บทที่ 852 ที่แท้ก็พ่อหนุ่มนี่เอง
สิ้นเสียงเจียงสื้อสื้อ ห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
ไม่มีใครรู้จักลูกสาวดีไปกว่าพ่อ
ฟางเสว่มั่นมีนิสัยปากแข็ง ตอนเธอยังเป็นเด็กไม่ว่าจะเจอกับความล้มเหลวใดๆก็ไม่เคยบอกเขา
แต่เลือกที่จะทำความเข้าใจกับมันด้วยตัวเองและมุ่งมั่นที่จะทำให้ดีขึ้นในครั้งต่อไป
แต่เหตุการณ์สำคัญในชีวิต หากตัดสินใจผิดก็ถือว่าผิดพลาดไปแล้วจริงๆ
เขาไม่รู้เลยว่าหลายปีที่ผ่านมาฟางเสว่มั่นใช้ชีวิตผ่านมาด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร
เธอคือลูกสาวที่เขารักที่สุดเลยนะ…
ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาจะทุกข์ใจแค่ไหน
ผ่านไปอยู่นานคุณท่านฟางก็ถอนหายใจเบาๆ “ช่างเถอะๆ เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ฉันไม่พูดถึงมันแล้ว”
เขาละทิ้งอคติที่เกิดจากเจียงเจิ้นแล้วหันหน้ามามองเจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อมีหน้าตาคล้ายฟางเสว่มั่น เธอดูเป็นคนอ่อนโยน
“สื้อสื้อลูก แล้วแม่หนูจะกลับมาเมื่อไหร่?”
ยิ่งคุณท่านฟางมองเจียงสื้อสื้อมากเท่าไหร่ ในใจก็ยิ่งคิดถึงลูกสาวมากขึ้นเท่านั้น เขาก็อดจะถามไม่ได้
เจียงสื้อสื้อกล้าบอกความจริงที่ไหนล่ะ เมื่อถูกถามถึงเรื่องนี้เธอทำได้เพียงส่ายหน้า จากนั้นก็ตอบเบาๆว่า “หนูก็ไม่รู้เวลาที่แน่นอนค่ะ”
เมื่อสายตาเห็นความผิดหวังที่ปกปิดไม่มิดบนใบหน้าของคุณท่านฟาง เจียงสื้อสื้อก็ใจอ่อนแล้วรีบพูดเสริมต่ออย่างรวดเร็วว่า “แต่หนูจะเร่งให้แม่กลับมาไวๆแน่นอนค่ะ”
คุณท่านฟางพยักหน้า
ในเมื่อสามารถผ่านด่านได้แล้วฟางยู่เชินก็โล่งใจ “บริกรครับ เสิร์ฟอาหารเลยครับ”
ฟางยู่เชินเปลี่ยนหัวข้อคุยจากเรื่องของฟางเสว่มั่น เขาพยายามเลือกหัวข้อที่มีความสุขมาพูด
คุณท่านฟางอารมณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ
ไม่รู้ทำไมหัวข้อสุดท้ายถึงถูกดึงมาที่เรื่องเจียงสื้อสื้อได้
“สื้อสื้อ หนูไม่เด็กแล้ว! เป็นยังไงบ้าง? ถูกหนุ่มบ้านไหนมาจีบไปแล้ว”
หลังจากคุณท่านฟางยอมรับเจียงสื้อสื้อ น้ำเสียงเขาก็อ่อนโยนมากจนดูเหมือนคุณท่านธรรมดา
เจียงสื้อสื้อเม้มริมฝีปากยิ้ม “คุณตาคะ หนูแต่งงานแล้วค่ะ แถมยังมีลูกแล้วสองคน”
เธอนึกถึงจิ้นเฟิงเฉินและเด็กน้อยที่แสนน่ารักทั้งฉลาดและรู้ความสองคนที่บ้าน
รอยยิ้มและความสุขในดวงตาเธอแทบจะล้นออกมา
คุณท่านฟางได้ฟังดังนั้นก็กระปรี้กระเปร่า
นั่นหมายความว่าเขามีเหลนสองคนแล้ว!
“ดี ดี!”
คุณท่านฟางยิ้มไม่หุบพูดคำว่าดีสองครั้ง “เด็กผู้ชายหรือผู้หญิงล่ะ?”
“ชายหนึ่ง หญิงหนึ่งค่ะ”
เจียงสื้อสื้อดีใจที่เห็นคุณท่านฟางมีความสุข เธอรู้แต่ไม่ได้พูดอะไร
คุณท่านฟางยิ้มจนรอยย่นที่มุมตาบุ๋มลึกไม่น้อย “ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง ดีจริงๆ”
คุณท่านย่อมมีความสุขเป็นธรรมดาที่ได้เห็นว่ามีลูกหลานเพิ่มมากขึ้น
แสดงให้เห็นว่าสายเลือดมีการขยายออก
“อะเชิน ดูสื้อสื้อสิเป็นแม่ลูกสองแล้ว แล้วดูแกสิ!”
คุณท่านฟางไอออกมาอย่างแรง นิ้วของเขาเคาะลงบนโต๊ะ สายตาที่มองฟางยู่เชินเต็มไปด้วยความรังเกียจ
อายุก็ปูนนี้แล้ว ลูกพี่ลูกน้องก็แต่งงานมีลูกไปแล้ว แต่เขากลับไม่มีวี่แววเลยสักนิด
สีหน้าฟางยู่เชินมึนงง แสดงออกว่าเขายังอยากพยายามทำงานของตนอย่างหัวเราะร้องไห้ไม่ออก
คุณท่านฟางย่อมไม่ขัดข้อง
การที่ผู้ชายที่มีความทะเยอทะยานในเรื่องงานเป็นเรื่องที่ดี
คุณท่านฟางหันหน้ามองเจียงสื้อสื้ออย่างกระตือรือร้นแล้วถามว่า “สื้อสื้อ ทำไมไม่พาลูกทั้งสองมาที่นี่ด้วยล่ะ?”
เจียงสื้อสื้อมองสีหน้าของคุณท่านฟาง ในใจก็รู้สึกอยากหัวเราะและทำอะไรไม่ถูก
นี่น่าจะเรียกว่า’เมื่อรักเขาก็ต้องรักทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขา’ด้วยสินะ
“คราวหน้านะคะคุณตา ครั้งนี้หนูเดินทางมาเพื่อพบคุณตาโดยเฉพาะ รอถึงงานเลี้ยงวันเกิดของคุณตาหนูจะพาเด็กๆไปด้วย ดีมั้ยคะ?”
ได้ยินเช่นนั้นคุณท่านฟางก็พยักหน้าอย่างพอใจ
บริกรนำอาหารมาเสิร์ฟทีละจานๆ
เจียงสื้อสื้อสังเกตรสปากที่คุณท่านฟางชอบอย่างละเอียดแล้วจึงคีบอาหารให้เขา
คุณท่านฟางเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
อคติในตอนแรกที่มีต่อเจียงสื้อสื้อที่เกิดจากเจียงเจิ้นก็ค่อยๆหายไปในอาหารมื้อนี้
“เธอเป็นคนใส่ใจเหมือนแม่เธอเลย”
แววตาของคุณท่านฟางอ่อนโยนลง
เขาเหมือนเห็นฟางเสว่มั่นในวัยเด็กในร่างเจียงสื้อสื้อ
“เห้อ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว”
คุณท่านฟางโบกมือแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างกระตือรือร้น ถามว่า “สื้อสื้อ ครอบครัวสามีเธอทำงานอะไร?”
หลายปีที่ผ่านมาเขานับว่าเข้าใจแล้วว่า ลูกหลานต่างมีโชคเป็นของตัวเอง
เพียงแต่ติดอยู่ที่บทเรียนของฟางเสว่มั่น คุณท่านฟางจึงกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกับเจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อเดาออกว่าคุณท่านฟางกังวลเรื่องอะไร ดังนั้นจึงไม่ได้ปกปิด “ตระกูลจิ้นค่ะ”
พอพูดสามคำนี้ออกมาเธอมีความรู้สึกมั่นคงมาก
ทุกๆคนในตระกูลจิ้นดีต่อเธอมาก ดีไม่น้อยไปกว่าฟางเสว่มั่น คือบ้านที่แท้จริง
คำว่า “ตระกูลจิ้น” ทำให้ดวงตาคุณท่านฟางเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ “ตระกูลจิ้นคนไหน? สามีของเธอคือคนพี่หรือคนน้อง?”
แม้ว่าสมาชิกครอบครัวตระกูลจิ้นมีไม่มากนัก แต่ก็สามารถพูดได้ว่าพวกเขาทั้งหมดล้วนมีความสามารถทั้งนั้น
“จิ้นเฟิงเฉินค่ะ”
เจียงสื้อสื้อพูดออกมาอย่างไม่ลังเล รู้สึกถึงชื่อที่ไพเราะในใจของเธอ
คุณท่านฟางเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “ที่แท้ก็พ่อหนุ่มนี่เอง”
เจียงสื้อสื้อแปลกใจที่คุณท่านฟางได้ฟังชื่อนี้แล้วมีท่าทีเหมือนได้ยินชื่อของคนรู้จักกันดีจึงถามด้วยความประหลาดใจว่า “คุณตาเคยได้ยินเรื่องเฟิงเฉินหรอคะ?”
“เคยได้ยิน!”
คุณท่านฟางหัวเราะแล้วพูดอย่างสบายๆว่า “คนหนุ่มสาวที่โดดเด่นในประเทศจีน จะดูถูกความสามารถไม่ได้เลยนะ! เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถมากๆที่จะมาแทนที่คนรุ่นเก่า”
คำพูดของคุณท่านฟางไม่ได้ปิดบังคำชมที่มีต่อจิ้นเฟิงเฉิน
ได้ยินเช่นนั้นเจียงสื้อสื้อก็รู้สึกดีใจและภาคภูมิใจอยู่ในใจ
การที่ผู้ชายที่เธอรักดูดีมากๆในสายตาของคุณตา เธอย่อมรู้สึกภาคภูมิใจและมีความสุข
คุณท่านฟางหรี่ตาชื่นชมจากนั้นก็เปลี่ยนมาถามเจียงสื้อสื้ออย่างเคร่งขรึม”หนุ่มคนนี้เป็นคนยังไง เขาดีกับเธอมั้ย?”
เขาเห็นพวกคนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแต่ชีวิตส่วนตัวยุ่งเหยิงมาเยอะ
อีกอย่างเจียงสื้อสื้อเป็นหลานสาวของเขา เขาย่อมอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง
“คุณตาไม่ต้องห่วงนะคะ”
เจียงสื้อสื้อรู้ว่าคุณท่านฟางเป็นห่วงเธอ เธอยิ้มแล้วตอบว่า”จิ้นเฟิงเฉินดีกับหนูมากๆค่ะ ดีสุดๆเลย”
รอยยิ้มที่มีความสุขในดวงตาแทบล้นออกมา
การจะดูว่าคนๆหนึ่งมีความสุขหรือไม่นั้น แม้ปากอาจหลอกได้ แต่สายตานั้นไม่สามารถหลอกกันได้
ฟางยู่เชินเห็นท่าทางเช่นนั้นของเธอก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ทำไมเขารู้สึกเหมือนถูกโรยด้วยอาหารสุนัขที่มองไม่เห็น?
คุณท่านฟางย่อมไม่พลาดที่จะเห็นรอยยิ้มในดวงตาเจียงสื้อสื้อ เขารู้สึกมีความสุขแทนเจียงสื้อสื้อมาก
แค่อย่าเดินซ้ำรอยเดิมของลูกสาวตัวแสบของเขาเป็นพอ!
“เป็นเช่นนั้นก็ดี!”
คุณท่านฟางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นทั้งสามคนก็พูดคุยหัวเราะกัน เจียงสื้อสื้อตักซุป คีบอาหารให้คุณท่านฟางบ้างเป็นครั้งคราว
บรรยากาศดูเข้ากันดีเป็นพิเศษแตกต่างจากตอนแรกที่เข้ามาอย่างสิ้นเชิง