ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 1023 ไม่ชอบใจเอามากๆ

บทที่ 1023 ไม่ชอบใจเอามากๆ

ตอนที่​เจียงสื้อสื้อหลับแล้ว จิ้นเฟิงเฉินจึงเดินออกจากห้องไปอย่างแผ่วเบา

เขาเดินไปที่ห้องหนังสือ​ ฟางยู่เชินยังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ

ฟางยู่เชินเงยหน้าขึ้นตอนที่​ได้ยินเสียงเปิดประตู พอเห็นว่าเป็นเขา จึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “เฟิงเฉิน ทำไมคุณ​ยังไม่พักผ่อน​อีกล่ะ”

จิ้นเฟิงเฉินเดินเข้ามาและถามด้วยน้ำเสียงเข้ม “สถานการณ์ของตระกูล​ฟางเป็นยังไง​บ้าง​”

พอเขาได้ยินคำถามนี้ ฟางยู่เชินก็รู้สึกหมดแรง​เล็กน้อย “ตำรวจยังจับคนร้ายไม่ได้เลย”

เมื่อคิดว่าใกล้จะถึงเส้นตายหนึ่งสัปดาห์แล้ว ยังจับคนร้ายไม่ได้ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาต้องมอบฟางซื่อออกไปแล้ว​

พอนึกถึงใบหน้าที่ได้ใจของฟางอี้หมิง เขาก็โมโห​จนแทบจะบ้าแล้ว​

พอเห็นท่าทางโมโห​ จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยพูดด้วยท่าทางเรียบนิ่ง “ผมจะไปคุยกับฟางอี้หมิงเอง”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฟางอี้หมิงเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ​ “คุณ​จะไปหาเขาทำไมกัน”

“ถามอะไรนิดหน่อย” สายตาของจิ้นเฟิงเฉินหรี่ลงเล็กน้อย “ไม่ต้องห่วง ผมจะไม่ปล่อยให้คุณเสียฟางซื่อไปแน่นอน​”

ฟางยู่เชินยกยิ้ม “แน่นอน ผมเชื่อในสิ่งที่คุณพูด”

จิ้นเฟิงเฉินมองเขา ริมฝีปากบางยกขึ้นเล็กน้อย​ “ผมต้องการให้ตำรวจระงับการสืบสวน”

“หืม” ฟางยู่เชินคิดว่าเขาได้ยินผิดไป “หยุดการสืบสวนชั่วคราว เฟิงเฉิน คุณ​ล้อเล่นหรือเปล่า”

“อาการของสื้อสื้อคุณ​เองก็เห็นแล้ว ผมต้องการความช่วยเหลือจากฟางอี้หมิง”

ความหมายก็คือฟางอี้หมิงยังไม่สามารถแตะต้อง​ได้

ฟางยู่เชินไม่เข้าใจ “เรื่องที่เกิดขึ้น​กับ​สื้อสื้อเกี่ยวข้อง​อะไรกับฟางอี้หมิงด้วย”

“SAกรุ๊ปมีตัวอย่างไวรัสที่อยู่ในร่างกายของสื้อสื้อ”

ฟางยู่เชินตกตะลึง “ทำไมถึงเป็นอย่างนี้”

“ดังนั้นคุณควรจะเข้าใจว่าทำไมผมถึงทำแบบนี้”

“ผมจะรีบบอกให้ตำรวจระงับการสืบสวน ถ้าคุณยังต้องการความช่วยเหลือจากผม ขอแค่พูดออกมา” ฟางยู่เชินเข้าใจถึงลำดับความสำคัญของเรื่องราวทันที

เขาเข้าใจดี เขาจะนั่งอยู่ในตำแหน่ง​สูงสุด​ของ​ฟางซื่ออย่างมั่นคงได้หรือไม่ คงไม่สำคัญเท่ากับสื้อสื้อ

นี่มันเกี่ยวข้อง​กับ​ชีวิต​ของ​คน​ทั้งคนเลยนะ

อุตส่าห์​พาเธอกลับมาตระกูล​ฟางได้ จะปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับเธอไม่ได้ ไม่อย่างนั้นตอนที่คุณปู่ฟื้นขึ้นมา เขาก็ไม่รู้​จะบอกกับท่านได้อย่างไร

“ขอบคุณ”

น้อยมากที่จิ้นเฟิงเฉินจะเอ่ยขอบคุณคนอื่น แต่ถ้าจะพูดขอบคุณ เขาก็พูดด้วยความจริงใจ

“ครอบครัวเดียวกันไม่จำเป็นต้องเกรงใจ”

ฟางยู่เชินไม่รู้ว่าจะปลอบเขาอย่างไร จึงได้แต่พูดว่า “สื้อสื้อจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน”

จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าเล็กน้อย “คุณทำงานต่อเถอะ”

พอพูดจบเขาก็หันหลังเดินจากไป

เมื่อเห็นประตูปิดลง ฟางยู่เชินก็ถอนหายใจยาว

หวังว่าสื้อสื้อจะหายดีโดยเร็วที่สุด

……

วันรุ่งขึ้น เพราะเรื่อง​สุขภาพ เจียงสื้อสื้อจึงถูกห้ามไม่ให้ไปเยี่ยมฟางเสว่มั่นกับคุณ​ท่านฟางที่โรงพยาบาล

“หลานน่ะ พักผ่อนอยู่ที่บ้านให้สบาย ส่วนที่โรงพยาบาลน้าไปก็พอแล้ว​” ซ่างหยิงกำลังบรรจุอาหารเพื่อนำไปให้ฟางเสว่มั่น​ที่โรงพยาบาล​พร้อมกับพูดกับเจียงสื้อสื้อที่กำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่

“คุณน้าสะใภ้เล็กคะ หนู​ไม่เป็นไรแล้วจริงๆ​นะ​คะ​” เจียงสื้อสื้อไม่อยากอยู่บ้านตลอดเวลาแบบนี้ มันน่าเบื่อเกินไป

ซ่างหยิงเหลือบมองที่เธออย่างเริ่มไม่พอใจ “น้าบอกว่าไปไม่ได้ก็คือไปไม่ได้จ้ะ น้าไม่อยากให้หลานไปเป็นลมที่โรงพยาบาล แล้วทำให้แม่ของเธอตกใจจนเป็นลมไปด้วย”

เอาเถอะ เมื่อเธอพูดอย่างนั้น ก็ดับความคิดของเจียงสื้อสื้อที่จะไปโรงพยาบาลให้หายไปทันที

“ดีมากจ้ะ” ซ่างหยิงเหมือนจะนึกอะไรออก จึงรีบพูดออกมา “เจ้าตัวเล็กทั้งสองคนยู่เชินพาไปที่บริษัทด้วย เขาสั่งให้เลขาจัดคนดูแลเป็นอย่างดี หลานไม่ต้องห่วง”

เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “แบบนี้รบกวนการทำงานของเขาหรือเปล่าคะ”

“ไม่หรอกจ้ะ วางใจได้”

ซ่างหยิงจัดของ​เสร็จ​ ก่อนจะถือทุกอย่างไว้ แล้วมองไปที่เจียงสื้อสื้อด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “เธอค่อยๆกินนะ กินเสร็จ​แล้ว​ก็ขึ้นไปพักผ่อนด้านบน น้าจะไปโรงพยาบาลแล้ว มีอะไรให้โทรหาน้านะ รู้ไหม”

เจียงสื้อสื้อพยักหน้ารับ “ได้ค่ะ”

“งั้นน้าไปล่ะ”

“เดินทาง​ปลอดภัย​นะ​คะ​”

เมื่อเห็นซ่างหยิงเดินออกจากห้องอาหารไป เจียงสื้อสื้อก็หันกลับมามองอาหารเช้าที่อยู่ตรงหน้าของเธอ แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็ค่อยๆ หายไป

จิ้นเฟิงเฉินออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่รู้ว่าเขากำลังยุ่งอะไรอยู่

เขาไม่พูด เธอก็ไม่กล้าที่จะถาม

พอนึกถึงสภาพร่างกายของตัวเอง เธอก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง อาหารที่เคี้ยวอยู่​ในปากกลายเป็นไม่มีรสชาติ​ไปทันที

เธอพยายามที่จะกินเข้าไปอีกสองคำ แล้วเดินขึ้นไปบนห้องเลย

ในขณะที่​เธอเพิ่งนั่งลงที่ขอบเตียง โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมา​

คนที่โทรมาก็คือซ่างกวนหยวน

เจียงสื้อสื้อหวนนึกถึงสิ่งที่เธอเห็นเมื่อวานนี้ เธอจึงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะกดรับโทรศัพท์ “หยวนหยวน”

“สื้อสื้อ อาการเธอดีขึ้น​บ้างหรือยัง​”

เสียงห่วงใยของซ่างกวนหยวนดังออกมาจากโทรศัพท์

ถ้าเป็นช่วงก่อนเรื่องเมื่อวาน เธอคงจะซาบซึ้ง​ใจมาก

แต่หลังจากเกิดเรื่อง​เมื่อวานขึ้น ตอนนี้​เธอกลับไม่รู้สึกซาบซึ้ง​ใจเลย แค่รู้สึกไม่ชอบใจเอามากๆ

 

แต่ว่า เธอยังคงตอบกลับไป “ดีขึ้นมากแล้วล่ะ”

หลังจากตอบกลับ​ ทั้งคู่ก็ตกอยู่ใน​ภวังค์​ความเงียบ

ถึงแม้จะคุยกันผ่านโทรศัพท์ แต่ก็ยังรู้สึกอึดอัด​อยู่​ดี

ไม่รู้​ว่า​ผ่านไปนานแค่ไหน เสียงของซ่างกวนหยวนจะดังขึ้นมาอีกครั้ง “สื้อสื้อ ออกไปข้างนอก​กันไป ฉันจะพาเธอไปเดินเล่นรอบๆ ถือซะว่าเป็นการผ่อนคลาย​”

“ไม่ล่ะ” เจียงสื้อสื้อปฏิเสธออกไปตรงๆ

ซ่างกวนหยวนฟังน้ำเสียงที่เหินห่าง​ของเธอออก ซ่างกวนหยวนจึงลองถามลองเชิง​ออกไป “สื้อสื้อ เธอเป็นอะไรหรือเปล่า​ ทำไมจู่ๆ ถึงได้เย็นชาแบบนี้”

เจียงสื้อสื้อไม่ได้พูดอะไรตอบ

เธอไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร และไม่กล้าถามซ่างกวนหยวนด้วยเกี่ยวกับคนที่​ชอบ

“เธอโกรธที่ฉันปล่อยให้เถียนเถียนกินไอศกรีมเมื่อวานนี้ใช่ไหม​”

“ไม่ใช่​หรอก”

“แล้วเป็นเพราะเรื่อง​อะไรกัน ถ้าเธอไม่พูดให้ชัดเจน​ ฉันคงจะเสียใจมาก”

เจียงสื้อสื้อนิ่งเงียบอีกครั้ง

ซ่างกวนหยวนเริ่มร้อนใจ “สื้อสื้อ เราเป็นเพื่อนกันนะ ฉันไม่อยากให้ระหว่าง​เรามีเรื่องเข้าใจผิดต่อกันแบบนี้”

“ก่อนหน้านี้เธอว่าคนที่เธอชอบแต่งงานแล้วใช่ไหม” เจียงสื้อสื้อถามขึ้นมากะทันหัน

อีกฝ่ายเงียบไปทันที และผ่านไปนานมาก ก่อนที่ซ่างกวนหยวนจะเอ่ยพูดขึ้นมา “ใช่ มีอะไร​หรือเปล่า​”

“ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากถามว่าคนคนนั้นฉันรู้จักเขาด้วยใช่ไหม”

หลังจากถามคำถามนี้ เจียงสื้อสื้อก็จับโทรศัพท์ไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว

หรือว่าเธอจะไปรู้อะไรมา

ซ่างกวนหยวนขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด​

แต่พอคิดดู​แล้ว​ เธอก็ยังส่ายหน้าไปมา​ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะรู้

“เธอไม่รู้​จัก​หรอก”

เมื่อได้ยินคำตอบนี้ เจียงสื้อสื้อไม่ได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับยิ่งรู้สึก​ไม่ชอบใจมากขึ้น​

“แล้วเธอบอกได้ไหมว่าเขาเป็นใคร” เจียงสื้อสื้อเอ่ยถาม

“เป็นรุ่นพี่ที่ฉันเจอตอนไปเรียนต่างประเทศน่ะ เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยม​มาก”

น้ำเสียงของเธอไม่มีความร้อนตัว​เลย ทำให้เจียงสื้อสื้ออดที่จะแปลกใจไม่ได้

เมื่อวานเธอเห็นชัดเจนเลยว่าซ่างกวนหยวนมองจิ้นเฟิงเฉินด้วยสายตาที่หลงใหล​และ​ชื่นชม​มาก หรือว่าเธอจะมองผิดไปจริงๆ​

แต่มันไม่มีทางที่เธอจะมองผิดไปได้นี่นา

ซ่างกวนหยวนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “สื้อสื้อ ทำไมจู่ๆถึงถามเรื่องนี้ล่ะ”

เจียงสื้อสื้อรีบปรับอารมณ์​อย่างรวดเร็ว เธอหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดเสียงเรียบนิ่งว่า “ก็น้าสะใภ้เล็กของฉันน่ะสิเอาแต่ถามถึงเธอบ่อยๆ อยากให้ฉันจับคู่เธอและลูกพี่ลูกน้องของฉัน”

“จับคู่​ให้​ฉันกับประธานฟางเนี่ยนะ”

“ใช่ ที่จริง​แล้ว​ฉันก็คิดว่าเธอกับลูกพี่ลูกน้องของฉันเหมาะสมกันมาก ไม่ว่าจะเป็นในด้านการศึกษา​หรือรูปร่างหน้าตา​”

เจียงสื้อสื้อรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ชอบฟางยู่เชิน ดังนั้นเธอจึงจงใจพูดแบบนี้ เพื่อดูว่าเธอจะมีท่าทางตอบสนองอย่างไร

“สื้อสื้อ ความเหมาะสม​ภายนอกนั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึก ฉันไม่ได้มีความรู้สึก​อะไรกับประธานฟาง เลย ฉันคิดกับเขาแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้นเอง”

“พวกเธอลองทำความรู้จักกันดูก็ได้ บางทีเธออาจจะชอบลูกพี่ลูกน้อง​ของ​ฉันขึ้นมาก็ได้”

“เป็นไปไม่ได้หรอก”

เมื่อได้ยินคำตอบที่มั่นอกมั่นใจ​ของซ่างกวนหยวน เจียงสื้อสื้อก็ไม่อยากพูดอะไรอีก น้ำเสียงของเธอจึงเย็นชามากขึ้น​ “เอาเถอะ ฉันไม่ได้คิดจะจับคู่ให้พวกเธอหรอก ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็แค่นี้ก่อนนะ”

หลังจากพูดจบ เธอก็กดวางสายไปเลย

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท