ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 883 โหราเดือยไก่

บทที่ 883 โหราเดือยไก่

แต่จิ้นเฟิงเฉินไม่สนใจเขาแม้แต่น้อยและเดินตรงไปที่ประตู

นี่เป็นโอกาสหายากที่ฟางเฉิงจะได้เจรจากับจิ้นเฟิงเฉินตามลำพัง เขาไม่อยากพลาดโอกาสดีๆแบบนี้ จึงลุกขึ้นและตามไปอย่างรวดเร็ว

เขายังพยายามพูดต่อไป เพื่อหวังจะเกลี้ยกล่อมจิ้นเฟิงเฉิน

สิ่งที่เขาพูดออกไปอย่างไม่ต้องสงสัยก็คือ โครงการจะต้องลงทุนเงินจำนวนมากในระยะเริ่มแรกเพื่อรองรับ

แต่เมื่อสำเร็จแล้วก็จะนำมาซึ่งผลกำไรมากมายเป็นต้น

แต่จิ้นเฟิงเฉินกลับไม่ได้มีท่าทีสั่นคลอนเลย

จิ้นเฟิงเฉินสามารถนำจิ้นกรุ๊ปมาสู่ความสำเร็จได้ทุกวันนี้ คิดว่าแววตาเขาจะสั้นงั้นหรือ?

แมลงวันตัวน้อยๆนี้จะดึงดูดเขาได้งั้นหรือ?

แม้ว่าจะไม่ใช่ผลกำไรเล็กน้อยก็ตาม

จนกระทั่งจิ้นเฟิงเฉินเดินไปถึงลิฟต์ ฟางเฉิงก็ยังคงเดินตามเขาราวกับแมลงตอมอาหาร

“คุณฟางครับ” จิ้นเฟิงเฉินหยุดลงตรงหน้าลิฟต์ จากนั้นหันศีรษะก้มหน้ามองฟางเฉิง

รอยยิ้มอันประจบสอพลอปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฟางเฉิง “ประธานจิ้นครับ ที่ผมพูดถูกต้องใช่ไหม? คุณลองคิดดูอีกดีไหมครับ?”

“ความพูดกันอย่างจริงใจสำคัญมากในการทำความร่วมมือทางธุรกิจ แต่ผมไม่คิดว่าคุณคิดอย่างนั้น คุณฟาง การสนทนาของเราในวันนี้จบลงเท่านี้นะครับ”

จิ้นเฟิงเฉินยิ้มขึ้นอย่างสุภาพ จากนั้นสีหน้าก็กลับมาเป็นท่าทางที่ไร้อารมณ์ดังเดิมแล้วกล่าวเสริมว่า “ถ้าคุณมีเรื่องอะไรจะพูดอีก คุณสามารถไปหาน้องชายผมได้”

ท้ายที่สุดจิ้นเฟิงเฉินก็ตัดสินใจไม่ให้โอกาสฟางเฉิงพูดอีกต่อไป เขาเดินตรงไปถึงที่ลิฟต์

เมื่อฟางเฉิงกลับมารู้สึกตัวอีกที ประตูลิฟต์ก็ปิดลงอย่างช้าๆ

เขามองไปที่ประตูลิฟต์เป็นเวลานาน ฟางเฉิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินออกไปจากจิ้นกรุ๊ปในที่สุด

เมื่อกลับมาที่โรงแรม ฟางเฉิงนั่งอยู่ข้างเตียงและถือสัญญาอยู่เนิ่นนาน

เมื่อจิ้นเฟิงเฉินกลับมาที่ห้องทำงาน เขาก็เห็นจิ้นเฟิงเหรานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา

“พี่ครับ เป็นอย่างไรบ้าง? ยินยอมทำโครงการนั้นหรือเปล่า?

สิ่งที่จิ้นเฟิงเหรากังวลก็คือ พี่ชายของเขาเป็นคนใจอ่อนและอาจยอมตกลงที่จะร่วมมือเพราะเห็นแก่หน้าเจียงสื้อสื้อ

โครงการนี้มีความเสี่ยงสูง

จิ้นเฟิงเฉินเหลือบตามองเขาและเดินไปที่โต๊ะก่อนจะตอบว่า “ไม่”

จิ้นเฟิงเหราถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงพูดคุยกับจิ้นเฟิงเฉินอย่างจริงจังเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้ตรวจสอบมาเป็นพิเศษ

“ผมได้ยินมาว่าSAกรุ๊ปกำลังถูกสอบสวน…….”

“ผมรู้”

ก่อนที่จิ้นเฟิงเหราจะพูดจบ จิ้นเฟิงเฉินก็ขัดจังหวะเขาและตอบด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำ

เป็นเพราะเหตุนี้เองที่เขาจะต้องระแวดระวังแบบนี้

เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ไม่ว่าบริษัทใดก็ควรคิดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรก่อนไม่ใช่เหรอ?

แต่SAกรุ๊ปไม่ได้ทำแบบนั้น เวลาแบบนี้ยังส่งฟางเฉิงออกมาเจรจาหาความร่วมมือ

เรื่องนี้มันผิดธรรมชาติมาก

“หืม? พี่รู้อย่างงั้นเหรอ? งั้นลองบอกผมหน่อยได้ไหมว่าเป็นอย่างไร”

จิ้นเฟิงเหรายังคงถามต่อไปอย่างสงสัย

แม้ว่าเมื่อวานจิ้นเฟิงเฉินจะบอกกับเขาเพียงสองสามอย่างเกี่ยวกับสัญญานี้ แต่ก็เพียงแค่พูดออกมาลอยๆ ไม่ได้ลงรายละเอียดอะไร

เมื่อเห็นว่าเขาถามออกมาอีกครั้งในตอนนี้ จึงได้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาเพียงไม่กี่ประโยค

เรื่องนี้ถึงบอกเฟิงเหราไปก็ไม่มีอะไร

ท่าทางของจิ้นเฟิงเหรารู้สึกประหลาดใจมาก “นี่เขาตั้งใจสร้างปัญหาที่นา!”

จิ้นเฟิงเฉินเลิกคิ้วอย่างเหลือเชื่อ

หากต้องการหาเรื่อง ก็ควรจะคิดให้ดีเสียก่อนว่าจะผ่านมือเขาไปได้หรือไม่

และทางด้านของฟางเฉิง

หลังจากฟางเฉิงได้สติกลับคืนมา เขาก็วางสัญญาลงแล้วเปิดคอมพิวเตอร์ โทรวิดีโอสื่อสารเพื่อติดต่อฟางอี้หมิง ลูกชายของเขา

ในไม่ช้าใบหน้าของฟางอี้หมิงก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ

“พ่อครับ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?”

ฟางอี้หมิงถามด้วยท่าทางงงงวย

ฟางเฉิง ถอนหายใจลึกๆตอบว่า “พ่อได้คุยเรื่องสัญญากับจิ้นเฟิงเฉินในช่วงสองวันที่ผ่านมา และก็ได้พบกับเขาในวันนี้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ต้องการร่วมมือกับเรา”

ฟางอี้หมิงอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้

จากที่เขามองดู เงื่อนไขเหล่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนรู้สึกใจเต้น

ไม่คิดมาก่อนว่าจิ้นเฟิงเฉินจะไม่สนใจมันเลยงั้นหรือ?

“เขาพูดยังไงครับ” ฟางอี้หมิงถามขึ้นอย่างสงสัย

ฟางเฉิงจึงเล่าเรื่องคำถามที่จิ้นเฟิงเฉินถามให้ฟางอี้หมิงฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วน

เขาต้องยอมรับว่าลูกชายของเขาแม้เกิดมาจากเขาแต่ฉลาดกว่ามากทีเดียว

ในโลกของธุรกิจ ฟางอี้หมิงรอบรู้กว่าเขาเยอะ

หลังจากได้ฟัง ฟางอี้หมิงก็นิ่งเงียบไป

“อี้หมิง พวกเราควรจะบอกเขาไหม?”

เมื่อเห็นสีหน้าของฟางอี้หมิง ฟางเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะถามเบาๆ

เนื่องจากเรื่องนี้เขารู้ดี

ในตอนที่ฟางอี้หมิงให้สัญญาฉบับนี้กับเขา เขาเองก็ได้ถามมันมาก่อน

อย่างไรก็ตาม เมื่อยังไม่ได้ถามความสมัครใจของฟางอี้หมิง เขาจึงไม่แน่ใจว่าจะบอกจิ้นเฟิงเฉินดีหรือไม่

“ครับ บอกกับเขาไปเถอะ เรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรมาก”

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฟางอี้หมิงก็ตัดสินใจออกมา

ข้อกำหนดของSAกรุ๊ป ก็เพียงแค่ให้พวกเขาจัดหาต้นโหราเดือยไก่ให้ในระยะยาวเท่านั้นเอง

“อืม ได้”

ฟางเฉิงพยักหน้า และเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขาจึงได้ถามถึงความสงสัยที่อยู่ในหัวมาตลอดว่า “ลูกเคยบอกพ่อว่า โหราเดือยไก่เป็นยาที่มีพิษแรงไม่ใช่หรือไง? แล้ว SAกรุ๊ปจะนำมันไปทำอะไร?”

ฟางอี้หมิงส่ายหัวและพูดว่า “ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องนี้เหมือนกัน”

“อืมตกลง พรุ่งนี้พ่อจะลองไปพบจิ้นเฟิงเฉินอีกครั้ง ลูกพักผ่อนให้มากๆ ถ้าเหนื่อยก็หยุดก่อน”

หลังจากกำชับฟางอี้หมิงเรียบร้อยแล้วฟางเฉิงก็วางสายลง

เช้าตรู่ของวันต่อมา

จิ้นเฟิงเฉินตื่นแต่เช้า หลังจากอาบน้ำเสร็จเขาก็เห็นผู้หญิงตัวเล็กๆยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียง จึงเดินไปห่มผ้าห่มให้เธอแล้วหันหลังเดินจากไป

เมื่อไปถึงบริษัท ก็พบว่าฟางเฉิงรออยู่ที่ประตูแล้ว เมื่อรู้ว่าเขามารอตั้งแต่เช้า ก็เดาออกว่าเขาต้องมาเจรจาเรื่องสัญญาอีกครั้งแน่นอน

ฟางเฉิงเห็นร่างของจิ้นเฟิงเฉินเดินเข้ามาก็เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มที่ประจบสอพลอทันที “ประธานจิ้นครับ ในที่สุดก็มาสักที ผมมารอตั้งแต่เจ็ดโมงเลย”

จิ้นเฟิงเฉินหยุดและพูดเบาๆว่า “คุณฟางมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”

“ประธานจิ้นครับ วันนี้ผมอยากคุยกับคุณเกี่ยวกับความร่วมมืออีกครั้ง หลังจากที่ผมจากไปเมื่อวานนี้ ผมได้ไปถาม SAกรุ๊ปว่าทำไมส่วนต่างกำไรถึงได้มากมายนัก……” ฟางเฉิงก้าวไปข้างหน้าเพื่อกันจิ้นเฟิงเฉินเอาไว้

“ไปคุยที่ออฟฟิศดีกว่าครับ”

เดิมทีจิ้นเฟิงเฉินไม่ต้องการคุยกับเขาอีกต่อไป แต่เมื่อได้ยินประโยคครึ่งหลังของเขาก็เปลี่ยนใจ

เขาต้องการทราบว่า SAกรุ๊ปทำอะไรอยู่กันแน่

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท