ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 860 ตบหน้ามาได้เร็วมาก

บทที่ 860 ตบหน้ามาได้เร็วมาก

บทที่ 860 ตบหน้ามาได้เร็วมาก

จิ่งหลิวเยว่และคนอื่นๆเมินในสิ่งที่ฟางเฉิงพูด แต่เร่งฝีเท้าเดินไปอยู่ตรงหน้าจิ้นเฟิงเฉิน

“ไม่เจอกันนานเลยนะครับพี่เฉิน!”

“ฉันคิดถึงพี่บ่อยมาก ในที่สุดก็ได้เจอ”

“พี่เฉิน!”

ครอบครัวของฟางเฉิงและฟางรุ่ยตกใจมากกับคำพูดที่ทั้งสามคนที่เรียกจิ้นเฟิงเฉินว่าพี่เฉิน

พี่เฉิน นี่ไม่ใช่ชื่อของฟางยู่เชินนี่

“พี่เฉินคือใครน่ะ?”

“ไม่รู้ ไปดูกันเถอะ”

เหล่าแขกพากันวิพากษ์วิจารณ์กัน ยิ่งสนใจพี่เฉินที่คุณชายทั้งสามท่านเรียก

คนที่สามารถทำให้คุณชายเรียกพี่ได้ จะต้องมีเกียรติมากขนาดไหน?

ปัญหาคือพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนเช่นนี้มาถึงงานเลี้ยงวันเกิดด้วย

ฟางเฉิงถามขึ้นอย่างกล้าหาญ แต่ทั้งสามคนไม่สนใจ

หยุนโม่เหิงเดินนำไปตรงหน้าจิ้นเฟิงเฉิน

จี้ตงถางและจิ่งหลิวเยว่ก็เดินมาอย่างรวดเร็ว

“พี่เฉิน สองสามวันก่อนได้ยินเฟิงเหราบอกว่าพี่กลับมาแล้ว พวกเรายังไม่เชื่อเลย”

“คืนนี้ได้ยินมาว่าพี่มาที่นี่ ดังนั้นฉันจึงตั้งใจมาดูที่นี่ ไม่คิดเลยว่าจะจริง!”

ไม่ต้องพูดถึงว่าทั้งสามตื่นเต้นแค่ไหน ใบหน้าที่หล่อเหลาเต็มไปด้วยความสุข

ก่อนหน้านี้ที่จิ้นเฟิงเฉินดูแลบริษัทในประเทศ เขาเคยร่วมงานกันมีความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรต่อกันกับทั้งสามคนตระกูล

ส่วนทั้งสามก็ปฏิบัติต่อจิ้นเฟิงเฉินเหมือนเป็นพี่ชาย พวกเขาเคยกินเหล้าและพูดคุยกัน

ความสามารถของจิ้นเฟิงเฉินเป็นที่ประจักษ์ชัดก็ยิ่งเคารพเขามากขึ้น

เมื่อเห็นทั้งสามคน ท่าทีของจิ้นเฟิงเฉินก็ดีขึ้นมาก เขาพยักหน้าเล็กน้อย สีหน้าของเขาอ่อนลง

“ไม่เจอกันนานจริงๆ”

จิ่งหลิวเยว่เคลื่อนตามองเจียงสื้อสื้อที่อยู่ตรงหน้าจิ้นเฟิงเฉิน จากนั้นก็ทักทายเธออย่างกระตือรือร้น

เขาเอาศอกกระทุ้งแขนจิ้นเฟิงเฉินแล้วถามด้วยเสียงเบาว่า “พี่เฉิน ครั้งนี้ที่พี่กลับมาคือจะอยู่ถาวรหรือยังไง?”

“ปักหลักถาวร”

จิ้นเฟิงเฉินตอบตามความจริง

หยุนโม่เหิงและจี้ตงถางหัวเราะแล้วทักทายเจียงสื้อสื้อว่าสวัสดีครับพี่สะใภ้

“พวกนายเป็นยังไงกันบ้าง”

เจียงสื้อสื้อยิ้มตอบกลับ หลังจากดึงเด็กน้อยทั้งสองมาพูดทักทายแล้วก็พาเด็กๆแยกไปกินเค้กเงียบๆ

เรื่องเก่าๆระหว่างพี่น้อง เธอแค่ฟังเงียบๆก็พอ

“พี่เฉิน บ้านพี่มีสาวน้อยน่ารักแล้วทำไมไม่พามาให้เราเจอบ้าง?”

จี้ตงถางถูกนำเสียงนุ่มของเถียนเถียนดึงดูด เห็นว่าเธอทั้งขาวทั้งนุ่มก็เกิดชอบ

พูดจบเขาก็นั่งยองๆตรงหน้าเถียนเถียนด้วยรอยยิ้ม “หนูชื่ออะไรคะ? เถียนเถียนรึเปล่า ชื่อน่ารักจัง กลับบ้านกับอามั้ย?”

เถียนเถียนกะพริบดวงตากลมโต เธอหันหน้ามาหลบอยู่ด้านหลังเจียงสื้อสื้อ

จี้ตงถางมองปฏิกิริยาของเถียนเถียนด้วยความงงงวย

“เถียนเถียนหลบอะไรคะ?”

“แด๊ดดี้บอกว่า อย่าคุยกับคุณอาประหลาด”

ดวงตากลมโตของเถียนเถียนกลอกไปมาเป็นวงกลมพลางพูดออกมา

“ตงถาง นายโดนว่าเป็นอาประหลาดแล้ว”

จิ่งหลิวเยว่ได้ยินก็หัวเราะออกมาอย่างไม่ลังเล

เมื่อถูกเพื่อนสนิทหัวเราะเยาะ จี้ตงถางก็หัวเราะแล้วโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ

“พวกนายจะไปเข้าใจอะไร คำเรียกของสาวน้อยเป็นเอกลักษณ์ ฉันชอบเด็กแบบนี้”

หยุนโม่เหิงไม่สนใจเขาแล้วหันมาสนทนากับจิ้นเฟิงเฉิน

“พี่เฉิน รอพี่ว่าไงพวกเราค่อยไปดื่มด้วยกันสักแก้ว” จิ่งหลิวเยว่ถือโอกาสพูดออกมา

จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าตกลง จากนั้นก็ถามไถ่ถึงพ่อของพวกเขาทั้งสาม

“เหล่าคุณลุงยังสุขภาพแข็งแรงกันดีอยู่หรือเปล่า?”

จิ่งหลิวเยว่แบมือออกอย่างช่วยไม่ได้

“พ่อฉันสุขภาพดีทวีคูณ แต่เขามักจะบ่นถึงพี่”

“พ่อของฉันก็เช่นกัน”

“พอรู้ว่าพี่เฉินกลับประเทศมา พ่อยังให้ฉันมาถามพี่ว่าเมื่อไรจะไปหาที่บ้าน”

อีกสองคนก็ส่ายหน้าตอบด้วยรอยยิ้ม

บรรยากาศและการสนทนาที่ดูคุ้นเคยของพวกจิ้นเฟิงเฉินทำให้ครอบครัวของฟางเฉิงและฟางรุ่ยตกตะลึง

พวกเขายังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ชายคนนั้นไม่ได้มาที่นี่เพื่อแย่งชิงสมบัติของตระกูลฟางหรือ?

ทำไมคุณชายทั้งสามคนถึง…คุยกับเขาได้ในชั่วพริบตา?

ปฏิกิริยาของแขกคนอื่นๆคือกำลังคาดเดาตัวตนของจิ้นเฟิงเฉิน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมากิจการภายในประเทศของตระกูลจิ้นมีจิ้นเฟิงเหราเป็นคนดูแล ดังนั้นพอจิ้นเฟิงเฉินมาจึงไม่มีใครจำเขาได้

ในที่สุดฟางอี้หมิงก็ทนไม่ไหวจึงก้าวไปข้างหน้าถามด้วยความสงสัยว่า “คุณชายหยุน พวกคุณรู้จักเขาหรือครับ?”

เมื่อถูกฟางอี้หมิงพูดแทรก พวกหยุนโม่เหิงทั้งสามก็ประหลาดใจ

“คุณไม่รู้จักพี่เฉินเหรอ?”

จิ่งหลิวเยว่ มองฟางอี้หมิงด้วยความประหลาดใจพลางถามกลับ

บรรยากาศเริ่มเงียบขึ้น ทั้งสามคนตกตะลึงจากนั้นก็มองจิ้นเฟิงเฉินอย่างรู้กัน

ราวกับต้องการคำตอบ

พี่เฉินมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดขนาดนี้ แล้วคนคนนี้จะไม่รู้จักพี่เฉินอีกเหรอ?

ฟางยู่เชินหัวเราะเยาะทำลายบรรยากาศที่กำลังเงียบ

เสียงหัวเราะของเขาทำให้คนอย่างฟางเฉิงและฟางรุ่ยมีลางสังหรณ์ไม่ดี

“พวกเขารู้จักสิ ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ?”

ฟางยู่เชินเลิกคิ้วมองตรงไปที่ฟางอี้หมิงแล้วพูดต่อไปทีละคำทีละประโยคว่า “เมื่อกี้ยังบอกว่าสามีของน้องเห็นแก่ได้สมบัติของตระกูลฟางอยู่เลย”

สิ้นเสียงของเขา เสียงแขกที่กระซิบกระซาบก็ค่อยๆเงียบลงราวกับรับรู้ถึงบรรยากาศ

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาสีหน้าของพวกหยุนโม่เหิงก็เหมือนกับว่าได้ฟังเรื่องตลกจากฟ้า

“พี่เฉินเห็นแก่ได้สมบัติตระกูลฟางหรอ?”

จี้ตงถางกลั้นไม่ไหวจึงหัวเราะออกมาพลางถามกลับอย่างเยาะเย้ยว่า

นี่เป็นคำดูถูกถากถางที่ตลกที่สุดตั้งแต่ที่เขาได้ยินมาในรอบหลายปีแล้วจริงๆ

ทันใดนั้นฟางเฉิงก็รู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลกไป จึงรีบเดินมาลากฟางอี้หมิงไปไว้ข้างหลังตน แล้วหัวเราะพร้อมปฏิเสธ “ไม่นะ เปล่าหรอก นั่นมันแค่เรื่องล้อเล่นน่ะ 55”

สุดท้ายเขาหัวเราะแห้งออกมาสองครั้ง

ฟางรุ่ยก็ร่วมเสริม “ใช่ แค่ล้อเล่นเท่านั้น”

พวกหยุนโม่เหิงทั้งสามจับแขนแล้วมองฟางเฉิงกับฟางรุ่ยด้วยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ได้ยิ้ม

ราวกับพูดว่า “เชิญแสดงต่อ”

ฟางเฉิงเช็ดเหงื่อจากหน้าผากอย่างร้อนรนแล้วหันหน้าไปมองจิ้นเฟิงเฉิน

ตอนนี้เขาไม่กล้าสะเพร่าแล้วจึงมองจิ้นเฟิงเฉินอย่างละเอียด

ก่อนหน้านี้ไม่ได้มองดูดีๆ ครั้งนี้จึงเห็นความแตกต่าง

คนที่ทำธุรกิจเล็กๆจะมีแววตาเย็นชาแบบนี้ได้อย่างไร

“พี่…”

ฟางเฉิงลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะถามจิ้นเฟิงเฉินอย่างระมัดระวังว่า “ยังไม่ทันถามชื่อของคุณเลย คุณชื่ออะไร?”

ฟางยู่เชินรู้สึกมีความสุขเอามากๆอย่างไม่ถูกต้องนักเมื่อเห็นฟางเฉิงที่เคยใช้จมูกเชิดใส่คนมาตลอด

นี่เรียกว่าอะไรนะ?

จะตบหน้าก็อย่าตบเร็วเกิน!

จิ้นเฟิงเฉินและพวกหยุนโม่เหิงทั้งสามคนไม่สามารถตอบคำถามเขา

ดังนั้นฟางยู่เชินจึงตอบอย่างหวังดี

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท