ฟางยู่เชินค่อยๆ จัดเอกสารในมือ ไม่ได้สนใจ
ฟางอี้หมิงกัดฟันแน่น เห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธ แต่ว่าก็ยิ้มจนตาหยี “ไม่ว่าจะยังไง ก็ขอแสดงความยินดีก่อนแล้วกัน”
แน่นอนว่าคำว่า “ยินดี”มันไม่ได้จริงใจเลยสักนิด
คนในนี้รู้ดีหมด
ฟางยู่เชินยิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณ”
กระแสน้ำที่มืดมิดเพิ่มขึ้นระหว่างคนทั้งสอง และบรรยากาศก็ค่อยๆ ตึงเครียด
ตอนนี้เอง ก็ได้ยินเสียงของฟางรุ่ยดังขึ้น “ยินดีอะไรกัน ทุกอย่างยังคงแปรผันได้ทั้งนั้น”
“พ่อ พวกเราไปกันเถอะ”
ฟางเย้นซินไม่อยากจะพูดอะไรกับพวกเขามากมาย คิดแค่อยากจะรีบกลับไปคิดหาทางห้ามไม่ให้คุณท่านมอบกิจการของครอบครัวให้กับฟางยู่เชิน
ครอบครัวของฟางรุ่ยรีบร้อนกลับไป ฟางเฉิงกับฟางอี้หมิงก็ตามไปติดๆ เหมือนกัน
ในห้องประชุมที่ใหญ่โตก็เหลือเพียงแค่ฟางยู่เชิน
เขาถอนหายใจยาว ดึงเก้าอี้ออกแล้วนั่งลง
ศึกวันนี้ถือว่าชนะ แต่ยังวางใจไม่ได้จริงๆ เมื่อคุณท่านตัดสินใจเลือกผู้สืบทอดเมื่อไหร่ นั่นแหละถึงจะชนะได้อย่างแท้จริง
……
ณ เมืองจิ่น ตระกูลจิ้น
เจียงสื้อสื้อตื่นแต่เช้าตรู่ ลูกน้อยทั้งสองคนยังคงนอนอยู่ เธอลุกขึ้นจากเตียงอย่างเบามือเบาเท้า แล้วก็เดินออกไปด้านนอก
ตอนลงมาก็พบว่าจิ้นเฟิงเฉินเองก็ตื่นแล้ว
“ทำไมตื่นเร็วขนาดนั้นล่ะ? ” จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วแล้วก็เดินเข้ามาหาเธอ
เจียงสื้อสื้อยักไหล่ “นอนไม่หลับ”
“เป็นห่วงคุณตาเหรอ?”
“อืม”
เธอนอนไม่หลับทั้งคืน มีความรู้สึกไม่สบายใจอยู่ในใจเสมอ
“คุณตาไม่มีทางเป็นอะไรหรอก” จิ้นเฟิงเฉินพูด
เจียงสื้อสื้อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ฉันรู้ว่าเขาไม่เป็นอะไรหรอก แต่ว่าก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี”
จิ้นเฟิงเฉินลูบหัวของเธอ “เอาน่า ไม่ต้องคิดมากแล้ว เดี๋ยวฉันไปเอานมให้”
ระหว่างที่พูดอยู่นั้น เขาก็เดินเข้าไปในห้องครัว
กินอาหารเช้าเสร็จแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ไปโรงพยาบาล
ตั้งแต่ตอนที่สุขภาพของเธอเริ่มมีปัญหา ก็ไม่เคยไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลเลย เพราะว่ากลัวว่าแม่จะเป็นห่วง
ฟางเสว่มั่นเห็นว่าเธอมา ก็แสร้งทำเป็นไม่พอใจและพูดว่า “แม่ก็นึกว่าลูกลืมแม่คนนี้ไปซะแล้ว”
ถึงแม้จะรู้ว่าแม่ล้อเล่น แต่ว่าเจียงสื้อสื้อก็รู้สึกผิดอยู่ดี
“แม่ ขอโทษค่ะ ช่วงนี้หนู……”
“ไม่ต้องพูดแล้ว”ฟางเสว่มั่นตัดบทเธอ แล้วก็ยิ้ม “แม่ก็แค่ล้อเล่นแค่นั้นเอง แม่ไม่โทษลูกหรอก แล้วอีกอย่างเฟิงเฉินก็บอกแม่แล้ว รอให้ลูกเสร็จธุระเมื่อไหร่ค่อยมาหาแม่”
ตอนแรกเจียงสื้อสื้อก็ประหลาดใจ หลังจากนั้นก็ยิ้ม
เฟิงเฉินคิดเรื่องราวต่างๆ รอบคอบมากกว่าเธอ
เธอนั่งลงที่ขอบเตียง เจียงสื้อสื้อสังเกตแม่อย่างละเอียด แล้วคิ้วของเธอก็ค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน
สีหน้าของแม่ก็ดูดีอยู่ แต่ความรู้สึกนั้นมัน……
“แม่ แม่ผอมลงนะ”มีร่องรอยของความทุกข์อยู่ในน้ำเสียงเจียงสื้อสื้อ
“เหรอ? ” ฟางเสว่มั่นยกมือขึ้นลูบหน้าของตัวเอง “ทำไมแม่ไม่เห็นรู้สึกว่าตัวเองผอมลงเลยล่ะ? ”
เจียงสื้อสื้อหน้าบึ้ง “แม่ แม่ต้องกินข้าวให้ตรงเวลานะ ตอนนี้ร่างกายต้องการสารอาหาร ถ้าเกิดว่าแม่ยังผอมลงไปเรื่อยๆ แบบนี้ ร่างกายแม่จะรับไม่ไหวเอานะ”
ฟางเสว่มั่นยิ้มและพยักหน้า “โอเค โอเค แม่จะกินข้าวเยอะๆ ”
เธอจับมือของเจียงสื้อสื้อ แล้วก็ขมวดคิ้ว “มาบอกแม่ว่าแม่ผอม ตัวเองก็ผอมเหมือนกันแหละ”
“หนูเปล่าซะหน่อย น้ำหนักไม่ได้เปลี่ยนนะ”
เจียงสื้อสื้อพูดด้วยความสำนึกผิด แล้วก็เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “ใช่สิ แม่ ร่างกายแม่รู้สึกยังไงบ้าง? ”
“สองสามวันนี้ก็ดีขึ้นมาหน่อย หมอบอกว่าแม่ฟื้นฟูได้ดีเลย”
เจียงสื้อสื้อโล่งอก “ถ้ายังงั้นก็ดีแล้ว ใช่สิ อีกสองสามวันหนูกะว่าจะไปเยี่ยมคุณตาหน่อย”
พอพูดถึงคุณท่านฟาง รอยยิ้มบนใบหน้าของฟางเสว่มั่นก็ค่อยๆ หายไป
“แม่ มีอะไรอยากพูดกับคุณตาไหม? ”
ดูจากสุขภาพของแม่ตอนนี้ไม่สะดวกจะไปเมืองหลวง แต่ว่าสามารถฝากคำพูดไปได้
ฟางเสว่มั่นตกอยู่ในห้วงความคิด เธอไม่ได้เจอพ่อของเธอมาหลายปีมาก เหมือนกับว่ามีอะไรหลายอย่างที่อยากจะพูด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ย้อนกลับไปตอนนั้นเธอออกจากบ้านไปกับผู้ชายคนหนึ่งอย่างเอาแต่ใจ ผ่านไปหลายปีขนาดนี้ เธอไม่เคยติดต่อกับพ่อ และพ่อก็ไม่เคยตามหาเธอเหมือนกัน
พวกเขาต่างโกรธกันและกัน แต่ก็ไม่มีใครยอมก้มหัวก่อน
ฟางเสว่มั่นฝืนยิ้ม “ไม่มี”
“ไม่มีเหรอ? ”เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว เธอนึกว่าแม่มีเรื่องมากมายที่อยากจะพูดกับตาซะอีก
“แล้วสุขภาพร่างกายตาเป็นยังไงบ้างล่ะ? ”
“ก็ดีอยู่ มีกำลังวังชาดี”
“ถ้ายังงั้นก็ดีแล้ว”
ฟางเสว่มั่นยิ้ม แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่จำใจ “ตอนนี้แม่ก็กลับไปไม่ได้ รอให้แม่แข็งแรงดีเมื่อไหร่ ค่อยกลับไปหาพวกเขาด้วยตัวเองแล้วกัน”
เจียงสื้อสื้อไม่อยากเห็นแม่ทุกข์ใจ ก็ยิ้มและพูดว่า “แม่ แม่ยังมีหนูอยู่ไม่ใช่เหรอ? หนูจะดูแลพวกคุณตาแทนแม่ให้ดีเอง”
เธอไม่ได้เล่าสถานการณ์ของตระกูลฟางในตอนนี้ให้แม่ฟัง เพราะว่าไม่อยากให้แม่ต้องกังวลเหมือนกับเธอ
