ตกบ่าย เจียงสื้อสื้อกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้อง จู่ๆ แม่บ้านก็ขึ้นมาบอกว่า “คุณหญิงคะ มีแขกมาขอพบคุณค่ะ”
แขกของเธองั้นเหรอ
เจียงสื้อสื้อวางหนังสือในมือลง สีหน้าสงสัย
ใครกัน
เจียงสื้อสื้อลงไปข้างล่าง เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ในห้องนั่งเล่น จิตใต้สำนึกก็สั่งให้หยุดก้าวเดิน
“คุณแม่….” เธอร้องเรียกอย่างไม่กล้ามั่นใจ
เมื่อได้ยินเสียง แม่ฝู้ก็หันมา สายตาอ่อนโยนมาตกที่ตัวเธอ รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ เบ่งบาน
“สื้อสื้อ ไม่เจอกันนานนะจ๊ะ”
“คุณมาได้ยังไงคะ” เจียงสื้อสื้อรีบเดินเข้าไป ใบหน้าเล็กสวยงามเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ฉันเพิ่งกลับประเทศมาพอดีเลยมาเยี่ยมหนู”
แม่ฝู้มองไปรอบๆ แล้วถามว่า “ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง หนูสบายดีไหม”
ตั้งแต่สื้อสื้อกลับประเทศ ทั้งเธอและพ่อฝู้วันวันเอาแต่กังวลว่าเธอกับลูกจะเป็นอย่างไรบ้าง คนของตระกูลจิ้นจะดูแลพวกเธอดีไหม
“ฉันสบายดีค่ะ ลูกก็สบายดีเหมือนกัน ครอบครัวเฟิงเฉินดีต่อพวกเรามากค่ะ”
เจียงสื้อสื้อมองความคิดในใจเธอออก จึงพูดคำว่าดีถึงสามคำ
หินก้อนใหญ่ที่กดทับอยู่ในใจมาตลอดในที่สุดก็ตกลงสู่พื้น แม่ฝู้จึงเปลี่ยนเรื่อง ถามว่า “เสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนล่ะ”
“พวกเขาไปโรงเรียนอนุบาลยังไม่กลับค่ะ”
“แบบนี้นี่เอง” แม่ฝู้ค่อนข้างเสียดาย ที่เธอมาครั้งนี้เพราะอยากมาเยี่ยมเด็กๆ กับสื้อสื้อ
“คุณแม่คะ เดี๋ยวพวกเขาก็กลับมาแล้ว คุณมานั่งรอก่อนนะคะ”
เจียงสื้อสื้อดึงเธอไปนั่งลงที่โซฟา หลังจากนั้นจึงหันหน้าไปสั่งแม่บ้านว่า “ไปชงชาดอกไม้มาแก้วหนึ่ง”
“ค่ะ” แม่บ้านรับคำสั่งแล้วจึงเดินไปห้องครัว
“หนูอยู่บ้านคนเดียวเหรอ” แม้ฝู้เห็นว่าไม่มีคนอื่นอยู่ จึงถามอย่างแปลกใจ
“บางคนไปทำงานค่ะ บางคนพักผ่อนอยู่ข้างบน”
“อืม…” แม่ฝู้ลังเลครู่หนึ่ง “พ่อเถียนเถียนอยู่ไหม”
“อยู่ค่ะ อยู่ข้างบน” เจียงสื้อสื้อคิดไม่ถึงว่าเธอจะถามถึงจิ้นเฟิงเฉิน จึงคาดไม่ถึงเล็กน้อย “คุณอยากเจอเขาเหรอคะ”
“เปล่าจ้ะเปล่า”
แม่ฝู้ส่ายหน้า ใจเธอยังค่อนข้างวางไม่ลงแทนลูกชายตัวเอง
ลูกชายของตนก็ดีเยี่ยมเช่นกัน และก็รักสื้อสื้อมาก แต่สุดท้ายก็แพ้ให้จิ้นเฟิงเฉิน
แถมเธอยังเสียลูกสาวแสนดีกับเถียนเถียนหลานที่น่ารักไปด้วย
“คุณหญิง ชาดอกไม้ที่คุณต้องการได้แล้วค่ะ”
แม่บ้านส่งชาที่ชงอย่างดีให้เจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อรับมา หลังจากนั้นก็นำไปวางไว้ตรงหน้าแม่ฝู้ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณแม่คะ นี่คือดอกไม้ที่คุณแม่สามีปลูกเอง ตากชาดอกไม้แห้งด้วยมือตัวเอง คุณลองดื่มดูค่ะว่าชอบไหม”
“ได้จ้ะ”
เมื่อแม่ฝู้จิบไปเบาๆ กลิ่นหอมของดอกไม้ก็กระจายฟุ้งไปทั้งปาก เธอเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ “ดื่มแล้วทั้งหอมทั้งอร่อยมากเลย”
เจียงสื้อสื้อยิ้ม “ถ้าคุณชอบ เดี๋ยวให้คุณเอากลับไปนะคะ”
“ได้เหรอ คุณแม่สามีของหนู…”
“ถ้าคุณแม่สามีรู้ว่าคุณชอบชาดอกไม้ของท่านมาก ต้องดีใจมากแน่นอนค่ะ”
แม้ฝู้ก้มหน้ายิ้มแล้วพูดว่า “แม่สามีหนูเป็นคนดีจริงๆ”
“เป็นอย่างนั้นจริงๆ ค่ะ” เจียงสื้อสื้อครุ่นคิดอย่างจริงจังก่อนจะพูดต่อว่า “ท่านกับคุณเหมือนกันเลยค่ะปฏิบัติต่อฉันเหมือนเป็นลูกสาวแท้ๆ ตอนนั้นถ้าไม่ใช่คุณ เกรงว่าฉันกับเถียนเถียนตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าอยู่ที่ไหน”
เมื่อพูดถึงเรื่องเมื่อก่อน เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะแสบจมูก ดวงตาแดงก่ำ
แม่ฝู้จับมือของเธอ พูดน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ฉันสิควรจะพูดว่าถ้าไม่ใช่เพราะหนูกับเถียนเถียน ฉันกับคุณพ่อของหนูก็คงจะไม่มีความทรงจำที่ดีอย่างนั้น”
เพียงแต่พวกเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าช่วงเวลาที่ดีแบบนั้นจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
มองดูสื้อสื้อที่มีความสุขอยู่ตรงหน้า คลื่นความขมขื่นก็ถาโถมเข้ามาในจิตใจทันที แล้วดวงตาของแม่ฝู้พลันแดงเรื่อ เธอหันหน้าหนียกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไม่สามารถกลั้นได้ หลังจากนั้นจึงฝืนรอยยิ้ม “ตราบใดที่หนูกับเถียนเถียนมีความสุข พวกเราก็วางใจจ้ะ”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
ทั้งสองยิ้มให้กัน รู้สึกเหมือนกลับไปในช่วงเวลาเมื่อสามปีก่อน
ผ่านไปครู่หนึ่ง เจียงสื้อสื้อถึงได้ระงับอารมณ์เศร้าลงได้ ก่อนจะถามด้วยรอยยิ้มว่า “คุณแม่ฝู้คะ ช่วงนี้ร่างกายคุณเป็นยังไงบ้างคะ แล้วคุณพ่อล่ะ”
“ฉันกับคุณพ่อหนูสุขภาพดีจ้ะ หนูไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“แล้วทำไมคุณมาคนเดียวคะ” ที่จริงเจียงสื้อสื้อไม่กล้าคิดว่าตัวเธอจะมาบ้านตระกูลจิ้นเพื่อเยี่ยมตนเท่านั้น
“เรื่องนี้เอ่อ…” แม่ฝู้ถอนหายใจ แล้วหันหน้าไปมองเธอ “เมื่อหนูกับเถียนเถียนไปจากฝรั่งเศส ฉันคนเดียวก็ไม่มีอะไรทำ คิดถึงเถียนเถียนมากเป็นพิเศษ คุณพ่อของหนูบอกว่าในเมื่อคิดถึงพวกหนูก็ให้มาเยี่ยม”
ให้ผู้สูงอายุกลับประเทศมาเพียงคนเดียวเพื่อมาหาเป็นพิเศษ เจียงสื้อสื้อก็ค่อนข้างรู้สึกผิด “คุณแม่คะ ทำให้คุณกังวลแล้ว”
แม่ฝู้ดึงหน้าตึงทันที แกล้งทำเป็นว่าเธอไม่พอใจ “หนูกับฉันทำไมต้องเกรงใจกันอีก ฉันไม่ชอบใจเลย”
“อย่าสิคะ ฉันรู้แล้วว่าผิดค่ะ” เจียงสื้อสื้อเป็นเหมือนที่เคย ยกมือขึ้นยอมรับผิดอย่างขี้เล่น
แม่ฝู้หัวเราะออกมา “ยัยเด็กคนนี้นี่”
สำหรับเจียงสื้อสื้อนั้นจะว่าไปแล้ว ตลอดมาเธอปฏิบัติต่อคุณพ่อฝู้กับคุณแม่ฝู้เหมือนเป็นพ่อแม่แท้ๆ สามารถพูดได้ว่าหากวันนั้นไม่มีพวกเขาก็จะไม่มีเธอกับเถียนเถียนในวันนี้
นอกจากความกตัญญูรู้คุณแล้ว ก็ยังมีความรู้สึกของความเป็นครอบครัวอย่างมากด้วย
“คุณแม่ ที่จริงฉันก็คิดถึงพวกคุณค่ะ” เจียงสื้อสื้อเอนศีรษะพิงลงบนไหล่เธอ “ฉันคิดถึงอาหารที่คุณทำค่ะ”
“หนูคงจะคิดถึงแค่อาหารที่ฉันทำสินะ” แม่ฝู้แกล้งหยอกล้อเธอด้วยรอยยิ้ม
“ที่ไหนกันคะ ฉันคิดถึงคุณต่างหากค่ะ”
เวลานี้เจียงสื้อสื้อเหมือนเป็นลูกสาวที่กำลังอ้อนแม่
“อยากทานเมื่อไรก็มาหาฉัน ฉันจะทำให้หนูเองจ้ะ”
“ค่ะ”
ทั้งสองคนนั่งกันเงียบๆ สักพัก จากนั้นไม่นานแม่ฝู้ก็พูดอย่างโล่งใจว่า “ตอนนี้ฉันเห็นหนูสบายดี ฉันก็วางใจแล้วจ้ะ”
ถึงแม้ว่าเธอจะแอบเห็นแก่ตัวโดยหวังว่าเธอกับจิงเหวินจะสามารถอยู่ด้วยกันได้ แต่สุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้อยู่ดี
มันน่าผิดหวัง แต่ก็โล่งใจที่เห็นเธอมีความสุข
ยิ่งไปกว่านั้น จิงเหวินก็ลบเธอออกไปจากใจแล้วด้วย
ฟังคำพูดของแม่ฝู้ เจียงสื้อสื้อก็ตาแดงอีกครั้ง ครั้งนี้เธอกลั้นไม่อยู่ น้ำตาเอ่อล้นไหลลงมา
เห็นเธอร้องไห้ แม่ฝู้จึงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้เธอและพูดอย่างหมดหนทางว่า “พอแล้ว ไม่ต้องร้องไห้แล้วเด็กโง่”
เจียงสื้อสื้อสูดจมูก “โอเคค่ะ ฉันไม่ร้องแล้ว”
แม่ฝู้เกลี่ยผมที่ตกลงมาขึ้นทัดหูให้สื้อสื้อ “ความจริงแล้วที่ฉันมาครั้งนี้ก็เพราะอยากมาดูหนูกับเถียนเถียน และก็ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งด้วยจ้ะ”
“สาเหตุอะไรเหรอคะ” เจียงสื้อสื้อนั่งตัวตรง มองเธออย่างสงสัย
แม่ฝู้ยิ้มให้เธอ ก่อนจะเปิดกระเป๋าออก แล้วหยิบเอากล่องใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า
“นี่คือสิ่งที่จิงเหวินแอบส่งกลับบ้านมา เขาให้ฉันเอามาให้เธอ ฉันก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เขาเขียนจดหมายมาว่ามันเป็นความลับและให้คนแอบส่งมาให้”
แม่ฝู้ยื่นกล่องให้เธอ
“จิงเหวินเหรอคะ”
เจียงสื้อสื้อสงสัยมากว่าในกล่องคืออะไร ถึงได้ทำให้ฝู้จิงเหวินระมัดระวังตัวขนาดนั้น
“หนูเปิดดูสิ”
เมื่อได้ยินดังนั้นเจียงสื้อสื้อจึงเปิดกล่อง ด้านในปรากฏเป็นกล่องยากล่องหนึ่ง
“ยาเหรอคะ” แม่ฝู้รู้สึกแปลกใจมาก “ทำไมจิงเหวินถึงได้ส่งยามาให้หนูล่ะ”
แม่ฝู้ไม่รู้สถานการณ์ของเจียงสื้อสื้อ ดังนั้นจึงไม่รู้ความหมายของลูกชายตัวเอง
ทันทีที่เห็นกล่องยา เจียงสื้อสื้อก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ไม่นานก็ได้สติกลับมา จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อาจจะเป็นยาที่เขาวิจัยและพัฒนาออกมาใหม่ค่ะ”