ทั้งสองคนไม่เพียงแต่รู้จักชื่อกัน แต่ยังแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อกันด้วย แถมยังนัดที่พาเด็กๆ ออกไปเล่นด้วยกันอีกด้วย
“แล้วฉันจะติดต่อเธอนะ”
เจียงสื้อสื้อโบกไม้โบกมือให้เหลียงซินเวยที่กำลังจะเดินออกจากซูเปอร์มาร์เก็ต
เหลียงซินเวยพยักหน้าให้เบาๆ แล้วเดินออกจากซูเปอร์มาร์เก็ตไป
เจียงสื้อสื้อมองดูหมายเลขโทรศัพท์ด้วยความพึงพอใจ และมุมปากของเธออดไม่ได้ที่จะแย้มขึ้นขึ้น
ครั้งนี้เธอคงเหมือนกับซ่างกวนหยวนแล้วมั่ง
หลังจากซื้อเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็กลับบ้าน
ทันทีที่กลับถึงบ้าน ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กน้องดังขึ้น
เธอรีบสวมรองเท้าแตะและเดินตามเสียงไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นเสี่ยวเป่าและเถียนเถียน รอยยิ้มที่มีความสุขได้เติมเต็มใบหน้าของเธอทันที เธอเรียกออกไปด้วยความดีใจว่า “เสี่ยวเป่า เถียนเถียน”
เมื่อได้ยินเสียงของเธอ เด็กน้อยทั้งสองก็หันหน้ามาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“หม่ามี๊!”
เด็กน้อยทั้งสองวิ่งไปหาเธออย่างมีความสุข
เธอย่อตัวลงอย่างรวดเร็ว เด็กน้อยทั้งสองฟุบเข้ามาในอ้อมอกของเธอ กอดเธอไว้แน่น
“หม่ามี๊ หนูคิดถึงแม่มากเลยค่ะ” เถียนเถียนใช้หน้าชายเล็กๆถูไถไปที่ลำคอของเธอ
เจียงสื้อสื้อจับมือโอบเด็กๆไว้คนละข้าง เธอก็หลับตาสัมผัสกับความอบอุ่นจากเด็กน้อยทั้งสอง คนหนึ่งหัวใจนุ่มนวลราวกับแอ่งน้ำ
เสี่ยวเป่ากอดเธออย่างเงียบๆ ดวงตาที่เหมือนลูกกวางจ้องมองมาที่เธอพร้อมกับน้ำตาที่เปียกปอน ราวกับว่าเธอจะหายไปทันทีที่เขากะพริบตา
“หนูสองคนอยู่ที่บ้านทำตัวเป็นเด็กดีรึเปล่า?” เจียงสื้อสื้อลืมตาขึ้น มองไปที่เสี่ยวเป่า จากนั้นก็มองไปที่เถียนเถียนแล้วถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“ค่ะ!” เถียนเถียนตอบเสียงดังลั่น “หนูกินอย่างว่าง่าย แปรงฟันอย่างว่าง่าย และนอนอย่างว่าง่ายด้วยค่ะ”
เจียงสื้อสื้อแสร้งทำเป็นประหลาดใจ “จริงเหรอจ้ะ เถียนเถียนของเราเก่งขนาดนี้เลยเหรอ?”
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ” เถียนเถียนยกคางขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ
เจียงสื้อสื้อรู้สึกขบขัน ยกมือขึ้นลูบหัวน้อยๆของเธอ แล้วมองไปที่เสี่ยวเป่าที่ยังคงเงียบอยู่ และถามไปว่า “แล้วเสี่ยวเป่าล่ะ?”
“ผมก็เหมือนกับน้องเลยครับ”
แม้ว่าจะไม่มีการแสดงสีหน้าใดๆ แต่ก็สามารถเห็นได้ว่าเขาตั้งตารอคำชมจากเธอเช่นกัน
“เสี่ยวเป่าของเราก็เก่งมากเหมือนกัน”
เจียงสื้อสื้อลูบหัวของเขา ยืนขึ้น แล้วเดินจูงเด็กทั้งสองไปนั่งที่โซฟา
ในเวลานี้ ซ่างหยิงก็เข้ามา มองดูเด็กน้อยสองคนด้วยรอยยิ้ม “พวกเขามาถึงก็เอาแต่งอแงร้องหาเธอ ฉันเกลี้ยกล่อมพวกเขามาเป็นเวลานานกว่าพวกเขาจะยอมหยุด”
“ที่คุณยายพูดจริงรึเปล่า?” เจียงสื้อสื้อมองไปที่เด็กน้อยสองคน
เถียนเถียนแลบลิ้นออกมาด้วยความเขินอายเล็กน้อย “ก็หนูคิดถึงหม่ามี๊แล้ว เลยงอแงที่จะหาหม่ามี๊ค่ะ”
เจียงสื้อสื้อลูบหัวของเธอและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ต่อไปห้ามทำแบบนี้อีกนะ”
“ค่ะ” เถียนเถียนตอบอย่างเชื่อฟัง
เจียงสื้อสื้อมองไปรอบ ๆ “กู้เนี่ยนอยู่ที่ไหน?”
เธอมองไปที่ซ่างหยิง
“พอเขาพาเด็กๆมาส่งก็กลับไปเลย เขาบอกว่ามีงานที่บริษัทต้องกลับไปจัดการ”
“โอ้” เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ลำบากเขาแล้ว เขาจะต้องยุ่งแน่นอน ในช่วงที่เฟิงเฉินไม่อยู่แบบนี้”
ถ้าไม่ได้ผู้ช่วยที่มีความรับผิดชอบอย่างกู้เนี่ยนละก็ จิ้นเฟิงเฉินก็คงไปอิตาลีได้อย่างสบายใจไม่ได้
ตอนกลางคืน ฟางยู่เชินกลับบ้าน เขาก็รู้สึกดีใจมากเมื่อเห็นเด็กน้อยสองคนนี้
เมื่อเด็กน้อยทั้งสองเห็นเขาก็ดีใจไม่ต่างกัน
“น้าชายเล็ก” เถียนเถียนวิ่งไปหาเขา
“เถียนเถียน” ฟางยู่เชินอุ้มเธอขึ้นมาทันที ทั้งสองแตะหน้าผากกันอย่างรักใคร่
“น้าชายเล็ก ดูหล่อขึ้นอีกแล้ว” เถียนเถียนพูดเสียงอ้อแอ้
คำพูดเหล่านี้ทำให้ทุกคนต้องยิ้มออกมา
“เถียนเถียน ใครสอนให้หนูพูดแบบนี้?” เจียงสื้อสื้อถามอย่างสงสัย
ห่างกันแค่ไม่นาน เธอปากหวานขึ้นมากเลย
“หนูเห็นในทีวีค่ะ” เถียนเถียนตอบไปตามตรง
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “นี่อาสะใภ้ของหนูดูซีรี่ย์อีกแล้วใช่มั้ย?”
“ใช่ค่ะ” เถียนเถียนพยักหน้าอย่างแรง “น้าชายเล็กบอกว่าอาสะใภ้ดูจนติดงอบแงบไปแล้วค่ะ”
ทุกคนอดไม่ได้จนต้องหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“เถียนเถียน เด็กๆยังดูไม่ได้นะ” ฟางยู่เชินบอกกับเธอ
“ถ้าอย่างนั้นต่อไปหนูจะไม่ดูมันอีกก็ได้ค่ะ”
ฟางยู่เชินบีบจมูกของเธอด้วยรอยยิ้ม “เถียนเถียนช่างเป็นเด็กดีจริงๆ”
จากนั้นเขาก็มองไปที่เสี่ยวเป่า”เสี่ยวเป่าฟิกเกอร์เครื่องบินที่น้าให้ประกอบเสร็จแล้วรึยัง”
พอพูดถึงสิ่งที่เขาสนใจ ดวงตาของเสี่ยวเป่าก็เป็นประกายขึ้นมาทันที เขาก็พยักหน้า “เสร็จแล้วครับ”
“เธอประกอบเองเหรอ?” ฟางยู่เชิน ถาม
“ครับ ผมประกอบเองครับ”
เสี่ยวเป่ากับจิ้นเฟิงเฉินพ่อของเขาเหมือนถูกพิมพ์ออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันเลย แม้แต่การแสดงออกที่มั่นใจก็เหมือนกันทุกประการ
“เก่งมาก ถ้าอย่างนั้นน้ายังมีฟิกเกอร์เครื่องบินกับรถยนต์หลายตัว เธอช่วยน้าประกอบให้หน่อยได้มั้ย?” ฟางยู่เชินเลิกยักคิ้วให้เขา
“ได้ครับ” เสี่ยวเป่าตอบมาแบบไม่ต้องคิด
ฟางยู่เชินยิ้ม “เยี่ยมมาก”
ซ่างหยิงรู้สึกไม่ชอบใจแล้ว “ยู่เชิน ถึงแกจะชอบฟิกเกอร์พวกนั้นฉันไม่ว่า แต่เสี่ยวเป่ายังเด็กอยู่ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะเล่นไม่ใช่ของเล่นที่น่าเบื่อพวกนั้นนะ”
“แม่ครับ” ฟางยู่เชิน ทำหน้าจนปัญญา “ที่ให้เขาประกอบฟิกเกอร์ ก็เพื่อพัฒนาความสามารถในการใช้มือและคิดวิเคราะห์ของเขานะครับ มันมีประโยชน์อยู่”
“เรื่องน่าเบื่อแบบนี้เด็กน้อยอย่างเขาจะไปนั่งไหวได้ยังไง?”
ซ่างหยิงไม่เชื่อว่าเด็กน้อยแบบนี้จะสามารถนั่งต่อฟิกเกอร์ได้ชั่วโมงๆหรอก แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ใช่ว่าจะทำได้
“น้าสะใภ้เล็กคะ เสี่ยวเป่าเองก็ชอบมันมาก มันใช่เกี่ยวกับพี่หรอกค่ะ” เจียงสื้อสื้อลูบหัวของเสี่ยวเป่าและอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“จริงเหรอ?” ซ่างหยิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“เขาชอบเครื่องบินและรถยนต์อะไรพวกนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว และบุคลิกของเขาก็เงียบๆเหมือนพ่อเขา ดังนั้นน้าไม่ต้องกังวลว่าเขาจะเบื่อหรอกค่ะ”
ซ่างหยิงพยักหน้า “งั้นก็ดี แต่ยังไงเด็กๆก็ควรออกไปเดินเล่นวิ่งเล่นดีกว่านะ”
“เขารู้จักแบ่งแยกการทำงานกับการพักผ่อนได้ค่ะ น้าไม่ต้องกังวลไปนะคะ”
บางครั้ง เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกว่าเสี่ยวเป่าทำตัวเป็นเหมือนผู้ใหญ่เลย มีเหตุผล และรู้ว่าเขาควรทำอะไร
ไม่แน่ ตอนเด็กๆจิ้นเฟิงเฉินอาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้
“เอาล่ะ เราไปกินข้าวกันเถอะ” ฟางยู่เชินเปลี่ยนเรื่อง
เถียนเถียนที่ถูกเขาอุ้มอยู่เอามือลูบท้องของตัวเอง ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเธอมุ่ยไปทั้งหน้าทั้งปากแล้ว และเธอก็พูดอย่างน่าสงสารว่า “หนูหิวแล้วค่ะ”
“ถ้าหิวแล้ว เราก็ไปกินข้าวกันเถอะ” ซ่างหยิงยิ้มแล้วเอาเธอมาอุ้ม จากนั้นก็เดินไปยังห้องอาหารก่อน
เจียงสื้อสื้อเดินจูงเสี่ยวเป่าไปข้างๆฟางยู่เชินพาและกระซิบเบาๆว่า “วันนี้ฉันเจอผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว”
ฟางยู่เชินอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “บังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ฉันเองก็คิดว่ามันบังเอิญมากเหมือนกันค่ะ” เจียงสื้อสื้อคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่สิ ต้องบอกว่ามีวาสนามากต่างหาก และไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงรู้สึกชอบเธอมากขนาดนั้น”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ฟางยู่เชินก็เลิกคิ้วขึ้น “เธอจะไม่ทิ้งช่องทางติดต่อไว้ให้ด้วยใช่มั้ย?”
“พี่รู้ได้ยังไง??” เจียงสื้อสื้อเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
ฟางยู่เชินยิ้มออกมา “ในเมื่อเธอชอบผู้หญิงคนนั้น เธอก็ต้องอยากเป็นเพื่อนกับผู้หญิงคนนั้นแน่นอน” ”
“ก็จริงค่ะ” เจียงสื้อสื้อพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับเขา
“เธอชื่ออะไรเหรอ?” ฟางยู่เชินถามไปด้วยท่าทางที่ไม่คิดอะไร
“เหลียงซินเวยค่ะ”
คิ้วของฟางยู่เชินขยับเล็กน้อย เหลียงซินเวย
ดูเหมือนจะมีเสียงที่ไพเราะดังขึ้นข้างหูของเขา “สวัสดีค่ะ ฉันคือคนขับรถที่คุณเรียกมา เวยเวยค่ะ”