ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่934 เสียใจ

บทที่934 เสียใจ

“นี่คือสถานการณ์การดำเนินงานของฟางซื่อกรุ๊ปในหลายปีที่ผ่านมา ทุกคนลองดูสิครับ”

หลังจากส่งเสร็จ ฟางยู่เชินก็กลับมายืนอยู่ในตำแหน่งของตัวเอง แล้วก็มองทุกคนอย่างสงบ

เมื่อทุกคนได้รับเอกสาร ก็เปิดออกดู

คุณท่านฟางวางลงหลังจากเหลือบมองเล็กน้อย “อะเชิน แกเตรียมพวกนี้มาทำไมกัน? ”

ฟางยู่เชินยิ้ม “ผมแค่อยากให้ทุกท่านเข้าใจฟางซื่อกรุ๊ปดีขึ้นไปอีก ให้ทุกท่านได้เข้าใจว่าความจริงแล้วสถานการณ์ของฟางซื่อกรุ๊ปไม่ได้ดีเหมือนดั่งที่คิดกัน”

พอพูดประโยคนี้ออกไป ก็มีคนแสดงความไม่พอใจทันที “แกหมายความว่าท่านประธานไม่ได้จัดการได้ดีใช่ไหม กล้ามากเกินไปแล้วนะ ถ้าเกิดว่าฟางซื่อกรุ๊ปไม่มีท่านประธาน จะมีขอบข่ายได้เท่าทุกวันนี้เหรอ? ”

คนที่พูดก็คือฟางเฉิง หลังจากที่เขาด่าฟางยู่เชินเสร็จแล้ว ก็หันไปหาคุณท่านฟางแล้วพูดว่า “พ่อ อะเชินอายุยังน้อย เลยทำอะไรซี้ซั้ว อย่าโกรธเลยนะครับ”

คุณท่านฟางชำเลืองมองเขา แล้วพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ “อะเชินพูดไม่ผิด สองปีมานี้ฟางซื่อกรุ๊ปเริ่มถอยหลังเข้าคลองแล้วจริงๆ ”

นี่คือเหตุผลที่เขารีบร้อนอยากจะหาผู้สืบทอดคนใหม่

ฟางเฉิงไม่ได้คาดคิดว่าคุณท่านจะพูดแบบนี้ เดิมทีนึกว่าจะหาพวกตรงข้ามฟางยู่เชินได้ ใครจะไปคิดว่ากลับเป็นตัวเองซะเองที่ขายหน้าต่อหน้าทุกคน

ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ดูแย่ลงเล็กน้อย แต่ว่าก็ยังฝืนยิ้มออกมา “ถ้ายังงั้นก็แสดงว่าผมเข้าใจน้อยไปหน่อยแล้ว”

“โง่” ฟางรุ่ยที่อยู่ข้างๆ ทำเสียงดูถูกเหยียดหยาม

ฟางเฉิงได้ยิน ก็อยากจะระเบิดอารมณ์ แต่ว่าฟางอี้หมิงรีบห้ามเขาไว้ “พ่อ ยังอยากขายหน้าอีกเหรอ? ”

ฟางเฉิงจำใจต้องยอมแพ้ แล้วก็จ้องหน้าฟางรุ่ยอย่างดุร้าย

รอให้เรื่องจบเมื่อไหร่ ค่อยคิดบัญชีทีเดียวก็ได้

“อะเชิน ในเมื่อแกพบปัญหาของบริษัทแล้ว ถ้าเกิดว่าแลกกันเป็นแก แกจะทำยังไง? ” คุณท่านฟางถาม

ฟางยู่เชินยิ้มอย่างมั่นใจ แล้วก็พูดแต่ละคำออกมาอย่างชัดเจน “ถ้าเกิดว่าเป็นผม ในขณะที่แก้ปัญหา ผมจะมองหาความร่วมมือใหม่ด้วย”

“ความร่วมมือใหม่ยังงั้นเหรอ? ” คุณท่านฟางเลิกคิ้วอย่างสนใจ “ความร่วมมือใหม่อะไรกัน? ”

“คุณปู่ ลองดูอันนี้สิครับ”

ฟางยู่เชินหยิบแฟ้มในมือแล้วเดินไป เปิดออกแล้ววางต่อหน้าคุณท่าน

คุณท่านก้มหน้าลงมอง แล้วก็เบิกตาโพลงด้วยความประหลาดใจ “จิ้นกรุ๊ปเหรอ?”

พอได้ยินคำว่า “จิ้นกรุ๊ป” ทั้งห้องประชุมก็คึกคักขึ้นมาทันที

“จิ้นกรุ๊ปแห่งเมืองจิ่นนั่นเหรอ นี่พวกเรากำลังจะได้ร่วมมือกับจิ้นกรุ๊ปเหรอ? ”

“พวกคุณลืมไปแล้วเหรอว่าหลานสาวของคุณท่านเป็นภรรยาคนท่านประธานคนปัจจุบันของจิ้นกรุ๊ป การร่วมมือนี้มันมีอะไรให้แปลกใจตรงไหนกัน? ”

“คุณไม่เข้าใจ ดูจากนิสัยของจิ้นเฟิงเฉินแล้ว ต่อให้เป็นพ่อของเขา เขาก็ไม่พยักหน้ายอมร่วมมือด้วยง่ายๆ หรอกนะ”

……

กรรมการคนอื่นๆ ตั้งตารอที่จะร่วมมือครั้งนี้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับบางคน

เช่นฟางเฉิงกับฟางอี้หมิง

“เขาไปร่วมมือกับจิ้นกรุ๊ปได้ยังไงกัน? ” สายตาของฟางเฉิงมองไปที่ฟางยู่เชินที่อยู่ข้างๆ คุณท่านฟางอย่างมืดมน

ฟางอี้หมิงหรี่ตาลง “เมื่อวานเขาไปเมืองจิ่นมา”

พอได้ยินดังนั้น ฟางเฉิงก็หัวเราะอย่างเย็นชา “นึกไม่ถึงเลยว่าสองคนพ่อลูกจะมีอุบายแบบนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาเองก็จ้องจะเขมือบฟางซื่อกรุ๊ปอยู่เหมือนกัน”

“พ่อ พูดเรื่องตลกอยู่รึไงกัน? ” ฟางอี้หมิงเสียดสี “ทั้งตระกูลฟางนี้มีใครไม่จ้องจะเขมือบฟางซื่อกรุ๊ปบ้างล่ะ แม้แต่ไอ้ลูกล้างผลาญอย่างฟางเย้นชิงเองก็ยังคิดเลย”

“ถ้ายังงั้นตอนนี้พวกเราควรทำยังไงดี? ตอนนี้ฟางยู่เชินมีจิ้นกรุ๊ปเป็นผู้สนับสนุน คนที่จะสนับสนุนก็มีเยอะขึ้นแล้ว”

พอพูดแบบนี้ ฟางเฉิงก็กัดฟันด้วยความเกลียดชัง “ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพ่อถึงได้ชอบฟางเถิงนั่นมากขนาดนั้น”

“พ่อ ไม่ต้องรีบร้อนไป ยังไงก็ต้องมีวิธี”

ฟางอี้หมิงมองดูฟางยู่เชินที่กำลังยิ้มอย่างประสบความสำเร็จ แววตาก็ดูชั่วร้าย

และในขณะเดียวกัน ฟางรุ่ยกับฟางเย้นซินก็กำลังกระซิบกระซาบคุยกันอยู่

“แกดูไอ้คนเจ้าเล่ห์อย่างฟางยู่เชินนั่นสิ ลากจิ้นกรุ๊ปเข้ามาด้วย หน้าไม่อายจริงๆ ” ฟางรุ่ยด่าด้วยความโมโห

ฟางเย้นซินสีหน้ามืดมน “ผมประเมินมันต่ำไปจริงๆ ”

เขาเห็นฟางอี้หมิงเป็นคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุดมาโดยตลอด แต่กลับไม่คิดเลยว่าฟางยู่เชินจะจริงจังขนาดนี้

“พ่อว่าพวกเรายอมแพ้กันเถอะ แค่ฟางอี้หมิงคนเดียวก็จัดการยากพอแล้ว ตอนนี้ยังมีฟางยู่เชินเพิ่มขึ้นมาอีก ลูกจะยังมีโอกาสอยู่ไหมเนี่ย? ”

คำพูดนี้ฟางเย้นซินไม่ชอบฟังเลย “ทำไมจะไม่มีโอกาสแล้วล่ะ? การเลือกผู้สืบทอดในครั้งนี้ เป็นการอาศัยความสามารถส่วนบุคคล ใครจะหัวเราะได้จนจบยังไม่รู้เลย”

“ใช่ พ่อ อย่าเพิ่มความนิยมของมันและทำลายศักดิ์ศรีของตัวเอง” แม้แต่ฟางเย้นชิงก็ยังทนฟังต่อไปไม่ได้แล้ว

“แกยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ? ” ฟางรุ่ยตบหัวฟางเย้นชิง “แกคิดว่าถ้าแกเอาการเอางานมากกว่านี้ ช่วยพี่ชายแกได้สักหน่อย พวกเราจะถูกกดดันจนน่าสมเพชขนาดนี้ไหม? ”

“พ่อ ทำอะไรเนี่ย? ” ฟางเย้นชิงอดไม่ได้ที่จะตะคอกออกมา ดึงดูดสายตาของคนอื่น

คุณท่านฟางขมวดคิ้วเข้าหากัน จ้องมองพวกเขาด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ

ฟางรุ่ยรีบดึงให้ฟางเย้นชิงลุกขึ้น แล้วอธิบายว่า “พ่อ ผมก็แค่สั่งสอนเย้นชิงหน่อยเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรครับๆ ”

“นี่เรากำลังประชุมกันอยู่!ถ้าเกิดว่าพวกแกไม่อยากฟังก็ออกไป” คุณท่านตำหนิอย่างจริงจัง

“เปล่าครับๆ พวกเราฟังครับๆ ” ใบหน้าของฟางรุ่ยเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ประจบสอพลอ

คุณท่านฟางถลึงตาใส่พวกเขาอย่างเคร่งขรึม หลังจากนั้นก็พูดว่า “ท่านคณะกรรมการหลายท่านก็อยู่กับผมมาตั้งหลายปี พวกหลานชายของผมพวกคุณก็เห็นพวกเขาเติบโตขึ้น ใครมีความสามารถที่จะแบกรับภาระของผมต่อได้ เชื่อว่าทุกคนน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว

เด็กพวกนี้ทั้งฉลาด และก็ยอดเยี่ยม ทุกคนมีข้อดีของตัวเอง ทุกท่านพิจารณาเอาดูนะครับ”

พวกคณะกรรมการมองหน้ากันไปมา แล้วหนึ่งในนั้นก็มีคนหนึ่งพูดออกมา “ท่านประธานครับ ท่านคิดว่าใครเหมาะสมครับ? ”

คุณท่านฟางยิ้ม “ผมน่ะ แน่นอนว่ารู้สึกว่าทุกคนคู่ควร แต่ว่าเพื่อการพัฒนาของฟางซื่อกรุ๊ป ผมจะเลิกยู่เซิน”

“เพราะว่าจิ้นกรุ๊ปเหรอครับ?”

“ใช่” คุณท่านฟางเองก็ไม่คลุมเครือ ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา “การร่วมมือระหว่างฟางซื่อกรุ๊ปกับจิ้นกรุ๊ป ถือว่าเป็นความร่วมมือที่แข็งแกร่ง ผมเชื่อว่าในอนาคตทั้งสองบริษัทจะไปถึงระดับที่สูงขึ้น”

เขาพูดชัดเจนขนาดนี้แล้ว เชื่อว่าพวกคณะกรรมการจะเข้าใจความหมายของเขา

“ถ้ายังงั้นพวกเราก็รู้แล้วว่าควรจะเลือกอะไร” พวกคณะกรรมการแสดงความคิดเห็น

ถึงแม้ว่าฟางยู่เชินจะมีแผนการอยู่ในใจ และก็มั่นใจอยู่แล้ว แต่พอได้ยินคำพูดของคุณท่านแบบนี้ ก็รู้สึกโล่งใจมาก

ถ้าเป็นแบบนี้ไป แล้วไม่เกิดเรื่องที่นอกเหนือความคาดหมายนั้น เขาก็จะได้กลายเป็นคนรับช่วงต่อของฟางซื่อกรุ๊ป

“ทุกคนยังไม่ต้องเร่งรีบลงคะแนน พวกเราจะมาตัดสินใจครั้งสุดท้ายกันในการประชุมคณะกรรมการในวันพรุ่งนี้”

คุณท่านฟางลุกขึ้น “ถ้ายังงั้นการประชุมวันนี้แค่นี้ก่อนแล้วกัน”

ฟางเถิงรีบเดินตามไป ประคองคุณท่านออกไป คณะกรรมการคนอื่นๆ ก็ทยอยออกไปเหมือนกัน

เหลือเพียงแค่พ่อลูกฟางเฉิง พ่อลูกฟางรุ่ย แล้วก็ฟางยู่เชิน

“ยู่เชิน ใช้ได้เหมือนกันนิ สามารถตกลงร่วมมือกับจิ้นกรุ๊ปได้ด้วย” ฟางเฉิงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฟางยู่เชิน แล้วก็พูดอย่างแปลกประหลาด

ฟางยู่เชินยิ้ม “ขอบคุณที่ลุงใหญ่ชมครับ”

ฟางเฉิงสะอึก

“น้องสาวช่วยนายได้เยอะเลยสินะ”ฟางอี้หมิงพูด

ถ้าเกิดว่าตอนนั้นที่เจียงสื้อสื้อกลับมา เขาไม่ได้ไปถากถางเธอ ดูถูกเธอ ถ้ายังงั้นตอนนี้คนที่จะได้ความร่วมมือกับจิ้นกรุ๊ปมาในตอนนี้ก็คงจะเป็นเขา

ฟางอี้หมิงรู้สึกเสียใจ

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท