ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่1126 ข้ออ้าง

บทที่1126 ข้ออ้าง

“เป็นยังไง​บ้าง​จ้ะ”

พอเห็นเจียงสื้อสื้อวางโทรศัพท์ลง ซ่างหยิงก็รีบถามทันที

เจียงสื้อสื้อยักไหล่ “ของขวัญซื้อได้แล้วค่ะ”

พอซ่างหยิงได้ยินแบบนี้ เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ซื้อแล้วก็ดีจ้ะ”

เธอมองไปที่เจียงสื้อสื้อด้วยท่าทางครุ่นคิด ก่อนจะถามด้วยความสงสัย “ทำไมเหรอ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าจ้ะ”

“พวกเขาบังเอิญไปพบกับเสี่ยวอี้ แล้วตอนนี้พี่ชาย​ก็กำลังไปเดินซื้อของ​กับเธออยู่ค่ะ” เจียงสื้อสื้อพูด

ซ่างหยิงดีใจขึ้นมา​ทันที “ทำไมถึงบังเอิญขนาดนี้ ตอนนี้ยู่เชินคงปฏิเสธไม่ได้แล้วล่ะ”

เจียงสื้อสื้อยิ้มๆ แต่ไม่พูดอะไร

เธอรู้สึกผิดต่อเหลียงซินเวยเล็กน้อย​

ถ้าเธอไม่ขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย คงไม่ต้อง​มาเจอกับเรื่องอับอายแบบนี้

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ถอนหายใจเบา ๆ วันหลังค่อยหาโอกาสไปขอโทษเวนเวยก็แล้วกัน

แต่สิ่งที่เธอไม่คิดไม่ถึงก็คือฟางยู่เชินจะกลับมาเร็วขนาด​นี้​

“ลูกไม่ได้ไปเดินซื้อของ​กับหนู​เสี่ยวอี้เหรอ ทำไมกลับมาเร็วแบบนี้” ซ่างหยิงเหลือบมองนาฬิกาที่ผนัง

นี่ยังไม่ถึงสามทุ่มเลย

“ผมไม่ได้ไปกับเธอครับ” สีหน้าของฟางยู่เชินไม่ค่อยดีนัก

พอซ่างหยิงได้ยินว่าเขาไม่ได้อยู่กับเย่เสี่ยวอี้ เสียงของเธอก็สูงขึ้นเล็กน้อย “ทำไมลูกไม่อยู่เป็นเพื่อนเธอล่ะ อุตส่าห์​ได้เจอกันทั้งที”

“ผมยังมีงานต้องทำครับ”

“งานเหรอ” ซ่างหยิงโกรธขึ้นมาทันที เธอชี้หน้าเขาต่อว่า “ในสมองของลูกนอกจากงานแล้ว คิดถึงเรื่องความรัก​บ้างจะได้ไหม เป็นแบบนี้ต่อไป ลูกจะหาภรรยาได้ยังไง แล้วเมื่อไหร่​แม่จะได้อุ้มหลานสักที”

ฟางยู่เชินไม่รู้​จะ​หัวเราะหรือร้องไห้ดี “คุณ​แม่ครับ ผมยังอายุไม่ถึงสามสิบ ไม่ต้องรีบร้อน​ก็ได้ครับ”

“นี่ลูกจะทำให้​แม่โมตายเลยหรือไง” ซ่างหยิงพูดขึ้นเสียง

เจียงสื้อสื้อรีบเข้าไปลูบหลังเธอ แล้วพูดปลอบ “น้าสะใภ้​เล็กคะ อย่าเพิ่งโมโห​ค่ะ น้าก็รู้นิสัยของพี่เขาดี ตอนนี้ในสมองเขาเต็มไปด้วยงาน บีบบังคับเขาก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่ใช่​เหรอ​คะ​”

“แล้วเขาก็อยู่กับงานไปตลอดชีวิตเลยเถอะ” ซ่างหยิงส่งเมียงฮึดฮัด​ไม่พอใจ

เจียงสื้อสื้อหุบยิ้ม “น้าสะใภ้​เล็กคะ ถ้าน้าพูดแบบนั้น พี่เขาอาจจะทำจริงๆได้นะคะ”

“เขากล้าทำเหรอ” ซ่างหยิงมองไปที่ฟางยู่เชินด้วยความขุ่นเคือง

ฟางยู่เชินส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “คุณ​แม่ครับ อย่าบังคับผมแบบนี้ได้ไหม ผมเองก็มีแผนชีวิตของตัวเอง ตอนไหนที่ผมควรจะแต่งงาน ผมมีการจัดการของตัวเอง”

“ได้” ซ่างหยิงพยักหน้า “งั้นลูกบอกแม่มา ว่าลูกจะแต่งงานเมื่อไหร่”

“รอพรหมลิขิต​”

พอได้ยิน​สี่คำนี้​ ทำให้ซ่างหยิงโกรธขึ้นมาอีกครั้ง “พรหมลิขิต​ พรหมลิขิต​ ถ้าพรหมลิขิต​ไม่มา ลูกก็จะอยู่เป็นโสดตลอดไปชีวิตเลยหรือเปล่า”

ฟางยู่เชินเลิกคิ้วอย่างไม่ปฏิเสธ​

“เจ้าลูกบ้าคนนี้” ซ่างหยิงโกรธมากจนยกกำปั้นทุบตีเขาหลายครั้ง “แม่คิดว่าลูกอยากจะทำให้​แม่อกแตกตาย”

“แม่ครับ ผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะครับ” ฟางยู่เชินโอบไหล่ของเธอ สีหน้า​ยิ้มเอาอกเอาใจ “ผมสัญญาว่าผมจะไม่โสดไปตลอดชีวิต แน่ๆ ผมจะหาลูกสะใภ้ที่ดีให้คุณแม่ แล้วมีหลานจ้ำม่ำให้คุณแม่ได้อุ้มอย่างแน่นอน​ครับ​”

พอได้ยินคำพูดเอาอกเอาใจน้าสะใภ้​เล็ก เจียงสื้อสื้อก็กระตุกมุมปากของเธอ เขาเป็นประเภทพูดเก่งแต่ทำไม่ได้

รอเขาหาแฟนเอง ไม่รู้ว่าต้องรอไปถึงเมื่อไหร่

ซ่างหยิงยิ้มเยาะ “ลูก​คิดว่าแม่จะเชื่อลูกไหม”

“คุณ​แม่ครับ ผมยังมีงานต้องทำ ผมขึ้นไปข้างบนก่อนนะครับ”

ฟางยู่เชินแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำถามของเธอ แล้วเดิน​ตรงขึ้นไปชั้นบน

“หยุดเดี๋ยว​นี้เลยนะ” ซ่างหยิงตะโกนสั่ง

ฟางยู่เชินทำได้เพียงหยุดเดินอย่างเชื่อฟัง

“ลูกเป็นลูกชายของแม่ ในใจลูกคิดอะไรอยู่ แม่รู้ดี​” ซ่างหยิงพูด “ลูกไม่ชอบเสี่ยวอี้ใช่ไหม”

ฟางยู่เชินไม่ตอบ

ซ่างหยิงพูดต่อ “แต่เธอชอบลูกมาก บางทีลูกน่าจะลองทำความรู้จักกับเธอดู ไม่แน่ว่าลูกอาจจะชอบเธอก็ได้”

“ไม่มีทางครับ”

คราวนี้ฟางยู่เชินพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น​เป็นพิเศษ

“ทำไมจะไม่มีทาง หนูเสี่ยวอี้เป็นเด็กดีขนาดนั้น เธอไม่เพียงแต่สวยแต่ยังสุภาพเรียบร้อย​อีกด้วย ผู้หญิงแบบนี้จะหาได้จากที่ไหนอีก”

ซ่างหยิงรู้สึก​พึงพอใจ​ใน​ตัวเย่เสี่ยวอี้มาก ถึงกับถือว่าเธอเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคตของเธอแล้ว

“คุณ​แม่ครับ เรื่องความรักของผมให้ผมตัดสินใจเองไม่ได้เหรอครับ ผมไม่ชอบเย่เสี่ยวอี้จริงๆ” ฟางยู่เชินรู้สึกเหนื่อยใจมาก

ถ้าเขาไม่เห็นอีกด้านหนึ่งของเย่เสี่ยวอี้ เขาอาจจะยอมฟังแม่ของเขาทำความรู้​จัก​กับ​เธอก็ได้

แต่ตอนนี้ ไม่มีทางก็คือไม่มีทาง

 

“แล้วลูกชอบใคร” ซ่างหยิงถาม

“ผมชอบ…” ฟางยู่เชินนิ่งเงียบ​ไป​สักพัก​ ไม่รู้จะพูดชื่อใครออกมาดี

“ตอนนี้ลูกยังไม่มีคนที่ชอบ ถูกต้อง​ไหม”

เงาร่างหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของฟางยู่เชิน เขาจึงโพล่งออกมา “ไม่มีที่ไหนครับ ผมชอบเวยเวย”

พอได้ยิน​เขาพูดเช่นนี้ ไม่เพียงแต่เขาตกใจเท่านั้น แม้แต่​ซ่างหยิงกับเจียงสื้อสื้อเองก็ตกใจเช่นกัน

“ลูกชอบหนูเวยเวยอย่างนั้น​เหรอ​” ซ่างหยิงมองหน้า​เขาอย่างไม่น่าเชื่อ

สายตาของฟางยู่เชินไม่อยู่กับเนื้อกับตัว“ใช่ครับ ผมชอบเวยเวย”

อันที่จริงเขาเองไม่มีความมั่นใจเลย ว่าที่เขาพูดมันเพราะเขาพูดไม่ทันคิดหรือเปล่า​

เจียงสื้อสื้อมองเขาด้วยสายตา​สำรวจ

“ลูกจะชอบหนูเวยเวยได้ยังไง​กัน” ซ่างหยิงยังคงไม่เชื่อ “เธอมีลูก​แล้วนะ ลูกจะชอบใครไม่ชอบ แต่กลับชอบเธอเนี่ยนะ”

เหลียงซินเวยเองก็เป็นเด็กดี แต่ซ่างหยิงไม่สามารถยอมรับได้เมื่อคิดถึงเรื่องที่เธอมีลูก​แล้ว​

“น้าสะใภ้​เล็กคะ อย่าบีบบังคับ​พี่เขาเกินไปดีกว่า​นะ​คะ​ เขาอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชอบเวยเวยจริงๆหรือเปล่า” เจียงสื้อสื้อพูดเกลี้ยกล่อม​

เธอเองก็เคยคิดจับคู่พี่ของเธอกับเวยเวย แต่ดูจากสีหน้าของพี่เธอแล้ว เขาคงไม่ได้ชอบเวยเวยจริงๆ เขาแค่ใช้ เวยเวยเป็นข้ออ้าง

ซ่างหยิงถอนหายใจ “เอาเถอะ วันนี้พอแค่นี้​ก่อน​ก็แล้วกัน​ ทางที่ดีลูกควรคิดให้ดีว่าคุณชอบใคร”

“เข้าใจแล้วครับ คุณ​แม่”

ฟางยู่เชินมองเจียงสื้อสื้ออย่างรู้สึก​ขอบคุณ​ จากนั้นก็พูดกับซ่างหยิง “งั้นผมขอขึ้นไปทำงานต่อนะครับ”

“ไปเถอะ”

พอฟางยู่เชินขึ้นไปชั้นบน ซ่างหยิงก็ยกมือขึ้นกุมหน้าอกของเธอ เธอขมวดคิ้วแน่น สีหน้ากังวลใจ “สื้อสื้อ ยู่เชินคงไม่ได้ชอบหนูเวยเวยจริงๆ หรอกใช่ไหม”

เจียงสื้อสื้อยกยิ้ม “น้าสะใภ้​เล็กคะ จริงหรือไม่จริง ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ​ดีกว่าค่ะ”

“แต่น้ากลัว ว่าเขาจะชอบหนูเวยเวยจริงๆ”

พอคิดถึงเรื่องนี้ ซ่างหยิงก็ยิ่งรู้สึกจุกแน่นในอกของเธอ

“นัฝ้าสะใภ้​เล็กเป็นอะไรหรือเปล่า​คะ​” เจียงสื้อสื้อเข้าไปช่วยพยุงเธอ แล้วถามด้วยความห่วงใย

“น้าไม่เป็นไร​จ้ะ พอดีโมโห​เจ้าลูกบ้านั่นเกินไปหน่อย” ซ่างหยิงถอนหายใจอย่างแรง “เสี่ยวอี้ออกจะเป็นเด็กดี ทำไมเขาถึงไม่ชอบกันนะ” “

เจียงสื้อสื้อนิ่งเงียบไปสักพัก​ “บางครั้งสิ่งที่เราเห็นอาจไม่เป็นเหมือนที่เราคิดก็ได้นะคะ”

“หลานหมายความว่ายังไง​จ้ะ” ซ่างหยิงถาม

“ก็หมายความตามนั้นค่ะ”

เจียงสื้อสื้อช่วยพยุงเธอไปนั่งที่โซฟา แล้วพูดว่า “น้าสะใภ้​เล็กคะ หนู​ขึ้นไปหาพี่ยู่เชินนะคะ น้าสะใภ้​เล็กก็อย่าโกรธเลยนะคะ”

ซ่างหยิงยิ้มอย่างเหนื่อยใจ “น้าชินแล้วล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง​”

“งั้นหนู​ขึ้นไปแล้ว​นะ​คะ​”

“จ้ะ ไปเถอะ”

พอเห็นเจียงสื้อสื้อเดินขึ้นไปชั้นบน ซ่างหยิงก็หุบยิ้ม ก่อนที่สีหน้าของเธอจะเคร่งขรึมขึ้นมา

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท