ภายใต้การยืนกรานของเจียงสื้อสื้อ ชุดน้ำชานี้เธอจึงเป็นคนจ่ายเอง
ซ่างกวนหยวนรู้สึกไม่เต็มใจเล็กน้อย จึงเสนอว่า “ตอนนี้สายแล้ว ฉันขอเชิญพวกคุณไปทานอาหารนะคะ”
“เอ่อ…” เจียงสื้อสื้มองซ่างหยิง
ซ่างหยิงเหลือบมองเธอแวบหนึ่งก่อนจะตอบตกลงอย่างเต็มใจ “ได้จ้ะ”
โดยธรรมชาติแล้วเจียงสื้อสื้อรู้ว่าซ่างหยิงกำลังคิดอะไรอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเล็กน้อย
เมื่อซ่างกวนหยวนเห็นซ่างหยิงตกลงจึงยกยิ้ม “ไปกันเถอะค่ะ ฉันรู้ว่าใกล้ๆ แถวนี้มีของอร่อยอยู่ตรงไหน”
ซ่างหยิงมองเธอด้วยความพึงพอใจ “งั้นก็รบกวนเธอด้วยจ้ะ”
ซ่างกวนหยวนพาพวกเธอไปยังร้านอาหารไพรเวทที่อยู่ไม่ไกลร้านหนึ่ง
“ร้านนี้ฉันมาตั้งแต่เด็ก เชฟฝีมือดีมากค่ะ เดี๋ยวพวกคุณทานแล้วก็จะรู้”
ซ่านกวนหยวนเดินเบาๆ เข้าไปในร้านอาหารอย่างคุ้นเคย เจียงสื้อสื้อกับซ่างหยิงตามอยู่ข้างหลัง
“บรรยากาศดีจริงๆ”
เมื่อเข้าไปในห้องส่วนตัว เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเอ่ยชมออกมา
สไตล์การตกแต่งด้วยสีสันและกลิ่นอายแบบโบราณ เรียบหรูสงบเงียบ มองออกไปนอกหน้าต่างด้านหนึ่ง จะเห็นสระน้ำและหินในสวนสะท้อนแสงเจิดจ้าภายใต้แสงแดด
“พวกคุณชอบก็ดีแล้วค่ะ”
หลังจากนั่งลง ซ่างกวนหยวนก็ดันเมนูอาหารไปตรงหน้าพวกเธอ เพื่อให้พวกเธอสั่งอาหาร
ซ่างหยิงมอบหมายให้เจียงสื้อสื้อเป็นคนสั่ง ส่วนตัวเองพูดคุยกับซ่างกวนหยวน
“คุณซ่างกวน ปีนี้เธออายุเท่าไรแล้ว”
“คุณป้าเรียกฉันว่าหยวนหยวนก็ได้ค่ะ” ซ่างกวนหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันอายุเท่าสื้อสื้อค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงสื้อสื้อจึงเงยหน้าขึ้นมาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “คุณอายุเท่าฉันเหรอ”
“อืม อายุเท่ากัน” ซ่างกวนหยวนยกถ้วยน้ำชาขึ้น และลดสายตาลงเพื่อกลบเกลื่อนประกายบางอย่างที่แวบเข้ามาผ่านแววตา
พวกเธออายุเท่ากัน แต่เธอแต่งงานกับจิ้นเฟิงเฉินและมีลูกที่น่ารักสองคน ส่วนตนน่ะเหรอ อยู่คนเดียวเป็นโสด ชายที่ชอบก็แต่งงานแล้ว
“แล้วเธอมีแฟนไหม” ซ่างหยิงไม่เห็นท่าทีที่แปลกไปของซ่างกวนหยวน สอบถามอีกครั้ง
“ไม่มีค่ะ” ซ่างกวนหยวนวางถ้วยชาลง “ตอนนี้ฉันยังไม่อยากมีความรัก”
เธอเพิ่มประโยคนี้ เพื่อเป็นการปัดความคิดของซ่างหยิง
เพราะเธอรู้ว่าซ่างหยิงเป็นแม่ของฟางยู่เชิน
ต้องบอกว่า พวกเขาเป็นแม่ลูกกันจริงๆ สายตาเหมือนกันไม่มีผิด
เมื่อซ่างหยิงได้ยินคำพูดของเธอก็พลันคิ้วขมวด สีหน้าไม่เห็นด้วย “เป็นผู้หญิงมีความรักและแต่งงานช้าเกินไปมันไม่ดีนะ เธอดูสื้อสื้อที่อายุเท่ากันแต่งงานมีลูกแล้วสิ เธอเองก็ต้องรีบถึงจะถูก”
ซ่างกวนหยวนมองเจียงสื้อสื้อ แล้วยิ้มกว้างออกมาทันที “คนที่ฉันชอบแต่งงานแล้วค่ะ ดังนั้น…”
เธอยักไหล่และพูดต่อว่า “ฉันไม่รีบจริงๆ ค่ะ รอโชคชะตามาถึงค่อยว่ากัน”
“คนที่เธอชอบเหรอ” ซ่างหยิงเริ่มสนใจ จึงไล่บี้ถามว่า “งั้นเขาเป็นคนแบบไหน”
เธอต้องถามให้ชัดเจน จะได้รู้ว่าลูกชายตัวเองมีโอกาสไหม
ที่จริงเมื่อถูกไล่บี้ถามแบบนี้ ซ่างกวนหยวนควรจะรู้สึกอึดอัด ทว่าซ่างกวนหยวนกลับพูดถึงคนที่ชอบอย่างที่ไม่เกินเป็นมาก่อน
“เขาเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมมากค่ะ ตระกูลผู้ดี รูปร่างหน้าตาก็ดูดี แต่สิ่งที่ดึงดูดฉันมากที่สุดคือความสามารถของเขา ตอนที่เขาอายุยี่สิบปี เขาขยายธุรกิจครอบครัวไปหลายต่อหลายครั้ง”
ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าซ่างกวนหยวนกำลังพูดถึงผู้ชายที่ตัวเองชอบ แต่เจียงสื้อสื้อยังอดไม่ได้ที่จะคิดเชื่อมโยงผู้ชายที่เธอพูดถึงเข้ากับจิ้นเฟิงเฉิน
เพราะจิ้นเฟิงเฉินก็เป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน
หลังจากซ่างหยิงฟังจบ ก็อดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมาว่า “เธอไม่ได้พูดถึงเฟิงเฉินใช่ไหม”
ซ่างกวยหยวนแววตาลุกลี้ลุกลนทันที เธอรีบยิ้มและอธิบายว่า “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ประธานจิ้น ฉันกำลังพูดถึงคนอื่น บางทีฉันอาจจะพูดเกินจริงไปหน่อย แต่ในสายตาฉันเขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก”
ซ่างหยิงยิ้มอย่างขอโทษ “ขอโทษนะ ฉันคิดว่าเธอพูดถึงเฟิงเฉินเสียอีก เพราะยังไงเฟิงเฉินก็แต่งงานแล้ว”
“จะเป็นไปได้ยังไงคะ” ซ่างกวนหยวนชำเลืองมองเจียงสื้อสื้อ และพูดยิ้มๆ ว่า “ฉันกับสื้อสื้อเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ฉันจะชอบประธานจิ้นได้ยังไง”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงสื้อสื้อจึงเงยหน้าขึ้นมองเธอแล้วพูดติดตลกว่า “ไม่เป็นไรหรอก คุณชอบก็ได้ ยังไงเขาก็เป็นสามีฉันแล้ว”
ความหมายโดยนัยคือแม้ว่าเธอจะชอบยังไงก็ไม่ได้ครอบครองอยู่ดี
อาจจะเพราะไม่ได้คาดไว้ว่าเธอจะพูดอย่างนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าซ่างกวนหยวนจึงนิ่งค้าง ก่อนจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “สื้อสื้อ คุณกำลังพูดอะไรเนี่ย จริงๆ เลย”
เธอมองซ่างหยิงแล้วแกล้งฟ้องอย่างไม่พอใจว่า “คุณป้าดูสิคะ ทำไมสื้อสื้อถึงเป็นผู้หญิงที่โง่อย่างนี้ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะต้องการให้ผู้หญิงคนอื่นชอบสามีของเธอ”
“มันเป็นเพราะเธอมั่นใจในตัวเฟิงเฉินน่ะสิ ถึงกล้าพูดแบบนี้” ซ่างหยิงพูดกลั้วหัวเราะ
“ใช่ไหม” รอยยิ้มบนริมฝีปากของซ่างกวนหยวนกลายเป็นค่อนข้างฝืดเคือง
กลัวว่าจะเปิดเผยความในใจของตัวเอง เธอจึงเปลี่ยนเรื่องพูดโดยถามว่า “สื้อสื้อ คุณสั่งเสร็จแล้วเหรอ”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “อืม เสร็จแล้ว พวกคุณดูสิว่าอยากท่านอะไร”
เธอเอาเมนูให้ซ่างกวนหยวน
“เอาตามที่คุณสั่งเลย”
ซ่างกวนหยวนเรียกบริกรมากดรายการอาหารที่เจียงสื้อสื้อสั่ง
“เท่านี้นะครับ” บริกรถาม
“ค่ะ เท่านี้”
บริกรยิ้มอย่างสุภาพ “เช่นนั้นโปรดรอสักครู่”
รอจนบริกรออกไป ซ่างกวนหยวนถึงได้เอ่ยปากถามว่า “สื้อสื้อ พวกคุณกลับไปที่เมืองจิ่นแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่นานก็มาเมืองหลวงอีกแล้วล่ะ”
“เฟิงเฉินมีธุระนิดหน่อยน่ะ เพราะงั้นพวกเราก็เลยมา” เจียงสื้อสื้อตอบไปคร่าวๆ
ซ่างกวนหยวนพยักหน้า “เมื่อวานฉันเจอประธานจิ้นที่ฟางซื่อด้วย”
“เมื่อวานเหรอ” เจียงสื้อสื้อชะงักไป ก่อนจะได้สติกลับมาในเวลาอันรวดเร็ว “อ๋อ เมื่อวานเขาไปที่ฟางซื่อน่ะ”
“สื้อสื้อ” ซ่างกวนหยวนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะแสร้งพูดออกมาประหนึ่งว่าไม่ได้ตั้งใจ “คุณก็รู้ว่าตอนนี้สามบริษัทของเราทำงานร่วมกันเพื่อสร้างบริษัทใหม่ แต่ว่าประธานจิ้นมอบงานทุกอย่างไว้ให้ฉันกับประธานฟาง บอกตามตรงนะว่าแย่มาก”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เจียงสื้อสื้อก็เก้อเขินทันที เธอไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าจิ้นเฟิงเฉินน่ะเพื่อเธอแล้วไม่ว่าอะไรก็ไม่สนใจทั้งนั้น แบบนี้มันจะดูเหมือนว่าจิ้นเฟิงเฉินไม่มีความรับผิดชอบ