“โอเค”ฟางเสว่มั่นตบมือของเธอเบาๆ แล้วก็ถามด้วยความเป็นห่วง “เสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนเป็นยังไงบ้าง? ”
“พวกเขาเชื่อฟังมาก คิดถึงแม้ทุกวัน คิดถึงมากด้วย ดังนั้นแม่ต้องรีบหายไวๆ นะ”
“อืม แม่จะรีบหายดี”
เจียงสื้อสื้ออยู่เป็นเพื่อนแม่ที่โรงพยาบาลทั้งวัน จนถึงตอนที่จิ้นเฟิงเฉินเลิกงานแล้วมารับเธอ
ตอนที่จิ้นเฟิงเฉินมาถึงโรงพยาบาลนั้น ฟางเสว่มั่นก็หลับไปแล้ว
“ถึงแม้ว่าแม่ของฉันจะดูมีชีวิตชีวา แต่ว่าความจริงแล้วมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย เหนื่อยง่ายมาก”
มองดูแม่ที่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของเจียงสื้อสื้อก็เต็มไปด้วยความกังวล
“เฟิงเฉิน นายว่าแม่ของฉันจะ……”เสียงของเจียงสื้อสื้อหยุดนิ่ง ไม่กล้าพูดต่อ
“อย่าคิดมาก”จิ้นเฟิงเฉินกอดไหล่ของเธอ มองไปที่แม่ที่นอนอยู่บนเตียง “ฉันจะให้หมอคิดแผนการรักษาโดยเร็วที่สุด ถ้าเกิดว่าไม่ได้จริงๆ ฉันจะส่งแม่ไปรักษาที่ต่างประเทศ”
เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะตาร้อน เธอหันหลัง แล้วก็เอาหน้าฝังเข้าที่หน้าอกของเขา แล้วก็พูดอย่างเศร้าใจว่า “ขอบคุณนะ เฟิงเฉิน”
ถ้าเกิดว่าไม่ได้รู้จักเขา ไม่ได้คบกับเขา ตอนนี้เธอคงจะรู้สึกหมดหนทางแล้วอย่างแน่นอน
“ยัยบื้อ ฉันเคยบอกแล้วไง ว่าระหว่างพวกเราไม่จำเป็นต้องพูดขอบคุณ” จิ้นเฟิงเฉินลูบผมของเธออย่างแผ่วเบา “เอาน่า ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก แม่จะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน”
เจียงสื้อสื้อสูดจมูก เงยหน้าขึ้น จ้องมองไปที่กรามที่ชัดเจนของเขา มุมปากก็โค้งขึ้น “อืม!นายบอกว่าจะดีขึ้นก็ต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน ฉันเชื่อนาย”
พอได้ยินแบบนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ก้มหน้ามองดวงตาที่เปล่งประกายไปด้วยหยดน้ำของเธอ แล้วก็หัวเราะออกมา “เธอเชื่อฉันขนาดนั้นเลยเหรอ? ”
“ใช่ ในสายตาของฉัน นายคือซูเปอร์แมน มีอำนาจไม่จำกัด”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย แม้แต่คิ้วของเขายังยิ้มไปด้วย “ฉันเป็นเกียรติมาก”
เจียงสื้อสื้อจัดการอารมณ์ของตัวเอง เดินเข้าไปช่วยห่มผ้าให้แม่ แล้วก็กระซิบว่า “แม่ พักผ่อนเยอะๆ นะ เดี๋ยววันหน้าหนูมาเยี่ยมใหม่”
จิ้นเฟิงเฉินเดินเข้ามา แล้วก็สบตากับเธอ หลังจากนั้นก็กุมมือเธอ “กลับเลยไหม? ”
“อืม”เจียงสื้อสื้อพยักหน้า
ทั้งสองคนก็ออกไปพร้อมกัน
หลังจากขึ้นรถแล้ว จู่ๆ จิ้นเฟิงเฉินก็พูดขึ้นมาว่า “ฟางยู่เชินโทรหาฉัน บอกว่าถ้าเกิดว่าไม่มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น พรุ่งนี้คุณตาก็จะประกาศคนที่จะได้มาสืบทอดกิจการแล้ว”