จิ้นเฟิงเฉินกลับมาที่บ้านตระกูลฟาง ก็ไม่ได้พบกับซ่างกวนหยวน
เข้าไปในห้องแล้ว เขามองเจียงสื้อสื้ออย่างสงสัย “คุณไม่ใช่บอกว่า……”
เจียงสื้อสื้อหรี่ตา เหล่มองเขาอย่างไม่พอใจ “คุณผิดหวังมากเหรอ”
“เปล่า”
“จริงเหรอ” เจียงสื้อสื้อไม่เชื่อถือมากนัก
จิ้นเฟิงเฉินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ทำไมผมต้องผิดหวัง”
“ทำไมนะเหรอ” เจียงสื้อสื้อคิดใคร่ครวญอย่างจริงจัง “เธอสวยมาก และก็เก่งมาก เป็นประเภทที่ผู้ชายอย่างพวกคุณชอบ”
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว “ดังนั้นยังไง”
“ดังนั้น……” เจียงสื้อสื้อถูกถามจนอึ้งไปเลย
“คุณกำลังหึงเหรอ” จิ้นเฟิงเฉินมองเธอเหมือนจะหัวเราะแต่ไม่ได้หัวเราะ
“ฉันเปล่านะ! ” เจียงสื้อสื้อเอียงตัว เชิดคางขึ้นอย่างทระนงตน
จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม เขาเดินไป โอบเธอไว้ในอ้อมกอด น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้นข้างหูเธอ “คนอื่นจะสวยจะเก่งมากแค่ไหน ก็ไม่เกี่ยวกับผม ในสายตาผมมีเพียงคุณตลอดไป”
“จริงเหรอคะ” ภายในใจเจียงสื้อสื้อมีความสุข ปากไม่อาจหุบยิ้มได้
“จริงแท้แน่นอน”
เจียงสื้อสื้อกัดริมฝีปาก “แต่……ฉันไม่เก่งพอ นอกจากไม่สามารถช่วยคุณในเรื่องของธุรกิจได้แล้ว ยังสร้างความวุ่นวายให้คุณเพิ่มด้วย”
พอจิ้นเฟิงเฉินได้ยิน ก็หมุนตัวเธอมา ทั้งสองเผชิญหน้ากัน
คิ้วขมวดเข้ากัน “ซ่างกวนหยวนพูดอะไรกับคุณใช่มั้ย”
ทำไมฟังประโยคนี้แล้วรู้สึกแปลกๆ
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว ลองถามเขาว่า “เธอเคยพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้าคุณเหรอ”
จิ้นเฟิงเฉินเม้มปาก ไม่ได้ตอบ
ทันใดนั้นเจียงสื้อสื้อก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เธอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว “มิน่าเล่าตอนนั้นคุณให้ฉันพยายามติดต่อกับเธอให้น้อยที่สุด ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง”
“คุณอาจจะเห็นเธอเป็นเพื่อนด้วยความจริงใจ แต่เธอไม่ได้เป็นอย่างนั้น” จิ้นเฟิงเฉินพูด
ตอนนั้นเขาไม่ยอมพูดให้กระจ่าง ไม่อยากเห็นเธอผิดหวัง ในเมื่อซ่างกวนหยวนเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอที่เมืองหลวง
เจียงสื้อสื้อเลิกคิ้ว “เธอไม่จริงใจที่ไหนกัน ยังมีน้ำใจด้วย”
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว “หมายความว่าอะไร”
“ไม่มีอะไร”
ในเมื่อเขาก็ดูไม่ออกว่าซ่างกวนหยวนมีแผนการอะไรกับเขา เช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องเปิดโปง
“พรุ่งนี้ผมจะกลับเมืองจิ่น” จิ้นเฟิงเฉินพูด
“อ้อ”
จิ้นเฟิงเฉินจ้องมองเธอ “ไม่พอใจเหรอ”
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า “เปล่า คุณไม่ได้ฉันตั้งแต่แรกแล้วเหรอว่าจะกลับไป ดังนั้นฉันก็เตรียมใจเอาไว้นานแล้ว”
แม้ว่าเธอจะพูดแบบนี้ แต่จิ้นเฟิงเฉินรู้ดีว่าความจริงแล้วในใจเธอไม่ได้คิดแบบนี้
“ไม่นานผมก็จะกลับมาเมืองหลวง” จิ้นเฟิงเฉินจับเธอแน่น สายตามองไปข้าหน้า “หวังว่าถึงตอนนั้นจะสามารถนำเอายาที่ทำลายไวรัสมาได้”
เจียงสื้อสื้อมุมปากโค้งขึ้น “ฉันก็หวังเช่นกันค่ะ”
แม้ความหวังนี้จะริบหรี่ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีหวังเลย
“ก็อกๆ——”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เจียงสื้อสื้อเงยหน้าขึ้นมาจากอ้อมอกจิ้นเฟิงเฉิน ทั้งสองคนสบตากัน ขณะเดียวกันก็หันหน้ามองไปยังประตู
“สื้อสื้อ เฟิงเฉิน ทานอาหารเย็นได้แล้ว”
คือซ่างหยิง
“อ้อ ค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
เจียงสื้อสื้อผลักจิ้นเฟิงเฉินออก ยิ้ม “ไป พวกเราลงไปข้างล่างกัน”
จากนั้น เธอก็จูงมือเขาเดินไปที่ประตู
ทั้งสองคนลงมาพร้อมกัน ตกใจที่พบว่าพ่อจิ้นแม่จิ้นก็อยู่ที่นี่ด้วย
“พ่อ แม่ พวกคุณทำไม……ทำไมอยู่ที่นี่ล่ะค่ะ” เจียงสื้อสื้อตกใจจนพูดตะกุกตะกัก
“แม่ได้ยินว่าลูกเป็นลมอีกแล้ว ไม่สบายใจก็เลยมาเยี่ยมพร้อมกับพ่อ” แม่จิ้นเดินมาตรงหน้าเธอ กุมมือเธอเอาไว้ มองพิจารณาบนล่างซ้ายขวา
“สุขภาพร่างกายลูกเป็นอย่างไรบ้าง” แม่จิ้นถามอย่างเป็นห่วง
“สุขภาพร่างกายหนูดีมากค่ะ”
เจียงสื้อสื้อซาบซึ้งมาก หางตารื้นอย่างกลั้นไม่อยู่ เธอสูดจมูก “พ่อ แม่ พวกคุณไม่ต้องมาหรอกค่ะ หนูไม่เป็นอะไรจริงๆค่ะ”
“ยัยเด็กโง่ พวกเราไม่มาดูด้วยตนเอง ก็ไม่วางใจ” แม่จิ้นตบมือเธอ
พ่อจิ้นก็เดินมา เสริมขึ้นว่า “ใช่แล้ว ลูกไม่รู้ว่าแม่ของลูกบ่นถึงลูกทุกวัน หูพ่อจะชาอยู่แล้ว”
“เหล่าจิ้น!” แม่จิ้นถลึงตาใส่พ่อจิ้นด้วยความโมโห
ฝ่ายหลังหัวเราะอย่างร่าเริง
เจียงสื้อสื้อเองก็อดขำไม่ได้
“คุณพ่อตา คุณแม่ยาย มาทานข้าวเถอะค่ะ” ทันใดนั้นเสียงของซ่างหยิงก็ทำลายบรรยากาศอบอุ่นนี้
เจียงสื้อสื้อรีบจัดการอารมณ์ความรู้สึก ควงแขนพ่อจิ้น “พ่อ แม่ ไปค่ะ ทานข้าวกัน”
หลายคนเดินเข้าห้องอาหารมา หลังจากนั่งลงทีละคน ฟางเถิงมองคนที่นั่งลง หัวเราะร่าพูดว่า “ไม่ได้มีโอกาสง่ายๆที่สองครอบครัวจะทานอาหารร่วมกันอย่างวันนี้ ทุกคนก็กินให้เต็มที่ ดื่มให้เต็มที่ มีความสุขสำคัญที่สุด”
“เหล่าฟางพูดไม่ผิด คิดเสียว่าเป็นบ้านของตัวเอง ไม่ต้องเกรงใจ ” ซ่างหยิงยิ้มพลางเอ่ยกับพ่อจิ้นแม่จิ้น
แม่จิ้นยิ้ม พูดว่า “ได้ พวกเราจะไม่เกรงใจแล้วนะ”
เพราะการมาของพ่อจิ้นแม่จิ้น ตระกูลฟางคืนวันนี้มีบรรยากาศครึกครื้นมาก จนกระทั่งดึกดื่นจึงได้เงียบลง
หลังจากไปส่งพ่อจิ้นแม่จิ้นพักผ่อนแล้ว เจียงสื้อสื้อและจิ้นเฟิงเฉินก็กลับมาที่ห้อง
เจียงสื้อสื้อหาว เปลือกตาบนล่างใกล้จะปิดแล้ว
“อาบน้ำก่อนค่อยนอน” จิ้นเฟิงเฉินพูด
เจียงสื้อสื้อพิงแนบกับเขา ส่ายหน้า พูดออดอ้อนว่า “ฉันไม่อยากอาบ”
แสงสว่างจางๆฉายออกมาจากนัยน์ตาเขา เขาพูดเบาๆว่า “ผมช่วยคุณอาบ”
พอได้ยินว่าเขาจะช่วยตนเองอาบน้ำ เจียงสื้อสื้อตกใจจนหายง่วงนอนทันที เธอรีบส่ายหน้าแรงๆ “ไม่ต้องรบกวนคุณหรอก ฉันอาบเอง”
พูดจบ เธอก็พุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำ
“ปึง!”
เห็นประตูถูกปิดลง จิ้นเฟิงเฉินอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ทำไมเธอยังเขินอายขนาดนี้
เจียงสื้อสื้อถอนหายใจยาว น่ากลัวจริงๆ!
เธอยกมือขึ้นมากุมใบหน้าที่ร้อนผ่าว แม้พวกเขาจะมีลูกสองคนแล้ว แต่เรื่องแบบนี้ เธอก็ยังเขินอายอย่างมาก
หลังจากอาบน้ำแล้ว เจียงสื้อสื้อสวมชุดคลุมอาบน้ำออกมาจากห้องน้ำ พบว่าจิ้นเฟิงเฉินก็อาบน้ำเสร็จแล้ว
คงจะไปอาบที่ห้องแขก
จิ้นเฟิงเฉินกวักมือเรียกเธอ “มา ผมช่วยคุณเป่าผม”
เจียงสื้อสื้อเดินไปอย่างว่าง่าย
ลากเธอไปนั่งบนเตียง จิ้นเฟิงเฉินเปิดไดร์เป่าผม
สัมผัสได้ถึงปลายนิ้วของเขาที่กดลงบนหนังศีรษะตนเองเบาๆ เจียงสื้อสื้อหลับตาลงด้วยความรู้สึกสบาย
ใครจะไปรู้ว่า เธอจะหลับไปแบบนี้เลย
เห็นศีรษะเธอผงกทีละครั้งๆ จิ้นเฟิงเฉินรู้ว่าเธอใกล้จะหลับแล้ว
ดังนั้น เขาปิดไดร์เป่าผม เอาเธอวางลงบนเตียงเบาๆ ดึงมาห่มมาห่มให้เรียบร้อย
เจียงสื้อสื้อพลิกตัว เปลี่ยนเป็นท่าที่สบาย
จิ้นเฟิงเฉินมองเธอ แววตาอ่อนโยนอย่างยิ่ง รอยยิ้มมุมปากเต็มไปด้วยความรักใคร่
“ราตรีสวัสดิ์”
เขาประทับรอยจูบลงบนหว่างคิ้วของเธอเบาๆ จึงหมุนตัวเดินออกจากห้อง
จิ้นเฟิงเฉินไปห้องหนังสือ ตอนค่ำหลังทานอาหารเสร็จ ฟางยู่เชินบอกว่าเรื่องจะปรึกษาเขา
เห็นเข้ามา ฟางยู่เชินยิ้มพลางถามว่า “สื้อสื้อหลับแล้วเหรอ”
“อืม หลับแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินเดินตรงไปนั่งที่โซฟา ถามว่า “เรื่องอะไร”
ฟางยู่เชินเดินไป นั่งลงตรงข้ามกับเขา “ฉันอยากให้ผู้ต้องหาเผชิญหน้ากับฟางอี้หมิง นายคิดว่าแบบนี้จะได้มั้ย”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ตอบแต่ย้อนถามว่า “คุณว่าด้วยนิสัยของฟางอี้หมิง เขาจะยอมรับเหรอ”
“ไม่มีทาง” ฟางยู่เชินโพล่งออกมาโดยไม่ต้องคิด แต่จากนั้นเขาก็พูดอีกว่า “แต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหลักฐาน ฉันคิดว่าเขาก็โต้แย้งไม่ได้”