข่ายสื้อลินอยู่สองสามประโยค แต่ฝู้จิงเหวินฟังไม่ออก

พวกเขาน่าจะตั้งใจพูดแบบนี้เพื่อเป็นการไม่ให้เขารับรู้

ต่อจากนั้นฝู้จิงเหวินก็ถูกคนพาเดินเข้าไปด้านในที่ไหนสักแห่ง

ในใจของฝู้จิงเหวินรู้สึกไม่อยากอดทนอีกต่อไป โชคดีที่ในจังหวะนี้มีคนเดินเข้ามาและเปิดผ้าปิดตาออกให้เขา

เมื่อลืมตาขึ้นก็พบกับแสงแดดอีกครั้งหนึ่ง เขาสูดหายใจเข้า แล้วรู้สึกตกตะลึงกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า

นี่เป็นสถาบันวิจัยที่ใหญ่อลังการมาก และมีห้องทดลองที่มีขนาดใหญ่โตอยู่หลายห้อง!

นอกจากนั้นภายในห้องทดลองยังเต็มไปด้วยอุปกรณ์การแพทย์ที่มีคุณภาพสูง หรือพูดได้ว่าเป็นสวรรค์ของบรรดาหมอเลยทีเดียว

ฝู้จิงเหวินรับปากได้ว่า ต่อให้เป็นห้องทดลองทางการแพทย์ที่ดีที่สุดในโลกนี้ก็ไม่อาจรู้ราคาเทียบเท่ากับของเบอร์เกนได้

จิ้นเฟิงเฉินมองไปรอบๆ และจดจำเอาไว้ในใจ

ใบหน้าของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ได้แต่เดินตามข่ายสื้อลินไป ด้านในมีคนเดินออกมาต้อนรับอยู่ 2 คน ฝู้จิงเหวินหรี่ตามอง หนึ่งในนั้นก็คือเบอร์เกน

“มาแล้วเหรอครับ” พวกเรารอคุณอยู่ที่นี่นานมากแล้ว

เบอร์เกนยักไหล่เล็กน้อย จากนั้นมองไปรอบๆ มือทั้งสองข้างของเขากางออกเล็กน้อยแล้วถามอย่างมีความมั่นใจว่า “ที่นี่เป็นยังไงบ้างไม่เลวเลยใช่ไหม?”

แม้ว่าจะเป็นประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงเหมือนกับประโยคบอกเล่า นั่นหมายความว่าเขากำลังอวดสิ่งเหล่านี้อยู่

ฝู้จิงเหวินให้ความร่วมมือกับเขาโดยการหันไปมองรอบๆ ดวงตาของเขาเป็นประกาย ใบหน้าเผยถึงรอยยิ้มอันสง่างามและพูดชมว่า “แน่นอนครับมันเยี่ยมมาก ที่นี่คือสถานที่วิจัยที่ครบครันที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น

เมื่อพูดจบ ฝู้จิงเหวินก็สังเกตเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ชายคนนั้นก็คือศาสตราจารย์คูรี่ที่กำลังมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า

เมื่อเบอร์เกนมองเห็นทั้งสองคนสบตากันก็ทำการแนะนำว่า “นี่คือศาสตราจารย์คูรี่ ก่อนหน้านี้พวกคุณเคยพบกันมาครั้งหนึ่ง นับจากนี้พวกคุณจะเป็นคู่ดูโอ้กัน”

“ยินดีต้อนรับคุณเข้าสู่พวกเรานะครับ!” ศาสตราจารย์คูรี่รู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่เป็นธรรมชาติ

ฝู้จิงเหวินนั้นเข้าใจดี สักครู่เขารู้แล้วว่าตนชื่ออะไร แต่ตอนนี้กลับทำท่าทางแบบนั้นออกมาได้

ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา

มองดูแล้วแม้แต่เบอร์เกนเองก็ยังไม่เชื่อใจเขา

“ยินดีที่รู้จัก”

ทั้งสองคนยื่นมือมาทักทายกัน และทำใบหน้าเป็นยิ้มแย้ม

ระหว่างที่ทั้งสองคนสบสายตากัน ก็เกิดเป็นประกายที่บอกไม่ถูกว่าสื่อถึงอะไร แต่กลับถูกแสงไฟอันมืดมนเหล่านี้ถูกซ่อนไป

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท