” เป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริง ๆ ”
ซ่างหยิงนึกย้อนไปถึงช่วงก่อนที่ทวดฟางจะสิ้นใจ ใจก็เจ็บ ก็อดที่จะร้องไห้ไม่ได้
” ตอนนั้นปากของแม่ก็เรียกแต่ชื่อของพี่ ฉันกับอะเถิงขอร้องพ่อหาคนไปตามพี่กลับมา อย่าให้แม่รู้สึกเสียใจก่อนจากไป ”
” พ่อก็เหมือนฉันนั่นแหละ หัวดื้อเหมือนกัน ” ฟางเสว่มั่นยิ้มไม่สู้ดีนัก
” ไม่หรอก ” ซ่างหยิงส่ายหัว ” ถึงพ่อจะหัวดื้อ แต่ตั้งแต่เด็กจนโตพ่อรักพี่ที่สุด ไม่งั้นพ่อก็คงไม่โกรธพี่ขนาดนี้ ”
พูดถึงตรงนี้ ซ่างหยิงก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองย้อนพูดถึงเรื่องเก่า ๆ อีกแล้ว ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ” จริง ๆ แล้วเขาก็ยอมให้คนไปตามหาพี่นั่นแหละ แต่ว่าหาพี่ไม่เจอ จากนั้นแม่ก็จากไป ”
เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ทำให้คนในตระกูลเสียดายที่สุด
” ขอโทษจริง ๆ ”
นอกจากคำขอโทษแล้ว ฟางเสว่มั่นก็ไม่รู้จะแสดงความละอายใจหรือกล่าวโทษตัวเองยังไง
” พี่สาม ” ซ่างหยิงกุมมือเธอเอาไว้ ” ฉันว่าแม่คงไม่คิดจะโทษพี่หรอกนะ ในใจของแม่ พี่คือลูกสาวคนที่ท่านรักที่สุด ”
ประโยคนี้ก็ทำให้ฟางเสว่มั่นไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป
เจียงสื้อสื้อโอบเธอไว้เงียบ ๆ
ซ่างหยิงก็ร้องไห้ไม่แพ้กัน เธอยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา แล้วพูดต่อ ” คนที่พ่อคิดถึงที่สุดคือพี่นะ ตอนนี้พี่กลับมาแล้ว ฉันเชื่อว่าถ้าพี่คอยอยู่ข้าง ๆ พ่อ พ่อต้องฟื้น ใช่ ต้องฟื้นขึ้นมาได้แน่ ๆ ”
ฟางเสว่มั่นร้องไห้จนเสียงหาย
” แม่ อย่าร้องเลย ”
เจียงสื้อสื้อดึงกระดาษเช็ดหน้าออกมาให้เธอเช็ดน้ำตา ” อีกหน่อยแม่อยู่ที่นี่กับคุณตา คุยกับคุณตาทุกวัน บางที่เขาอาจจะได้ยินและตื่นขึ้นมาก็ได้นะคะ ”
ฟางเสว่มันกัดปากตัวเองแล้วพยักหน้าตอบรับ
คนที่อกตัญญูอย่าเธอ คงชดเชยความผิดที่มีต่อพ่อของตัวเองได้แค่วิธีพวกนี้สินะ
…..
หลังจากนั้น คนอื่นในตระกูลฟางก็เริ่มมาที่นี่
เมื่อพวกเขาเห็นฟางเสว่มั่น ก็ตกใจ
นึกไม่ถึงว่าคนที่จากบ้านไปหลายปี จู่ ๆ ก็กลับมาที่นี่
” ว้าว นี่ไม่ใช่เสว่มั่นหรอกเหรอ ไม่ได้กลับมาตั้งหลายปี นึกว่าจะลืมพ่อไปเสียแล้ว ” น้าสะใภ้ใหญ่หลินหลายเปิดปากขึ้น
” พี่ใหญ่ สะใภ้ใหญ่ พี่รอง สะใภ้รอง ” ฟางเสว่มั่นเรียกขึ้นมา
หลินหลายยิ้มพลางพูดจาถากถาง ” คำว่าสะใภ้รอง ฉันคงจะเป็นให้ไม่ได้ เธอออกจากบ้านไปตั้งหลายปี จะกลับมาทำไมมิทราบ ”
ฟางเสว่มั่นรู้ว่าหลายปีมานี้ตัวเองทำไม่ถูก จึงพยายามเข้าใจที่พวกเขาไม่พึงใจเธอ แต่ก็พยายามอธิบาย ” ฉันกลับมาดูแลพ่อ ”
” ดูแลเนี่ยนะ ” ท่าทีของหลินหลานเหมือนพึ่งจะได้ยินเรื่องประหลาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริงบนโลกใบนี้ ถลึงตาพูด ” เธอออกจากบ้านไปตั้งหลายปี ไม่รู้จักกลับมาดูพ่อแม่ แม้แต่แม่ที่จากไปก็ไม่เห็นว่าจะกลับมา แต่จู่ ๆ จะมาบอกว่ากลับมาดูแลพ่อเนี่ยนะ ”
คำพูดเต็มไปด้วยความเสียดสี
ฟางเสว่มั่นกำมือแน่น ไม่ตอบโต้ใด ๆ
” ก็จริง ใครจะรู้ว่าเธออยากกลับมาดูแลพ่อจริง ๆ หรืออยากจะกลับมารอแบ่งสมบัติกันแน่ ” น้าสะใภ้รองเฉินหยุนมองตาขวาง สีหน้าบ่งบอกถึงความหยามเหยียดขั้นสุด
ซ่างหยิงทนฟังต่อไม่ไหว ” สะใภ้ใหญ่ สะใภ้รอง มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ พี่สามกลับมาก็เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง แต่ทำไมปากของพวกเธอพูดแต่เรื่องที่ฟังไม่เข้าหูกันนะ ”
หลินหลานยิ้มเย็น ” เธอก็ต้องดีใจอยู่แล้วสิ ความสัมพันธ์ของพวกเธอมันดีนักไม่ใช่หรือไง ไม่สิ ควรจะพูดว่าเธอรู้ว่าพ่อแม่รักนังนั่นแค่ไหน เลยอยากจะตีสนิทนังนั่นล่ะสิ ”
” สะใภ้ใหญ่!” ซ่างหยิงโกรธจัด ” อย่ามาพูดจามั่ว ๆ นะ อย่าริอาจมาพูดเสี้ยมถึงความสัมพันธ์ของฉันกับพี่สามเด็ดขาด ”
” เหรอจ๊ะ ”
หลินหลานพูดเสียงต่ำ ” ยังไงเสีย จุดประสงค์ที่เธอกลับมาที่นี่ก็ไม่บริสุทธิ์อยู่ดี ”
” ฉันเห็นด้วยกับสะใภ้ใหญ่ ” เฉินหยุนพูดต่อ
ปกติพวกเธอก็ไม่ได้ถูกตาต้องใจกันขนาดนั้น แต่ในสถานการณ์แบบนี้อยู่ฝั่งเดียวกันก็คงจะไม่แปลกอะไร
สุดยอดไปเลย
ฟางเสว่มั่นตัดสินใจกลับมาที่นี่ ก็คิดไว้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์นี้ต้องเกิดขึ้น
เธอใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดอย่างเนือย ๆ ” สะใภ้ใหญ่ สะใภ้รอง ไม่ว่าพวกเธอจะพูดอะไร ฉันก็รับได้ทั้งนั้น ยังไงเสีย ฉันก็จะอยู่ดูแลพ่ออยู่ตรงนี้ ”
พูดถึงตรงนี้ หลอนหลานกับเฉินหยุนก็สีหน้าเปลี่ยนสี
ก่อนที่พวกเธอจะอ้าปากพูด ฟางเสว่มั่นก็ตัดบทก่อน ” แน่นอนว่า พวกเธอวางใจได้ ฉันไม่สนใจสมบัติของตระกูลจางอยู่แล้ว
” ใครจะไปเชื่อ ” เฉินหยุนแทรก
ตอนนี้ฟางซื่อกรุ๊ปอยู่ในกำมือของฟางยู่เชิน ครอบครัวลูกชายใหญ่กับลูกชายรองอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ตอนนี้เธอก็ดันปรากฏตัวออกมาอีก ใครจะไปรู้ว่าในใจของเธอกำลังคิดอะไรอยู่
” ผมเชื่อ ”
เสียงทุ้มต่ำของใครบางคนดังขึ้น
ทุกคนที่ยืนอยู่หันไปตามเสียง คนคนนั้นก็คือ จิ้นเฟิงเฉิน
รอยยิ้มเปื้อนลงบนใบหน้าของเจียงสื้อสื้อ ก่อนจะวิ่งไป ” เฟิงเฉิน คุณมาแล้ว!”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับเธอ จากนั้นก็เปลี่ยนแววตาเย็นชาที่คงเส้นคงวาเช่นเดิม ” เธอเป็นแม่ของสื้อสื้อ ก็เป็นแม่ของผมเช่นเดียวกัน คุณคิดว่าเธอจะสนใจสมบัติของตระกูลฟางทำไมกัน ”
คำพูดของเขาทำให้หลินหลานกับเฉินหยุนหน้าถอดสีจนแทบจะดูไม่ได้
ฟางเฉิงที่เงียบมาโดยตลอดก็รีบเปิดปากพูด ” ไม่ต้องไปสนใจหรอก พวกเธอก็พูดไปเรื่อย เฟิงเฉิน นายอย่าโกรธไปเลยนะ ”
ถึงในใจจะคิดตรงกันข้าม แต่ก็ไม่กล้าทำให้จิ้นกรุ๊ปไม่พอใจ เลยทำได้แค่ผงกหัวตาม
จากนั้น ก็หันหน้าไปพูดกับฟางเสว่มั่น ” เสว่มั่นคงเข้าใจสะใภ้รองอยู่แล้วใช่ไหมว่าเป็นคนปากแข็งใจอ่อน เธอคงโกรธที่เธอออกจากบ้านไป มันก็หลายปีมาแล้ว เธอคงจะคืดถึงเธอมาก ๆ นั่นแหละ ” แต่ฉันโกรธ ”
เจียงสื้อสื้อโพล่งขึ้นมา ทำให้ทุกคนหันไปมองเธอ
เห็นเธอกำลังยิ้มอย่างเยือกเย็น ” คุณตาเป็นพ่อของแม่ฉัน เธอกลับมาดูแลก็เป็นเรื่องที่ควรจะเป็นอยู่แล้ว
มันก็เป็นเรื่องของพวกเขาสองคน มันเกี่ยวอะไรกับพวกคุณด้วย พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาตำหนิเธอ ”
นี่มันครั้งแรกที่เจียงสื้อสื้อโมโหต่อหน้าคนในตระกูลฟาง
เธอไม่สนว่าคนตระกูลฟางจะพูดอะไรลับหลังเธอ แต่มาพูดถึงแม่ของเธอ ก็นับว่ากำลังเหยียบเส้นที่เธอขีดเอาไว้
” สื้อสื้อ แกพูดอะไรของแก ” หลินหลานตะคอกออกมา ” ตอนนี้ไม่เห็นหัวผู้ใหญ่อย่างพวกฉันแล้วเหรอ ”
” ผู้ใหญ่งั้นเหรอ ” เจียงสื้อสื้อขำออกมา ” ถึงพวกคุณจะเป็นคนที่อายุมากกว่า ถ้างั้นก็ช่วยทำตัวให้มันสมกับสิ่งที่เป็นหน่อยเถอะ ”
” แก!” หลอนหลานโกรธจนพูดไม่ออก ใช้มือชี้ไปที่เธอ เป็นเชิงจะพุ่งเข้าไปฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ
เหยินหยุนเอาตัวรอดอย่างรู้งาน ” สื้อสื้อ ฉันไม่ได้ตำหนิแม่ของแกเลยนะ มันเป็นเพราะว่าฉันโกรธยังไงล่ะ เลยพูดอะไรที่ทำให้อ่อนไหวไป แกอย่าโกรธไปเลยนะ
เจียงสื้อสื้อยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่
ถ้าไม่ใช่เพราะมีเฟิงเฉินหนุนหลังเธอ มีตระกูลจิ้น ก็ไม่รู้ว่าแม่ของเธอที่กลับมาที่นี่จะโดนอะไรบ้าง
” ใจเย็น ๆ ” เฟิงเฉินพูดเบา ๆ แล้วกุมมือเธอไว้
เจียงสื้อสื้อเงยหน้ามองเขา มองลงไปในตาที่ดำขลับของเขาอย่างลึกซึ้ง ความโกรธก็บรรเทาลง
เหมือนกับว่าพอมีเขาอยู่ตรงนี้ ปัญหาต่าง ๆ ก็แก้ได้อย่างง่ายดายไปหมด
ไม่จำเป็นต้องโมโหอะไรอีกแล้ว
” พอกันที ทุกคนหยุดพูดได้ไหม ” ซ่างหยิงไกล่เกลี่ย ” สภาพร่างกายพ่อก็เป็นแบบนี้อยู่ พวกเราควรจะเห็นใจกันสิ ”
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นรู้ ว่าความเห็นใจซึ่งกันและกันเป็นเรื่องที่เป็นไม่ได้อยู่แล้ว