“เพื่อเหรอ?” ฟางยู่เชินยิ้มให้ “ใช่ เราเป็นเพื่อนกัน”
ในใจของเขาได้แต่ปลอบใจตนเองเอาไว้ อย่างน้อยเธอก็ยอมเป็นเพื่อนของเขาแล้ว ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันในอนาคต
“งั้นเป็นเพื่อนกันแล้ว ก็รับของขวัญไว้เถอะ” เขาเลิกคิ้วให้ซ่างกวนหยวน เพื่อให้เธอรับมันเอาไว้
ซ่างกวนหยวนยังคงปฏิเสธเช่นเดิม
“มันแพงเกินไป ฉันรับไว้ไม่ได้”
ฟางยู่เชินไม่ได้ดื้อดึงต่อ เขาดึงมือกลับมา จากนั้นก็ยิ้มให้ “สร้อยคออันนี้มันช่างสูญเปล่าชะมัด”
“คุณก็เอาไปส่งให้สื้อสื้อสิ” ซ่างกวนหยวนกล่าว
ฟางยู่เชินพยักหน้า “คุณก็พูดถูก ผมสามารถเอาไปให้สื้อสื้อได้”
ตอนที่พูดอยู่นั้น เขาก็เอากล่องเก็บเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตากินสเต๊กที่เมื่อครู่ตนเองยังกินไม่หมด
ไม่รู้ว่ามันยืนจืดชืดไปแล้ว จนมันแข็ง แถมยังไม่อร่อยด้วย
สรุปว่า รสชาติมันเหนียวหนึบจนกลืนไม่ลง
……
เวลาค่อยๆ ดึกขึ้นเรื่อยๆ
จิ้นเฟิงเฉินช่วยห่มผ้าให้กับเสี่ยวเป่า และหันตัวกลับมามองเจียงสื้อสื้อที่กำลังนั่งหลับอยู่บนโซฟา เลยเดินเข้ามาหาอย่างแผ่วเบา
“สื้อสื้อ” เขาเอ่ยเรียกเสียงเบา
ท่ามกลางความมึนงงและได้ยินเสียงเรียก เจียงสื้อสื้อลืมตาขึ้น ใบหน้าอันหล่อเหลาอันคุ้นเคยก็ทะลุเข้ามาในกระบอกตา ริมปากของเธอเผยอขึ้นเล็กน้อย “ฉันนอนหลับไปแล้ว”
จากนั้นก็นั่งตัวตรง พลันบิดขี้เกียจออกมา “เสี่ยวเป่านอนหรือยัง?”
ทั้งถามทั้งมองไปไปทางเตียงผู้ป่วย
“คุณไปนอนบนเตียงเถอะ ผมเฝ้าเอง”
เมื่อเห็นสีหน้าความเหนื่อยล้าของเธอแล้ว จิ้นเฟิงเฉินปวดใจเล็กน้อย
“อืม”
เจียงสื้อสื้อทำตามอย่างเชื่อฟังคือการเอนหลังนอนลงบนเตียงด้านข้าง เธอหันศีรษะกลับมาหา “คุณเหนื่อยแล้วก็พักผ่อนนะ ไม่ต้องคอยเฝ้าตลอดหรอก”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าชายเล็กน้อย “ผมรู้แล้ว นอนเถอะ”
เจียงสื้อสื้อหลับตาลง
เธอเหนื่อยจริงๆ ไม่นานนักก็หลับสนิท
จิ้นเฟิงเฉินห่มผ้าให้เธอ ถึงกลับมานั่งลงบนโซฟาดังเดิม พร้อมทั้งเริ่มจัดการงานที่ยังคั่งค้างอยู่ในตอนกลางวัน
เจียงสื้อสื้อถูกเสียงวุ่นวายปลุกให้ตื่น ตอนลืมตาท่ามกลางอาการสะลึมสะลืออยู่นั้น ผงกหัวและมองออกไป พลันปรากฏเป็นร่างกายของคนคุ้นเคย
จนคิ้วขมวดเข้าหากัน นี่เธอกำลังฝันอยู่ใช่ไหมเนี่ย?
ทำไมถึงได้เห็นว่าน้าชายเล็กกับน้าสะใภ้เล็กอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?
“อาการของเสี่ยวเป่าเป็นยังไงบ้าง” ฟางเถิงมองเสี่ยวเป่าที่กำลังหลับอยู่บนเตียงคนไข้ ด้วยใบหน้าอันแสนเจ็บปวด
“ไม่มีอะไรมาก พักผ่อนให้อาการดีขึ้นสักหลายวันหน่อยก็หายแล้ว” จิ้นเฟิงเฉินตอบ
ซ่างหยิงเลิกคิ้ว “ตอนนี้เด็กกำลังเป็นช่วงวัยกระตือรือร้น การที่ไปโขกนั่นชนนี่ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าการที่เสี่ยวเป่าล้มแบบนี้ถือว่าหนักเอาการอยู่”
เมื่อเห็นบนศีรษะของเสี่ยวเป่าถูกผ้าพันเอาไว้แน่นแถมยังมีใบหน้าที่ซีดเผือดเล็กน้อย ซ่างหยิงปวดใจจนทนไม่ไหว
“น้าสะใภ้เล็ก เสี่ยวเป่าไม่เป็นไรนะ คุณอย่าได้กังวลมากเกิน” จิ้นเฟิงเฉินพูดปลอบใจ
ซ่างหยิงมองเขาอยู่แวบหนึ่ง พร้อมทั้งถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “ฉันจะไม่เป็นห่วงได้ไง? เด็กตัวเล็กแค่นี้”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มให้ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ความสนใจของเขาพุ่งเป้าไปที่ร่างกายของเสี่ยวเป่า และไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเจียงสื้อสื้อตื่นขึ้นมาแล้ว
เจียงสื้อสื้อลุกขึ้นจากเตียง พร้อมทั้งลองเรียกดู “น้าชายเล็ก น้าสะใภ้เล็ก?”
เมื่อได้ยินเสียง ทั้งสามคนรวมจิ้นเฟิงเฉินด้วยต่างหันมาหาพร้อมกัน
ซ่างหยิงเห็นว่าเธอตื่นแล้ว เลยรีบเดินเข้ามาหาทันที “ขอโทษด้วย ที่ปลุกจนคุณตื่น”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เจียงสื้อสื้อเริ่มสับสนอยู่บ้าง “ทำไมจู่ๆ พวกคุณถึงมาได้ล่ะ?”
“ยู่เชินบอกเรื่องของเสี่ยวเป่าให้เรารู้ ฉันกับน้าสะใภ้เล็กของแกไม่วางใจเลยมาดูให้เห็นกับตา” ฟางเถิงอธิบาย
เจียงสื้อสื้อไม่รู้จะทำอย่างไรดี “เสี่ยวเป่าไม่เป็นไร พวกคุณไม่ต้องตั้งใจมาขนาดนี้ก็ได้ ช่างลำบากพวกคุณเกินแล้ว’
“พูดอะไรออกมาเนี่ย?” ซ่างหยิงเหลือบมองเธอย่างไม่สบอารมณ์ “จะพูดยังไงก็แล้วแต่ พวกเรามีศักดิ์เป็นตากับยายของเสี่ยวเป่านะ ไม่มาเยี่ยมเขาจะได้ยังไงกัน?”
เจียงสื้อสื้อยิ้มให้
พวกเขามาเยี่ยมย่อมได้แน่นอน แค่รบกวนพวกเขาให้ยุ่งยากมากเกินไปแล้ว
เธอรู้สึกมิอาจสงบจิตสงบใจได้
ถ้ารู้ตั้งแต่แรกก็ไม่บอกฟางยู่เชินแล้วแหละ
เจียงสื้อสื้อลงจากเตียง เมื่อใส่รองเท้าเสร็จแล้ว จากนั้นก็เดินไปดึงฟางเถิงกับซ่างหยิงมานั่งลงบนโซฟา
“ไหนๆ พวกคุณก็มากันแล้ว งั้นก็อยู่สักหลายวันหน่อยค่อยกลับไปนะ” เจียงสื้อสื้อพูดออกมา
ฟางเถิงกับซ่างหยิงสบตากัน จากนั้นก็พูดออกมา “ที่พวกเรามากันในครั้งนี้นอกจากมาเยี่ยมเสี่ยวเป่าแล้ว ยังมีเป้าหมายอีกอย่างด้วย”
“หรือว่าจะไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่สามีของฉันเหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อถาม
ฟางเถิงหลุดยิ้มออกมา “แกเดาถูกแล้วแหละ”
นี่ต้องทายด้วยเหรอ เพราะว่าพวกเขาพูดตั้งแต่แรกแล้วว่าจะมาเยี่ยนเยียนตระกูลจิ้น ดังนั้นการมาในครั้งนี้ก็คงต้องไปเยี่ยมเยียนกันสักหน่อยแล้วแหละ
“จะไปเมื่อไหร่เหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อถามกลับ
“ดูว่าพ่อแม่สามีของคุณสะดวกตอนไหน”
เมื่อได้ยินแล้ว เจียงสื้อสื้อหันไปมองจิ้นเฟิงเฉิน “พ่อกับแม่ว่างตอนไหนเหรอ?”
“พ่อกับแม่ก็สะดวกตลอดแหละ”
เมื่อได้ยินคำตอบของจิ้นเฟิงเฉินแล้ว เจียงสื้อสื้อครุ่นคิดตามก็ใช่อยู่นะ ดังนั้นเลยพูดว่า “ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติเลย งั้นวันนี้เลยแล้วกัน”
ซ่างหยิงมองมาทางฟางเถิง พลันถามขึ้นมา “ได้ไหม?”
“ได้แน่นอน” จิ้นเฟิงเฉินยิ้มให้ “ผมจะโทรศัพท์กลับไปบ้านตอนนี้เลย แจ้งข่าวเรื่องนี้ให้พวกเขาทราบ”
ซ่างหยิงพยักหน้า “งั้นดีเลย”
แม้ว่าอยากจะมาเยี่ยนเยียนตระกูลจิ้นตั้งนานแล้ว แต่ว่าถึงเวลานี้ ซ่างหยิงเองก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย
เธอดึงเจียงสื้อสื้อมาด้านข้าง พร้อมทั้งถามกลับอย่างเบาเสียง “สื้อสื้อ แม่สามีของคุณปกติชอบอะไร?”
“จู่ๆ ทำไมถามเรื่องนี้ล่ะ?” เจียงสื้อสื้อมองเธออย่างสงสัย
“มาเยี่ยมเยียนกันครั้งแรกยังไงเสียก็ต้องมีของขวัญติดไม้ติดมือมาด้วยแหละ จะไปมือเปล่าไม่ได้มั้ง”
เจียงสื้อสื้อครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ พลันตอบกลับ “แม่สามีของฉันชอบของเยอะมาก ถ้าส่งของขวัญแล้วล่ะก็ ผ้าพันคอจากผ้าไหมพวกนี้ก็ได้แล้วแหละ”
“ผ้าพันคอที่เป็นไหมเนี่ยนะ?” ซ่างหยิงย่นคิ้วเข้าหากัน “ของขวัญพวกนี้มันไม่ดูขี้เหนียวไปหน่อยเหรอ?”
เจียงสือสือยิ้มให้ “น้าสะใภ้เล็ก แม่สามีของฉันไม่ได้เข้าหายากขนาดนั้น ขอแค่คุณส่งให้ เธอก็ต้องชอบ”
ด้วยนิสัยแม่สามีของเธอแล้ว การที่ได้เห็นญาติทางแม่ของเธอนั้น ก็ดีใจมากแล้ว จะเอาเวลาที่ไหนไปสนใจของขวัญอะไรเทือกนั้น
จิ้นเฟิงเฉินโทรศัพท์พร้อมทั้งบอกเรื่องนี้ให้กับแม่จิ้นทราบ เมื่อแม่จิ้นได้ยินแล้ว ก็ดีใจทันที
“พวกเขาจะมาจริงๆ เหรอ?”
มุมปากของจิ้นเฟิงเฉินฉีกยิ้มให้ตามสัญชาตญาณ “อืม จะไปที่บ้านตอนกลางคืนนี่แหละ”
“มาที่บ้าน ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นทางการไปหรือเปล่า? จองห้องจัดเลี้ยงรับรองไหม พวกเราไปกินข้าวข้างนอกกัน”
“ไม่ต้องหรอก เป็นครอบครัวเดียวกัน อยู่ที่บ้านนั่นแหละ”
แม่จิ้นก็ไม่ได้ดื้อดึงต่อ “งั้นได้ ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย”
พวกเขาเองก็อยากไปมาหาสู่กับญาติทางเจียงสื้อสื้อ แต่ว่าหาโอกาสเหมาะๆ ไม่ได้เลย แต่ตอนนี้พวกเขามาที่เมืองจิ้นถึงด้วยตนเองเลย จนทำให้แม่จิ้นรู้สึกทำตัวไม่ถูก
หลังจากเธอวางสายแล้ว ก็เรียกพ่อบ้านและคนรับใช้มา เพื่อต้องการให้พวกเขาปัดกวาดเช็ดถูบ้านทั้งข้างในข้างนอกให้สะอาดเอี่ยมอ่องรอบหนึ่ง
ต้องให้น้าชายเล็กกับน้าสะใภ้เล็กของเจียงสื้อสื้อที่มาเป็นแขกมาเยี่ยมเยียนรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านของตนเองให้ได้
……
ตอนกลางคืน เจียงสื้อสื้อก็ขอคุณหมอให้เสี่ยวเป่ากลับบ้าน หลังจากที่คุณหมอตรวจอาการของบาดแผลของเสี่ยวเป่าแล้วนั้น เมื่อเห็นว่าไม่มีปัญหาใหญ่อะไรก็อนุญาตทันที
“สื้อสื้อ ที่ฉันแต่งตัวแบบนี้มันจะดูเสียมารยาทหรือเปล่า?” ซ่างหยิงก้มลงมองการแต่งตัวของตนเอง เพราะรู้สึกว่ามันมีอะไรที่ไม่ถูกต้อง
เจียงสื้อสื้อรู้ว่าเธอตื่นเต้นแล้วแหละ ดังนั้นมองอะไรก็ดูไม่ถูกไปซะหมด
“น้าสะใภ้เล็ก คุณอย่าได้ตื่นเต้นเลย คุณใส่เสื้อผ้ามาก็ไม่เห็นมีตรงไหนที่ไม่ถูกต้องนะ ทั้งสวยและดูดีเป็นทางการด้วย” เจียงสื้อสื้อกุมมือคอยพูดปลอบไว้
“จริงเหรอ?” ซ่างหยิงไม่เชื่ออยู่บ้าง
“จริงสิ”
เมื่อเห็นว่านัยน์ตาเจียงสื้อสื้อเริ่มแสดงอาการเบื่อหน่ายออกมาแล้ว ซ่างหยิงถึงกลับยิ้มออกมา “งั้นก็ดี งั้นก็ดี ฉันจะเจอพ่อแม่ของเฟิงเฉินเป็นครั้งแรก เจอพ่อแม่สามีของคุณเป็นครั้งแรกด้วย จนเริ่มตื่นเต้นซะแล้วสิ”