ซื้อเสื้อผ้าเสร็จ ซ่างหยิงพาเจียงสื้อสื้อและฟางยู่เชินมาถึงร้านอาหารตะวันตกร้านหนึ่ง
“น้าสะใภ้เล็ก ตอนนี้คือดื่มชายามบ่ายเหรอ?” เจียงสื้อสื้อถามอย่างสงสัย
เพราะว่า เวลานี้ ยังไม่ถึงเวลากินอาหารเย็น
“เดี๋ยวพวกเธอก็รู้” ซ่างหยิงมองฟางยู่เชินอย่างสายตาคิดอะไรบางอย่างอยู่
ฟางยู่เชินอึ้งเล็กน้อย รู้สึกไม่ค่อยดี
พวกเขาเพิ่งนั่งไปไม่นาน ก็มีแม่ลูกคู่หนึ่งเดินเข้ามา
“ซ่างหยิง”
ได้ยินแล้ว ซ่างหยิงก็เงยหน้าขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ รีบลุกขึ้น “มั่นชิง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
“ไม่เจอกันนานเลย” หญิงวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่ามั่นชิงก็ยิ้มอย่างดีใจ
“นี่เป็นลูกสาวที่บ้านเหรอ?” ซ่างหยิงมองไปที่หญิงสาวที่อยู่ข้างกายเธอ
“เสี่ยวอี้ รีบสวัสดีเร็ว” เสิ่นมั่นชิงหันไปพูดกับหญิงสาว
หญิงสาวยิ้มให้กับซ่างหยิง “คุณน้า สวัสดีค่ะ หนูชื่อเย่เสี่ยวอี้”
“สวัสดี เสี่ยวอี้ “
สายตาที่ซ่างหยิงที่มองหญิงสาวก็เต็มไปด้วยความรักใคร่ เจียงสื้อสื้อที่อยู่ข้างๆเข้าใจแล้ว ว่านี่เป็นการนัดบอด
เธอมองไปฟางยู่เชินที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาเห็นใจ
ฟางยู่เชินก็ดูออกแล้ว ก้มหน้าลง แกล้งทำเป็นไม่รู้
แต่เป็นไปได้ยังไงที่ซ่างหยิงจะปล่อยเขาไป ยื่นมือไปดึงตัวเขาขึ้นมา “ยู่เชินคนนี้ก็คือคุณน้ามั่นชิงที่เราชอบมากตอนเด็กๆไง ยังจำได้ไหม?”
“หา?” ฟางยู่เชินมองหน้าอันยิ้มแย้มของมั่นชิง สีหน้ามึนงง
พูดตามตรง เรื่องสมัยเด็ก เขาจะไปจำได้ยังไง
แต่ว่า เพื่อมารยาท ก็ยังพูดอย่างยิ้มแย้ม “คุณน้ามั่นชิง”
“ยู่เชินสูงขนาดนี้แล้วเหรอ” มั่นชิงสำรวจดูเขาหัวจรดเท้า ยิ่งดูยิ่งพอใจ “หน้าตาก็หล่อเหลามาก”
“ขอบคุณครับ” ฟางยู่เชินยิ้มอย่างเกรงใจ
“อย่ายืน รีบนั่งลง”
ซ่างหยิงบอกให้พวกเขานั่งลง เธอชี้ไปที่นั่งข้างฟางยู่เชิน พูดว่า “เสี่ยวอี้ หนูนั่งตรงนี้”
“ค่ะ” เย่เสี่ยวอี้นั่งลงข้างฟางยู่เชินอย่างเชื่อฟัง
เจียงสื้อสื้อขยับตัวอย่างรู้หน้าที่ นั่งเข้าไปมุมสุด เสิ่นมั่นชิงนั่งอยู่ข้างซ่างหยิง
“ท่านนี้คือ…..” เสิ่นมั่นชิงมองเจียงสื้อสื้ออย่างสงสัย
ซ่างหยิงรีบแนะนำ “เธอเป็นหลานสาวฉันเอง ลูกสาวของพี่สามฉัน”
“ลูกสาวของพี่เสว่มั่น?” เสิ่นมั่นชิงรู้สึกตะลึง “พี่เสว่มั่นกลับมาแล้วเหรอ?”
“อืม กลับมาแล้ว” ซ่างหยิงเปลี่ยนเรื่องทันที “พอแล้ว ไม่พูดเรื่องนี้ พูดเรื่องเธอดีกว่า พวกเธอกลับประเทศตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ช่วงก่อน” เสิ่นมั่นชิงถอนหายใจ “ยังไงก็ประเทศตัวเองดี เพราะฉะนั้นพวกเราตัดสินใจกลับมาอยู่ในประเทศแล้ว”
ซ่างหยิงฟังแล้ว “อย่างนี้ก็ดีเลย จากนี้ไปพวกเราก็ต้องไปมาหาสู่กันบ่อยๆ”
พูดแล้ว เธอก็หันไปดูเย่เสี่ยวอี้กับฟางยู่เชิน เห็นว่าพวกเขาสองคนเงียบมาก ไม่มีใครพูดกับใคร
เธอก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ยู่เชิน อย่าเอาแต่นั่งเฉยๆ คุยกับเสี่ยวอี้หน่อย”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว เจียงสื้อสื้อเงยหน้าขึ้นมองฟางยู่เชิน อดยิ้มไม่ได้
พี่ชายที่น่าสงสารของเธอตอนนี้คงอยากหาข้ออ้างรีบออกจากที่นี่แน่นอน
ฟางยู่เชินเห็นว่าเธอกำลังแอบยิ้ม ก็ขึงตาใส่เธอ แล้วหันไปมองเสี่ยวอี้ มุมปากยิ้มขึ้นอย่างมารยาท “สวัสดีครับ ผมฟางยู่เชิน”
เย่เสี่ยวอี้ยิ้มอย่างเขินๆ “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเย่เสี่ยวอี้”
“พวกเธอสองคนอย่าห่างเหินกันขนาดนั้นได้ไหม?” ซ่างหยิงทนดูไม่ไหว
“แม่ พวกเราเจอกันครั้งแรกจะไม่ห่างเหินได้ยังไง?” ฟางยู่เชินมองเธออย่างรู้สึกตลก
ซ่างหยิงไม่สนใจเรื่องนี้ “เรานี่ รีบคุยกับเสี่ยวอี้เขาหน่อย”
เสิ่นมั่นชิงมองดูลูกสาวตัวเอง พูดเสนอด้วยรอยยิ้ม “ซ่างหยิง ไม่อย่างนั้นเราไปเดินดูอะไรหน่อย ให้เด็กสองคนเขาคุยกันเอง”
“ได้” ซ่างหยิงไม่คิดอะไรก็ตอบตกลง
จากนั้น เธอก็หันไปพูดกับเจียงสื้อสื้อ “สื้อสื้อ พวกเราไปเดินกันต่อ”
เจียงสื้อสื้อมองดูฟางยู่เชิน พบว่าเขาพยายามส่งสายตาให้เธอ เธอยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ จากนั้นก็รีบหาข้ออ้าง “น้าสะใภ้เล็ก หนูหิวแล้ว อยากกินอะไรสักหน่อย”
“เด็กคนนี้” ซ่างหยิงอยากบอกว่าทำไมเธอถึงมองไม่ออกเลย แต่ก็ไม่ได้พูด
เวลานี้ ฟางยู่เชินรีบพูด “แม่ แม่กับคุณน้ามั่นชิงไปเดินกันเองเถอะ ให้สื้อสื้ออยู่ที่นี่ต่อ”
“แต่ว่า……”
ความคิดของซ่างหยิงคืออยากให้ลูกชายกับเย่เสี่ยวอี้คุยกันลำพัง มีสื้อสื้ออยู่ด้วยจะไม่ค่อยสะดวก
แต่ฟางยู่เชินไม่ได้ให้โอกาสเธอ รีบพูดตัดคำพูดของเธอ “แม่ เสี่ยวอี้กับสื้อสื้อต่างก็เป็นผู้หญิง ถึงจะมีเรื่องให้คุยกัน ไม่อย่างนั้นผมผู้ชายคนเดี๋ยวจะรู้สึกอึดอัด”
เขาพูดแบบนี้ก็ถูก
ซ่างหยิงทำได้แค่ยอม “งั้นก็ได้ พวกเธอหนุ่มสาวสามคนคุยกันเอง”
มองดูซ่างหยิงกับเสิ่นมั่นชิงเดินออกจากร้านอาหาร ฟางยู่เชินถอนหายใจยาวๆ เขาสบตากับเจียงสื้อสื้อ ต่างก็มองเห็นความเอือมระอาในสายตาของกันและกัน
ถ้าหากรู้ว่ามานัดบอด ไม่ว่าจะเป็นฟางยู่เชินหรือว่าเจียงสื้อสื้อ ก็ไม่มีวันมากับซ่างหยิง
ตอนนี้ขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก พวกเขาก็ไปไม่ได้
เจียงสื้อสื้อมองไปที่เย่เสี่ยวอี้ หญิงสาวก้มหน้า มองดูแล้วค่อนข้างเรียบร้อย
“เสี่ยวอี้ เธออยากกินอะไร?” เจียงสื้อสื้อเริ่มถามเองก่อน
เย่เสี่ยวอี้เงยหน้าขึ้น ยิ้มเล็กน้อย “อะไรก็ได้”
เจียงสื้อสื้อก็ยิ้มขึ้นมา “ถ้าอย่างนั้นฉันสั่งเลยนะ”
“อืม” เย่เสี่ยวอี้พยักหน้า
ดังนั้น เจียงสื้อสื้อก็สั่งของหวานไปสองสามอย่าง
จากนั้น เธอกับเย่เสี่ยวอี้ก็เริ่มคุยกันในเรื่องที่ผู้หญิงชอบ อย่างเช่นพวกเสื้อผ้ากระเป๋า
ส่วนฟางยู่เชินก็นั่งดื่มน้ำชาอยู่ข้างๆ ฟังอย่างเงียบๆ
“สวัสดีค่ะ นี่เป็นกาแฟและของว่างที่คุณสั่งค่ะ”
เสียงที่คุ้นหูดังขึ้น ฟางยู่เชินหันไปมอง ก็มองเห็นใบหน้าอันสวยงาม เขาถามอย่างสงสัย “คือคุณ”
เจียงสื้อสื้อจำได้แล้ว เป็นหญิงสาวคนที่จะซื้อปลาตัวเดียวกันกับเธอ
เธอมองการแต่งกายของหญิงสาว ยิ้มแล้วพูดว่า “เจอกันอีกแล้ว”
หญิงสาวยิ้มอย่างอึดอัดใจ “อืม”
ฟางยู่เชินมองดูหญิงสาวที่วางของว่างบนโต๊ะ ลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นก็เปิดปากถาม “คุณยังจำผมได้ไหม?”
หญิงสาวเงยหน้ามองเขา ยิ้มอย่างเกรงใจ “ขอโทษค่ะ ฉันจำไม่ได้แล้ว”
“ก็ได้” ฟางยู่เชินรู้สึกผิดหวัง
เจียงสื้อสื้อมองเห็นความผิดหวังในสายตาเขา ในใจรู้สึกว่าเรื่องไม่ธรรมดา
“โอ้ย” เย่เสี่ยวอี้ร้องออกมากะทันหัน
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร กาแฟที่หญิงสาวถือมากระเด็นออกมา กระเด็นใส่ตัวของเย่เสี่ยวอี้
“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ” หญิงสาวตกใจจนรีบดึงกระดาษไปเช็ด
เย่เสี่ยวอี้รีบยืนขึ้นมาเช็ดเสื้อผ้าตัวเองที่เปื้อนกาแฟ พูดด้วยความโมโห “เธอรู้ไหมว่าเสื้อผ้าของฉันแพงแค่ไหน?”
“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ ฉัน……ฉันชดใช้ให้คุณเอง” หญิงสาวยืนอยู่กับที่ มองเย่เสี่ยวอี้อย่างทำตัวไม่ถูก
“ชดใช้?” เย่เสี่ยวอี้มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาดูถูกอย่างไม่ปิดบัง “เธอมีปัญญาชดใช้เหรอ กับเงินเดือนของพนักงานเสิร์ฟแค่นั้นจะชดใช้ยังไง?”