ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 942 โทษฉันที่เป็นคนหัวดื้อแบบนี้

บทที่ 942 โทษฉันที่เป็นคนหัวดื้อแบบนี้

ฟางเสว่มั่นนั่งอยู่ข้างเตียงของคุณท่านฟาง นั่นจนเป็นเวลาสองชั่วโมงแล้ว แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนท่านั่งไปทางไหน

เจียงสื้อสื้อกลัวตัวเธอจะรับไม่ไหว เลยพูดเตือนด้วยความเป็นห่วง ” แม่ ไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวหนูดูแลคุณตาเอง ”

ฟางเสว่มั่นส่ายหัว ” ไม่ต้องหรอก แม่ยังไหว ”

ความดึงดันของเธอ ทำให้เจียงสื้อสื้ออดเป็นห่วงไม่ได้

คนที่จะทำได้ มีแค่เธอเท่านั้น

” สื้อสื้อ ” ฟางเสว่มั่นโพล่งขึ้นมา

” อืม ”

” แม่เป็นคนอกตัญญูใช่ไหม ” ฟางเสว่มั่นหันหน้ามาหาเธอ ในตามีความโศกเศร้าผุดขึ้นมา

เจียงสื้อสื้อไม่ตอบ

เพราะว่าหลายปีที่ผ่านมาเธอไม่รู้ว่าใครกันแน่เป็นคนที่ผิดหรือถูก อีกอย่างมันเป็นปัญหาระหว่างแม่กับตาของเธอ เธอเป็นแค่เด็กไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินอยู่แล้ว

” ถ้าตอนนั้นฉันฟังคำของตาและยายของแก ตอนนี้เรื่องราวอาจจะไม่ได้เป็นอย่างนี้ก็ได้ ยายของแกก็คงไม่จากไปเร็วขนาดนี้ ”

พูดถึงตรงนี้ ฟางเสว่มั่นก็เอาปิดหน้าปิดตาร้องไห้โฮ ” เป็นเพราะฉันมันอกตัญญู ทำไมไม่กลับมาให้เร็วกว่านี้ ทำไม….. ”

เธอเกลียดตัวเองที่อวดเก่ง อวดดี ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร

จนทำให้ตอนที่แม่จากไป ไม่มีตัวเองที่คอยอยู่ข้าง ไม่ได้เจอหน้ากันเลยสักครั้ง

ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปอีก

ฟางเสว่มั่นร้องไห้จนเสียงแหบเสียงหาย

เมื่อเห็นอารมณ์ของแม่เธอที่เป็นแบบนั้น เจียงสื้อสื้อก็รีบปลอบเธอ ” แม่คะ อย่าเสียใจไปเลย ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการดูแลรักษาอาการป่วยของตัวเอง แล้วคอยอยู่ข้าง ๆ คุณตานะคะ ”

จากคำพูดที่หวังดีของเจียงสื้อสื้อ ฟางเสว่มั่นจึงพยายามสงบสติอารมณ์ แต่น้ำตาก็ยังไม่หยุดไหล

” แม่ ” เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นทุกข์ ดวงตาแดงก่ำ

” สื้อสื้อ แม่ขอร้องไห้สักหน่อยเถอะ ไม่งั้นแม่คงทนไม่ไหว ”

เจียงสื้อสื้อโอบปลอบไปที่ไหล่ของเธอโดยไม่พูดอะไร

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เสียงร้องไห้ค่อยๆหยุดลง

ฟางเสว่มั่นร้องไห้จนตาบวมไปหมด

” แม่ หนูไปเอาผ้าอุ่นมาให้แม่ประคบตานะ ”

” ไม่จำเป็นหรอก ” ฟางเสว่มั่นปาดน้ำตา ” อีกสักพักก็หายแล้ว ”

” ไม่ได้ แม่ปล่อยไว้แบบนี้เดี๋ยวสักพักจะเคืองตาเอาได้ ”

เจียงสื้อสื้อไม่ได้ฟังคำที่แม่พูด ตรงดิ่งไปยังห้องน้ำ

เวลานั้น ซ่างหยิงมาพอดี

เธอเดินเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นว่ามีคนนั่งอยู่ตรงข้างเตียง ก็นึกว่าตัวเองเข้าผิดห้อง จึงรีบกลับออกไป แต่ดูเลขห้องยังไงก็มั่นใจว่าไม่ได้เข้าผิดห้องแน่ ๆ เลยเดินกลับเข้ามาใหม่

” ขอโทษนะคะ คุณคือ… ”

น้ำเสียงคุ้นเคยที่ดังมาจากด้านหลัง ฟางเสว่มั่นค่อย ๆ หันไปมอง

เมื่อตาสองคู่นั้นผสานกัน

ตาของซ่างหยิงค่อย ๆ เลิกกว้าง ก่อนจะอ้าปากค้าง

” พี่สาม !”

ฟางเสว่มั่นเกร็งปากเล็ก ๆ ” อะหยิง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ”

ซ่างหยิงรีบเดินเข้ามาหาพลางเอาของที่นำมาวางไว้บนชั้น ก่อนจะยืนมือมากอดเธอ

แต่ก็กลัวว่าตัวเองจะทำให้เธอตกใจ ก็ค้างมือไว้กลางอากาศ ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ

” คือฉัน ”

ฟางเสว่มั่นลุกขึ้นยืน เป็นเพราะเมื่อกี้ร้องนานจนสมองขาดออกซิเจน เมื่อลุกขึ้นจึงทำให้เกิดอาการเวียนหัวตาลาย

” พี่สาม !” ซ่างหยิงหน้าถอดสี รีบมาพยุงเธอเอาไว้ ” เป็นอะไรหรือเปล่า ”

ฟางเสว่มั่นหลับตาสักพัก ให้ร่างกายคืนสภาพ ก่อนจะตอบเบา ๆ ” ฉันไม่เป็นไร ”

เมื่อได้ยินเสียงข้างนอก เจียงสื้อสื้อก็วิ่งออกมาจากห้องน้ำ

เธอคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ของเธอเสียแล้ว แต่พอเห็นซ่างหยิงก็ค่อยโล่งใจ

” น้าสะใภ้เล็ก มาแล้วเหรอคะ ”

เธอเดินไปหา เห็นสีหน้าของแม่ที่ไม่ค่อยมีแรง เลยรีบถาม ” แม่เป็นไรคะ ”

” เมื่อกี้พี่สามเกือบจะเป็นลมล้มไป ”

เมื่อหนึ่งถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ก็ทำให้ซ่างหยิงกลัว

ถ้าเมื่อกี้เธอไม่ได้เข้ามาเห็น ฟางเสว่มั่นอาจจะเป็นลมล้มลงไปจริง ๆ

เจียงสื้อสื้อรู้ว่าแม่พึ่งร้องไห้อย่างหนัก บวกกันร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรง ก็รู้สึกรับไม่ได้

” แม่ หนูพาแม่ไปพักผ่อนดีกว่า ”

” ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เป็นไร ” ฟางเสว่มั่นตบไปที่มือของเธอเป็นเชิงปลอบโยน ก่อนจะหันไปมองซ่างหยิง ” ฉันไม่เจอน้าสะใภ้เล็กของแกมานาน มีเรื่องต้องคุยกันนิดหน่อย ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่างหยิงก็ตอบไปอย่างเสียไม่ได้ ” พี่สาม ถ้าไม่สบายก็ไปพักเถอะ เราค่อยคุยกันพรุ่งนี้ก็ได้ โอเคไหม ”

” ฉันบอกว่าไม่เป็นไรก็คือไม่เป็นไรสิ ร่างกายของฉัน ฉันรู้ดีที่สุด ”

เจียงสื้อสื้อกันซ่างหยิงมองตากัน เพราะประนีประนอมจนถึงที่สุดแล้วก็รู้ว่าไม่เป็นผล

” โอเค งั้นหนูประคองแม่ไปนั่งตรงนู้นก่อนดีกว่า ”

เจียงสื้อสื้อประคองแม่ไปนั่งที่โซฟา จากนั้นก็พูดกับซ่างหยิง ” น้าสะใภ้เล็ก ก็มานั่งตรงนี้ด้วยสิคะ ”

ซ่างหยิงเดินตามมานั่งลงข้าง ๆ ฟางเสว่มั่น

” อะหยิง กี่ปีมานี้เธอเป็นยังไงบ้าง ” ฟางเสว่มั่นดึงมือของเธอมากุมไว้แล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

ตอนนั้นความสัมพันธ์ของพวกเธอแน่นแฟ้นที่สุด ต่างฝ่ายต่างรู้ความลับของกันและกัน เหมือนกับเป็นพี่น้องกันแท้ ๆ

ดังนั้นหลายปีที่ไม่ได้เจอ ไม่ได้ทำให้รู้สึกแปลกหน้าหรือไม่คุ้นเคยกันเลยสักนิด

” พี่สาม พวกเราสบายดีแต่พี่… ”

ซ่างหยิงนึกถึงเรื่องที่เธอต้องเจอในหลายปีที่ผ่านมา ในใจลึก ๆ ก็เกิดความทุกข์ระทมขึ้นแปลก ๆ

ถ้าตอนนั้นไม่ใช่เพราะผู้ชายสารเลวนั้นเลยต้องจากบ้านไป ชีวิตของเธอคงจะดีกว่านี้เยอะ

ฟางเสว่มั่นรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เลยพูดต่อ ” ฉันก็สบายดี ฉันมีสื้อสื้อ ลูกสาวที่กตัญญูต่อฉัน ชีวิตนี้ก็คุ้มเกินพอแล้ว ”

พูดจบ เธอก็หันหน้าไปมองสื้อสื้อ

ซ่างหยิงไม่อยากพูดถึงเรื่องเมื่อก่อนที่ผ่านไปแล้ว เลยชวนคุยในเรื่องที่เธอพึ่งพูดไป ” ใช่แล้ว สื้อสื้อเป็นเด็กที่เชื่อฟังฉันกับอะเถิงก็ชอบเธอ แน่นอนว่าพ่อก็ต้องชอบเธอด้วย ”

เมื่อพูดถึงคุณท่าน ฟางเสว่มั่นก็เหมือนกลับมาเศร้าอีกครั้ง

” ขอโทษนะ ฉันควรจะหลับมาหาพวกเธอให้เร็วกว่านี้ เป็นเพราะฉัน เพราะฉันมันหัวดื้อเอง ”

เมื่อได้ฟังก็รู้ว่าเธอรู้สึกผิดมา แต่ซ่างหยิงก็ไม่อยากเห็นเธอเป็นแบบนี้

เรื่องที่ผ่านมา เธอไม่ได้ผิดอะไร คุณท่านก็ไม่ผิด

อีกคนเป็นเพราะต้องการไขว่คว้าความสุขของตัวเอง ส่วนอีกคนก็ทำเพื่อความสุขของลูกที่ตัวเองรัก มันไม่มีใครที่ผิดเลยแม้แต่คนเดียว

” พี่สาม ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ พ่อแม่ไม่เคยโทษพี่เลย ตั้งแต่พี่จากไป ถึงพ่อจะปากแข็งไม่ยอมพูดอะไร แต่จริง ๆ แล้ว เขาคิดถึงพี่มาก ๆ เลยนะคะ เพียงเพราะศักดิ์ศรีบางอย่าง จึงไม่อยากไปก้มหัวลงเพื่อตามหาตัวพี่ ”

ฟางเสว่มั่นฝืนยิ้ม ” ถึงพวกเขาจะไม่โทษฉัน แต่ฉันก็ทำให้พวกเขาขายหน้าอยู่ดี ”

ลูกสาวผู้แสนสง่างามของตระกูล เพื่อผู้ชายเลว ๆ คนหนึ่งจึงยอมทะเลาะกับพ่อแล้ว ออกจากบ้านไป ทำให้ตระกูลฟางขายขี้หน้า

” เรื่องที่ผ่านไปแล้ว เราก็อย่าไปพูดถึงมันเลย ” ซ่างหยิงไม่อยากให้เธอต้องเสียใจจริง ๆ

เมื่อก่อนเธอเป็นคนที่อวดดีไม่ยอมใคร แต่ตอนนี้เห็นกับไข่มุกที่โดนฝุ่นละอองเคลือบเอาไว้ ปราศจากแสงที่แสงที่ประกายแวววาวอย่างที่มันเคยเป็น

เวลานั้นเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ไปมากมาย

ฟางเสว่มั่น ถอนหายใจ ” ไม่พูดถึง ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่จริงหรอกนะคะ ”

” พอแล้ว ๆ ไม่พูดเรื่องเก่า ๆ แล้ว ” ซ่างหยิงตบไปที่มือของเธอเบา ๆ

ฟางเสว่มั่นเงียบไปสักพัก จึงพูดต่อ ” แม่….ทำไมแม่ถึงจากไปล่ะ ”

” เป็นเพราะหลังจากล้มก็นอนติดเตียงมาโดยตลอด ยังไม่ทันได้พ้นปีนั้นช่วงหน้าหนาวแม่ก็จากไปแล้ว ”

ตาของฟางเสว่มั่นก็แดงเถือก ” ฉันมันอกตัญญูจริง ๆ ไม่แม้จะกลับมาเห็นหน้าแม่เป็นครั้งสุดท้าย “

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท