ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 1028 คุณ​อยู่ที่เมืองหลวง​ต่อ

บทที่ 1028 คุณ​อยู่ที่เมืองหลวง​ต่อ

พอวิกฤตฉุกเฉิน​ถูกคลี่คลาย​ลง​ไป​แล้ว การประชุม​จบลง ฟางยู่เชินถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกทันที

ในเวลานี้ เขาคิดว่าแผ่นหลังของเขาคงจะเปียกไปด้วยเหงื่อ

“ยู่เชิน” ท่านหยางเดินเข้ามาหาเขา

เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “ปู่หยาง ขอบคุณมากนะครับที่สนับสนุนผมมาตลอด​แบบนี้”

“เจ้าเด็กบ้านี่ ถ้าผมไม่สนับสนุนคุณ แล้วผมจะสนับสนุนใคร ผมไม่ต้องการให้คุณปู่ของคุณตื่นขึ้นมาแล้วเกลียดเพื่อนเก่าอย่างผมหรอกนะ”

พอพูดแบบนี้ ท่านหยางจึงถอนหายใจอย่างแรง “ถ้าปู่ของคุณรู้ว่าอี้หมิงทำเรื่องแบบนี้ เขาจะต้องเสียใจและโกรธมากอย่างแน่นอน”

เขาเฝ้าดูเด็กทุกคนในตระกูล​ฟางเติบโตขึ้นมากับตา นอกจากฟางยู่เชินแล้ว อีกสามคนต่างเสียนิสัย​ไปจนหมด

“ปู่หยาง พี่ใหญ่คงจะเลอะเลือน​ไปนิดหน่อย​ครับ​” ไม่ว่ายังไง ฟางยู่เชินก็ยังพูดแก้ตัว​แทนฟางอี้หมิง

ท่านหยางหัวเราะเบา ๆ “เอาเถอะ ไม่ต้องพูดแก้ตัว​แทนเขา ผมแก่แล้ว แต่ผมก็ไม่แก่ถึงขนาด​ที่จะมองคนผิดหรอกนะ”

ฟางยู่เชินเม้มปากและไม่พูดอะไรอีก

“หลานนี่นะ ในสามวันนี้รีบไปตรวจสอบความจริง​มาให้ได้ ​อธิบายกับกรรมการให้เข้าใจ รู้ไหม”

ฟางยู่เชินพยักหน้า “ผมทราบครับ”

“อย่าทำให้ผมและทุกคนผิดหวัง”

ท่านหยางตบไหล่เขาแรงๆ แล้วเดินออกไปพร้อมกับถอนหายใจ

ฟางยู่เชินยืนอยู่ที่เดิม และถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้มันไม่ใช่ว่าเขาอยากจะตรวจสอบให้ชัดเจนก็จะสอบสวนให้ชัดเจนได้แล้ว

เจียงสื้อสื้อเดินเข้าไปในห้องทำงานพร้อมกับจานผลไม้ พอเห็นว่าจิ้นเฟิงเฉินกำลังยืนคุย​โทรศัพท์อยู่ตรงหน้าหน้าต่าง จึงเดินเข้าไปช้าๆ แล้ววางผลไม้ลงบนโต๊ะอย่างเบามือ​

“อืม คุณ​ให้ตำรวจสืบสวนต่อได้แล้ว ทางด้านฟางอี้หมิง คุณ​ไม่ต้องเป็นห่วง”

เดิมที เธอตั้งใจ​จะออกไปหลังจากวางผลไม้ลงแล้ว แต่พอเธอได้ยินบทสนทนา​นี้ เธอรีบหยุดเดิน แล้วหันไปมองทางจิ้นเฟิงเฉิน

พอเห็นจิ้นเฟิงเฉินกดวางสาย แล้วหันกลับมา สบตาเข้ากับสายตาที่ประหลาดใจของเธอ มุมปากของเขายกยิ้มเจ้าเล่ห์​ “มีอะไร​หรือเปล่า​ครับ”

“คุณกำลังพูดกับพี่ชาย​ฉันอยู่เหรอคะ” เจียงสื้อสื้อเอ่ยถาม

จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้ารับ “ใช่ครับ”

เจียงสื้อสื้อนิ่งคิดอยู่สักพัก​ ถึงได้นึกขึ้น​ได้​ “ถึงกำหนดแล้วอย่างนั้นเหรอคะ”

“อืม ถึงแล้ว​”

“แล้ว…พี่เขาเป็นยังไง​บ้าง​คะ​ คณะกรรมการ​ในบอร์ดบริหาร​ทำให้เขาลำบากใจหรือเปล่าคะ” เจียงสื้อสื้อกังวลใจ เธอกลัวว่าฟางยู่เชินจะต้องยอมเสียบริษัท​ไปเพราะเรื่องของเธอ

จิ้นเฟิงเฉินเดินไปหาเธอ และพูดอย่างอ่อนโยน​ “คุณไม่ต้องร้อนใจ ถูกทำให้ลำบากใจต้องมีบ้างอยู่แล้ว​ แต่เพราะมีการสนับสนุนของท่านหยาง พวกคณะกรรมการจึงให้เวลาเขาอีกสามวัน

เมื่อเจียงสื้อสื้อได้ยินแบบนี้ จึงรู้สึก​โล่งใจขึ้นมา​ทันที​ “งั้นก็ดีแล้ว​ค่ะ”

แต่วินาทีต่อมาก็ต้องกังวลใจ​ขึ้นมาอีกครั้ง “ให้เวลาอีกสามวัน ก็ไม่มีประโยชน์​เลยนี่คะ ตอนนี้คุณต้องการความช่วยเหลือจาก ฟางอี้หมิงอยู่ จะทำอะไรกับฟางอี้หมิงก็ไม่ได้”

“ใครบอกว่าผมต้องการความช่วยเหลือจากฟางอี้หมิงอีก” จิ้นเฟิงเฉินถาม

เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วด้วยความงุนงง “คุณไม่ได้บอกว่าอยากให้เขาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสจาก SAกรุ๊ปเหรอคะ”

“ก็ตามนั้นครับ” จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้ารับ “แต่นี่มันก็ไม่ได้หมายความว่าผมต้องการความช่วยเหลือจากเขา แต่เป็นเขาที่ถามข้อมูล​อะไรจากพิเอร์สไม่ได้เลย”

ฟางอี้หมิงติดต่อไปหาพิเอร์สตามคำสั่งของเขา แต่พิเอร์สระวัง​ตัวเป็นอย่างมาก ฟางอี้หมิงไม่ได้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับไวรัสจากปากของพิเอร์สเลย

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือฟางอี้หมิงไม่ได้ทำในสิ่งที่เขาร้องขอสำเร็จ

“ตอนนี้พี่ชายของฉันสามารถสืบเรื่องของฟางอี้หมิงต่อได้แล้วใช่ไหมคะ” เจียงสื้อสื้อถามอย่างไม่แน่ใจ

จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะ “ถูกต้องครับ สามวันหลังจากนี้ ผมเชื่อว่าฟางยู่เชินจะให้คำอธิบายที่น่าพอใจกับคณะกรรมการได้”

ในเวลานี้ เจียงสื้อสื้อรู้สึกโล่งใจมาก “ถ้าหากเป็นแบบนี้ได้จริงๆ ก็จะดีที่สุดเลยค่ะ”

“ตัดคำว่าถ้าหากออกไปได้เลยครับ” จิ้นเฟิงเฉินพูด

เจียงสื้อสื้อหัวเราะออกมาอย่างทนไม่ไหว “ค่ะ พี่เขาต้องทำได้อย่างแน่นอน”

จิ้นเฟิงเฉินยิ้มและดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอด แต่พอนึกถึงสภาพร่างกาย​ของเธอ รอยยิ้มของเขาก็ค่อยๆจางหายไป

เขาสอบถาม​ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากพิเอร์สไม่ได้เลย เขาจึงทำได้เพียงขอให้เห้อซูหานจัดการทางฝั่ง​เบอร์เกนโดยตรง

แต่ถ้าเธอลงมือ เบอร์เกนก็ไม่ใช่คนที่จะจัดการง่ายๆ เขาจะต้องโต้กลับอย่างแน่นอน

ถึงตอนนั้นสถานการณ์อาจซับซ้อนขึ้นก็ได้

“สื้อสื้อ” เขากระซิบเรียกเบาๆ

เจียงสื้อสื้อเงยหน้าของเธอขึ้นจากอ้อมแขนของเขา และส่งยิ้มหวาน “ว่าไงคะ”

“อีกไม่กี่วัน ผมอาจจะต้อง​กลับไปที่เมื่อจิ่น และคุณจะอยู่ที่เมืองหลวง​ต่อ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่เมืองจิ่น คุณห้ามกลับไปเด็ดขาด​”

น้ำเสียงของเขาดูเคร่งเครียด​มาก​ เจียงสื้อสื้อจึงอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ “ทำไมคะ”

“ไม่ต้องถาม ขอแค่คุณ​เชื่อใจผมก็พอแล้ว​”

จิ้นเฟิงเฉินปล่อยเธอแล้วก้มหน้าลง

ดวงตาทั้งสองคู่สบตากัน

เจียงสื้อสื้อไม่เข้าใจความหมาย​ของ​เขา จึงกังวลใจมาก “ฉันต้องเชื่อใจคุณอยู่​แล้วสิคะ แต่อย่างน้อยคุณก็น่าจะบอกฉันไว้บ้าง ว่าคุณกำลังคิดจะทำอะไร”

จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม “ผมจะทำอะไรได้ นอกจากรีบบอกให้โม่เหยียและคนอื่นๆ พัฒนายาที่สามารถกำจัดไวรัสให้เร็วที่สุด”

เจียงสื้อสื้อเป็นคนฉลาด ฟังจากคำพูดของเขา เธอสามารถเดาความคิดของเขาได้ในทันที “คุณคงไม่ได้คิดจะไปหาเบอร์เกนใช่ไหมคะ”

“คุณ​คิดมากเกินไปแล้ว” จิ้นเฟิงเฉินจับไหล่ของเธอไว้ “ผมไม่ไปหาเบอร์เกนหรอกครับ”

“ฉันไม่เชื่อคุณหรอก”

เจียงสื้อสื้อส่ายหัวแสดงว่าเธอไม่เชื่อเขา

จิ้นเฟิงเฉินยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ผมรู้ว่าเบอร์เกนอาจมียาที่จัดการกับไวรัสได้ แต่ผมจะไม่เสี่ยง เพราะผมยังมีคุณ ยังมีเสี่ยวเป่ากับเถียนเถียน”

เจียงสื้อสื้อจ้องหน้าเขาโดยไม่พูดอะไร

เมื่เจียงอเห็นแบบนี้ ความรู้สึกทำอะไรไม่ได้ก็ผุดขึ้นมาในใจของเธอ จิ้นเฟิงเฉินถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด “สื้อสื้อ คุณเชื่อผมเถอะ โอเคไหม”

“คุณไม่ได้โกหกฉันจริงๆใช่ไหมคะ” เจียงสื้อสื้อเอ่ยถาม

“อืม”

สื้อสื้อสูดหายใจเข้าลึก แล้วหายใจออกช้า ๆ “ก็ได้ค่ะ ฉันเชื่อคุณ​ไว้ก่อน แต่ถ้าให้ฉันมารู้ทีหลังว่าคุณจะไปเบอร์​เกน ฉันจะกลับไปหาคุณ​ที่เมืองจิ่นทันที”

“ตกลงครับ” จิ้นเฟิงเฉินกอดเธอเข้าไปในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง

จากมุมนี้ เจียงสื้อสื้อไม่ทันได้เห็นว่าสีหน้า​ของเขาที่เคร่งขรึม​ขึ้นทันที ดวงตาสีดำของเขาดำมืดราวบ่อน้ำลึก มองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไร​อยู่​ในเวลานี้

……

ตอนที่​ฟางอี้หมิงรู้ว่าคณะกรรมการให้เวลาฟางยู่เชินอีกสามวัน เขาโกรธมากจนดุด่ากรรมการหลายคนที่อยู่ฝั่งเขา

“พวกคุณทำงานยังไง​กัน​ พวกคุณตั้งหลายคนเอาชนะท่านหยางตาแก่นั่นไม่ได้เลยหรือไง” ฟางอี้หมิงถามกรรมการที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยความโมโห​

กรรมการหลายคนก็รู้สึกน้อยอกน้อยใจเช่นกัน

“อี้หมิง นี่ไม่ใช่แค่การตัดสินใจของท่านหยางเพียงคนเดียว คนอื่นก็สนับสนุนเขาด้วยเหมือนกัน”

“จริงด้วย พวกเรามีแค่ไม่กี่คน พวกเราจะเอาชนะพวกเขาได้ยังไงกัน”

……

ฟางอี้หมิงยกยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตาที่แสนเย็นชาของเขา “เรื่องมาถึงตรงนี้ พวกคุณยังจะแก้ตัวอะไรอีก ผมบอกไว้เลย ถ้าฟางยู่เชินตรวจสอบมาถึงผม พวกคุณก็อย่าคิดว่าจะรอด”

พอคำพูดนี้ดังออกมา คณะกรรมการ​หลายคนต่างก็ตื่นตระหนกในทันที

“ไม่ได้นะครับ พวกเราแค่สนับสนุนคุณ เรื่องของคุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเราเลย”

พอฟางอี้หมิงได้ยินแบบนี้ สีหน้าของเขาก็ดุร้าย “อย่าแม้แต่จะคิดหนีไปได้ พวกเราทั้งหมดยืนอยู่บนเรือลำเดียวกันแล้ว ถ้าเรือลำนี้ล่ม ทั้งพวกคุณและผมก็จะไม่มีใครรอด”

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท