ชีซาขบคิด คิดว่าเขาพูดถูก
ในเมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องขายวัตถุดิบให้พวกเขา ไม่งั้นเธอก็ต้องเสียแรงเผามันอีกครั้ง
“งั้นต่อไปคุณจะทำยังไง” ชีซาถาม
“กลับประเทศ”
เขาคิดถึงสื้อสื้อและลูกทั้งสองแล้ว
เมื่อเห็นความอ่อนโยนที่เผยออกมาให้เห็นในดวงตาของเขา ชีซาจึงอดหยอกล้อไม่ได้ “คุณก็ยังหนีจากภรรยาคุณไม่ได้”
เมื่อก่อนเธอคิดว่าจิ้นเฟิงเฉินเย็นชาขนาดนี้คงไม่มีผู้หญิงที่ไหนรับเขาได้ ไม่แน่ว่าอาจโสดตลอดชีวิต
แต่ไม่คิดว่าเขาจะแต่งงาน และยังไม่ได้เย็นชาต่อภรรยาเลยสักนิด แถมยังอ่อนโยนมากด้วย
นี่เป็นสิ่งที่ชีซาไม่กล้าจินตนาการ ดังนั้นถึงตอนนี้ยังรู้สึกราวกับไม่ใช่เรื่องจริง
จิ้นเฟิงเฉินไม่สนใจการหยอกล้อของเธอ เพราะเขาหนีจากสื้อสื้อไปพ้นจริงๆ
“หลังจากผมกลับประเทศ คุณช่วยผมจับตามองจอห์น มีความเคลื่อนไหวอะไรรีบรายงานผม”
“แน่นอน ฉันติดหนี้คุณ”
ชีซาสยายผมของเธอ และพูดราวกับไม่ใส่ใจ “เดินทางปลอดภัย”
“ขอบคุณ”
ขอบคุณอีกแล้ว
ชีซาหัวเราะแห้งๆ “ก็ได้ ฉันไปก่อนล่ะ มีอะไรก็ติดต่อมา”
พูดจบก็เดินออกไปไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำ
“คุณชาย ตั๋วเครื่องบินพร้อมแล้วครับ เครื่องออกพรุ่งนี้เช้า” กู้เนี่ยนบอก
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า จากนั้นกลับเข้าห้องไปโทรหาเจียงสื้อสื้อ
ปกติเจียงสื้อสื้อจะรับสายในทันที ทว่าครั้งนี้กลับไม่รับ
พักผ่อนอยู่เหรอ
จิ้นเฟิงเฉินถือโทรศัพท์ จ้องมองหน้าจอ
เขาโทรไปอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีคนรับ
เริ่มไม่วางใจ
ดังนั้นเขาจึงโทรหาแม่ เมื่อรับสาย เสียงแปลกใจของแม่ก็ถูกส่งมา “ทำไมอยู่ๆ ถึงได้โทรมาหาแม่ได้”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ตอบทว่าถามกลับไป “แม่ครับ สื้อสื้อล่ะ”
“ว่าแล้วเชียวว่าแกคงไม่โทรหาแม่” แม่จิ้นบอกแง่งอน “สื้อสื้อพักผ่อนอยู่ในห้อง แกมีอะไรหรือเปล่า”
ที่แท้ก็กำลังพักผ่อน
จิ้นเฟิงเฉินพ่นลมหายใจออกมา คุยกับแม่เล็กน้อยแล้วจึงวางสาย
ยังไงพรุ่งนี้ก็จะกลับประเทศแล้ว เขาไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของสื้อสื้อ
……
จิ้นเฟิงเฉินเดินทางไปต่างประเทศครั้งนี้ นอกจากรอยแดงบนผิวของเธอแล้ว เธอยังรู้สึกเหนื่อยง่าย บางครั้งยังรู้สึกไม่มีแรง
หานยู่และโม่เหยียบอกว่านี่มันเกี่ยวข้องกับยาและเชื้อในร่างกายของเธอ แต่เธอคิดว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น
เมื่อเธอตื่นขึ้นมา เธอยิ่งทรมานกว่าเดิม
สะลึมสะลือ ไร้เรี่ยวแรง
เธอวัดไข้ 37.8องศา
เป็นไข้แล้ว
นึกถึงเมื่อก่อนยามที่ตัวเองเป็นไข้ เธอนึกถึงความยุ่งยากเกินความคาดหมายที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายเธอ
“หม่ามี๊”
เสี่ยวเป่าและเถียนเถียนวิ่งเข้ามาในห้อง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
แม้ว่าเธอจะไม่สบาย เจียงสื้อสื้อก็ยังคงยิ้มออกมา เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มีอะไรถึงได้ดีใจขนาดนี้คะ”
“คุณย่าสอนพวกเราทำเค้กค่ะ” เสียงน่ารักของเถียนเถียนเอ่ยบอก
“เก่งจังเลยค่ะ” เจียงสื้อสื้อลูบศีรษะของเด็กทั้งสอง
“หม่ามี๊รีบลุกขึ้นมา” เถียนเถียนดึงมือของเธอ “ลงไปทานเค้กกันนะคะ อร่อยมากเลย”
เจียงสื้อสื้อได้ยินดังนั้นแล้วจึงลุกขึ้น รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาทันที ทรมานจนต้องขมวดคิ้วแน่น
เสี่ยวเป่าสังเกตเห็น จึงรีบถาม “หม่ามี๊ ไม่สบายเหรอครับ”
มองเห็นคำว่ากังวลเขียนอยู่เต็มหน้าเขา เจียงสื้อสื้อจึงปลอบโยนเขา “เปล่าค่ะ แม่แค่พึ่งตื่น ยังไม่ทันมีสติเท่านั้นเอง”
“เถียนเถียน ลงไปข้างล่างกับพี่ก่อนนะคะ เดี๋ยวหม่ามี๊ตามไป”
เถียนเถียนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ค่ะ งั้นหม่ามี๊รีบลงมานะคะ”
“ค่ะ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มมองเด็กทั้งสองเดินออกไป จากนั้นรอยยิ้มก็เลือนหายไป เปลี่ยนเป็นความทรมานเข้ามาแทนที่
ไม่ได้ ตามสถานการณ์ตอนนี้ เธอต้องไปหาโม่เหยียและหานยู่
……
อิตาลี
เช้าวันต่อมา จิ้นเฟิงเฉินและกู้เนี่ยนปรากฏตัวอยู่ที่หน้าล็อบบี้ชั้นหนึ่งของโรงแรม ทำเรื่องคืนห้อง
“คุณชาย เรียบร้อยแล้วครับ”
กู้เนี่ยนลากกระเป๋ามาหยุดอยู่ด้านข้างจิ้นเฟิงเฉิน
“ไปกันเถอะ”
จิ้นเฟิงเฉินเดินออกจากโรงแรมไปก่อน ยังไม่ทันได้ขึ้นรถก็ถูกขวางเอาไว้ก่อน
“พวกคุณเป็นใคร”
กู้เนี่ยนรีบมายืนบังอยู่ด้านหน้าจิ้นเฟิงเฉิน ท่าทางหวาดระแวง
“คุณเฟิง” น้ำเสียงคุ้นเคยดังขึ้น
ดวงตาจิ้นเฟิงเฉินวาววับ มองผู้ชายที่เดินเข้ามาด้วยท่าทางเงียบสงบ
นี่ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นจอห์นนั่นเอง
เขาเดินเข้ามาหาจิ้นเฟิงเฉินด้วยรอยยิ้ม กวาดตามองกระเป๋าเดินทางในมือกู้เนี่ยน จากนั้นเหลือบตามองจิ้นเฟิงเฉิน “คุณเฟิง คุณจะทำอะไรครับ”
“กลับประเทศ”
สองคำสั้นๆ
แน่นอนว่าจอห์นรู้ว่าเขาจะกลับประเทศ แต่ไม่ต้องการให้เขากลับไปแบบนี้ จึงเอ่ย “ดูเหมือนว่าผมจะรับรองได้ไม่ดี คุณถึงได้รีบกลับขนาดนี้”
“ไม่เกี่ยวกับคุณ” จิ้นเฟิงเฉินไม่อยากเสียเวลากับเขามาก หันกลับไปออกคำสั่งกับกู้เนี่ยน “เอาของไปเก็บท้ายรถ”
พูดจบ เขาจึงเดินอ้อมคนที่ขวางเขาเอาไว้ไปขึ้นรถ
เมื่อเห็นดังนั้น จอห์นจึงรีบเข้าไปขวาง “คุณเฟิง รอเดี๋ยวครับ”
“มีอะไร” จิ้นเฟิงเฉินหยุดเท้า มองเขาด้วยดวงตาเยือกเย็น
จอห์นปัดมือ เอ่ยขึ้น “แบบนี้ครับ คุณเองก็รู้ว่าวัตถุดิบของเราถูกไฟไหม้ แต่ว่าการวิจัยของผมยังต้องใช้วัตถุดิบ ดังนั้น…ผมอยากสั่งจากคุณอีกครั้งจะได้ไหมครับ”
“ต้องการสั่งวัตถุดิบอีกล็อต” จิ้นเฟิงเฉินไม่ตอบทว่าถามกลับไป
“ครับ”
จอห์นคิดว่านี่เป็นโอกาสได้เงินเขาคงจะไม่ปฏิเสธถึงจะถูก
จิ้นเฟิงเฉินไม่ปฏิเสธจริงๆ “ได้”
เมื่อเห็นว่าเขาตอบตกลงแล้ว จอห์นจึงพ่นลมหายใจออกมา แต่ต่อมาจิ้นเฟิงเฉินก็เอ่ยขึ้นอีก “แต่ว่า…”
เมื่อได้ยินคำว่า “แต่ว่า” สองคำนี้ หัวใจของจอห์นก็กระตุก
“วัตถุดิบจำนวนมาก ผมต้องใช้เวลาในการรวบรวม”
นี่เป็นแค่เพียงแผนการเลื่อนออกไปของจิ้นเฟิงเฉินเท่านั้น
จอห์นกลับไม่มีความสงสัย เพราะมันเยอะมากจริงๆ เป็นใครก็ไม่สามารถหามาได้ในเวลาอันรวดเร็ว
“งั้นก็ได้ ผมให้เวลาคุณเตรียมของหนึ่งสัปดาห์ คุณว่ายังไง”
“ได้”
ยังไงเขาก็ไม่ขาย จะให้เวลาหนึ่งเดือนเขาก็เตรียมให้ไม่ได้หรอก
เมื่อเห็นว่าเขารับปากแล้วก็สบายใจ จอห์นหัวเราะออกมา “คุณเฟิงเองก็เป็นคนที่น่าสนใจ ได้ร่วมงานกับคุณนับว่าเป็นโชคดีของผม”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้สนใจคำชื่นชมของเขา ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ผมขึ้นรถได้หรือยัง”
จอห์นชะงัก จากนั้นรีบหลบทางให้ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ได้ครับ ได้แน่นอนครับ”
บอกพลางช่วยเขาเปิดประตูรถ “เชิญครับ”
จิ้นเฟิงเฉินมองเขาเล็กน้อย ขึ้นรถด้วยท่าทางเย็นชา
“คุณเฟิง ยินดีต้อนรับคุณกลับมาอีกครั้งนะครับ”
เมื่อพูดจบ จอห์นก็ปิดประตูรถ
มองตามรถที่เคลื่อนตัวออกไป จนหายลับไปจากสายตา จอห์นจึงดึงสายตากลับมา รอยยิ้มบนใบหน้านั้นหายไป
“พิเอร์ส”
พิเอร์สที่ยืนอยู่ไม่ไกลรีบเดินเข้ามา “ครับ คุณจอห์น มีอะไรให้รับใช้ครับ”
“จับตาดูเขา อีกหนึ่งสัปดาห์ของต้องครบ”
“ครับ”
จอห์นมองพิเอร์ส หรี่ตาลง เอ่ยเสียงหนัก “ถ้าครั้งนี้พลาดอีก นายคงต้องรับผิดชอบทุกอย่างจริงๆ แล้วนะ”
พิเอร์สพยักหน้ารับ “เข้าใจครับ”