ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 1168 พวกเราเป็นครอบครัว​เดียวกัน​

บทที่ 1168 พวกเราเป็นครอบครัว​เดียวกัน​

ตอนที่​เจียงสื้อสื้อได้สติ เธออดที่จะรู้สึกแสบจมูกไม่ได้ ตอนที่เห็นแม่จิ้นที่นั่งอยู่ข้างเตียงคอยดูแล​เธอ

“คุณ​แม่คะ” เธอไม่ได้พูดมานาน เสียงของเธอจึงแหบแห้งเล็กน้อย

พอได้ยินเสียง แม่จิ้นก็ตื่นขึ้นมา เธอกะพริบตาปริบๆ พอเห็นเจียงสื้อสื้อฟื้นขึ้นมา สีหน้า​ของ​เธอก็เต็มไปด้วยความดีใจ “สื้อสื้อ ตื่นแล้วเหรอลูก”

“คุณ​แม่คะ ทำไมคุณแม่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้คะ” เจียงสื้อสื้อเอ่ยถาม

“แม่เป็นห่วง กลัวว่าหนูจะกลัวถ้าตื่นมาไม่เห็นใครเลย” แม่จิ้นเอื้อมมือไปปัดผมที่หล่นอยู่บนแก้มให้เรียบร้อย

เจียงสื้อสื้อรู้สึกซาบซึ้ง​ใจมาก แต่ก็รีบกลั้นน้ำตาไม่ให้​ไหลออกมา แล้วยกยิ้ม “คุณ​แม่คะ หนู​สบายดีค่ะ ไม่ต้องกังวล”

“ยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีก” แม่จิ้นมองเธอด้วยสีหน้า​ไม่พอใจ “ถูก​ยิงถึงขนาดนี้ ยังจะบอกว่าตัวเองไม่เป็นไรอีก”

ตอนที่​เธอได้ข่าว​ว่า​เจียงสื้อสื้อได้รับบาดเจ็บ​ เธอแทบจะเป็นลม เธอไม่สนใจที่จะดูแลหวั่นชีง รีบเดินออกมาเลย

“ขอโทษค่ะ หนู​ทำให้คุณแม่เป็นห่วงอีกแล้ว​”

เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าเธอเป็นตัวสร้างปัญหาจริงๆ

ที่เมืองหลวง​ ฉันมักจะสร้างปัญหาให้กับน้าสะใภ้​เล็กกับคนอื่นๆ เสมอ พอกลับมาที่เมื่อจิ่น เธอยังทำให้พ่อแม่สามีเป็นห่วงอีก

“เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ห้ามพูดอะไรแบบนี้อีก” แม่จิ้นพูด

เจียงสื้อสื้อยกยิ้ม “ได้ค่ะ”

“หิวไหมจ้ะ” แม่จิ้นถามด้วยความเป็นห่วง

“นิดหน่อยค่ะ”

“งั้นรอเดี๋ยว​นะจ๊ะ แม่จะให้คนที่บ้านทำโจ๊กมาให้”

แม่จิ้นลุกขึ้นไปโทรศัพท์​

ทันทีที่เธอออกไป เจียงสื้อสื้อก็ขมวดคิ้ว

เจ็บ​จัง

ความรู้สึกเจ็บ​แสบจากบาดแผล ทำให้เธอทรมานมาก แต่เธอไม่กล้าแสดงให้แม่จิ้นเห็น เพราะกลัวว่าพวกผู้ใหญ่​เป็นห่วง

“สื้อสื้อ เดี๋ยว​คนขับรถที่บ้านจะส่งโจ๊กมาให้”

แม่จิ้นเดินเข้ามาทันเวลาเห็นสีหน้า​เจ็บปวดของเจียงสื้อสื้อ โดยที่เธอไม่ทันได้ปรับเปลี่ยน​สีหน้า​ เธอรีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “เจ็บ​แผลใช่ไหม​ลูก”

เจียงสื้อสื้อพยายามดึงรอยยิ้มที่อ่อนแรงออกมา “เจ็บนิดหน่อยค่ะ”

“เดี๋ยวแม่ไปเรียกหมอมาดู”

แม่จิ้นรีบเดินออกไปอีกครั้ง

เจียงสื้อสื้ออยากจะเรียกเธอไว้ก็สายเกินไปแล้ว

ไม่นานหมอกับพยาบาลก็เดินเข้ามา

หลังการตรวจ เจียงสื้อสื้อนอกจากความดันโลหิตต่ำเล็กน้อย ส่วนอื่นล้วนปกติ​

“อาจต้องใช้เวลาสักพักกว่าแผลจะหายดี อาการเจ็บปวดนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ พยายามอย่าให้ถูก​น้ำ เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ”

หลังจากได้ฟังคำแนะนำของแพทย์ แม่จิ้นก็ขมวดคิ้ว “ไม่มียาแก้ปวดเหรอคะ”

“คุณจิ้นครับ ทานยาแก้ปวดมากเกินไปไม่ดี​ มีผลเสียต่อร่างกายนะครับ”

“คุณ​แม่คะ หนู​ทนได้ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ” เจียงสื้อสื้อปลอบแม่จิ้น

“แม่ไม่ได้กลัวว่าลูกจะทนไม่ไหว แต่แม่รู้สึกปวดใจที่ลูกต้องทนลำบากแบบนี้” แม่จิ้นมองเธออย่างกังวลใจ

เจียงสื้อสื้อยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน “ไม่ลำบาก ไม่ลำบากเลยค่ะ มีคุณแม่อยู่ด้วย หนูไม่ลำบากเลย”

“เด็กคนนี้”พอได้ยิน​แบบนี้​ แม่จิ้นยิ่งรู้สึกเอ็นดูเธอมากขึ้น​

คุณ​หมอครุ่นคิดอย่างจริงจัง​อยู่ครู่หนึ่ง แล้ว​พูดว่า “เอาอย่างนี้ไหมครับ ผมจะจ่ายยาแก้ปวดให้ ถ้าคุณ​ทนเจ็บไม่ไหว ค่อยกินยา ดีไหมครับ”

“ไม่ต้อง​หรอกค่ะ” เจียงสื้อสื้อปฏิเสธ เธอไม่ใช่คนอ่อนแอขนาดนั้น ความเจ็บปวดแค่นี้เธอทนได้

“ไม่ได้นะ ยังไงก็มียาไว้จะดีกว่า” แม่จิ้นมีความคิดแตกต่างกัน “หมอบอกว่าทนไม่ไหวแล้วค่อยกินยา เตรียมไว้ไม่มีอะไรผิด”

เจียงสื้อสื้อยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ทำตามที่คุณแม่ต้องการเลยค่ะ”

ถ้าหากทำให้​ท่านสบายใจได้ ก็ให้ท่านทำทุกอย่างตามที่ท่านบอกก็แล้วกัน​

……

จิ้นเฟิงเหราเดินเข้ามาในห้องพักฟื้นโดยถือปิ่นโต​เก็บความร้อนไว้ด้วย พอเห็นเจียงสื้อสื้อนั่งพิงอยู่บนเตียง แม้ว่าสีหน้า​ของเธอจะยังซีดเซียว​ แต่ยังคงมีสติดี

เขาอดที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอกไม่ได้

โชคดีที่เธอไม่เป็นไร ไม่อย่างนั้นเขาจะอธิบายกับพี่ชายได้ยังไง​

“พี่สะใภ้ครับ”

จิ้นเฟิงเหราเดินไปวางปิ่นโต​เก็บความร้อนไว้บนโต๊ะข้างเตียง

เจียงสื้อสื้อยิ้มเล็กน้อย “ไม่ใช่​ว่า​ให้คนขับรถเอามาให้เหรอ ทำไมถึงเป็นคุณ​ที่เอามาให้แทนล่ะ”

“ผมเพิ่งกลับบ้าน ก็เลยเอามาด้วยเลย” จิ้นเฟิงเหราเปิดปิ่นโต​ไปด้วย พร้อมกับตอบไปด้วย

เจียงสื้อสื้อมองมาที่เขา โดยยังมีรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากของเธอ “หวั่นชีงเป็นยังไง​บ้าง”

“เธอเก่งมากครับ กินได้นอนได้ พี่สะใภ้ไม่ต้องเป็นห่วง”

พอได้ยินแบบนี้ เจียงสื้อสื้อก็หัวเราะออกมา “ดีแล้ว​”

 

จิ้นเฟิงเหราเทโจ๊กใส่ชาม แล้วยกไปให้เธอ “ความอุ่นกำลังพอดีครับ”

เขาลืมไปว่าเจียงสื้อสื้อได้รับบาดเจ็บที่ไหล่ข้างหนึ่ง ถ้าขยับจะส่งผลกระทบ​ต่อบาดแผล

ตอนที่​เจียงสื้อสื้อยกมือขึ้นเพื่อหยิบช้อน เธอก็ร้องอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวด ชามก็หลุดออกจากมือ

จนข้าวต้มหกเต็มพื้น

แล้ว​ยังกระเด็นใส่ขากางเกงของจิ้นเฟิงเหราด้วย

จุดด่างบนกางเกงสูทสีดำดูชัดเจนมาก

ความรู้สึกอัดอั้นตันใจ​แผ่ซ่านไปทั่ว ไม่นานก็ครอบคลุม​จิตใจ​ของ​เจียงสื้อสื้อไปจนหมด

เธอขอบตา​แดงก่ำ รีบพูดขอโทษไม่หยุด​ “ฉันขอโทษค่ะ ฉันขอโทษ…”

“พี่สะใภ้ ไม่เป็นไรครับ” จิ้นเฟิงเหรารู้สึกทำตัว​ไม่ถูก​ เมื่อเห็นขอบตาของเธอเริ่มแดง

“เกิดอะไรขึ้น​” แม่จิ้นเดินเข้ามา พอเห็นชามที่แตกอยู่บนพื้นกับโจ๊กที่กระจัดกระจายไปทั่ว จึงขมวดคิ้วแน่น

“ผมลืมไปว่าพี่สะใภ้บาดเจ็บที่ไหล่ ผมเลยเอาข้าวต้มให้เธอ ก็เลย…”

จิ้นเฟิงเหราพูดไม่จบ แต่แม่จิ้นรู้แล้ว​ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอจึงเข้าไปทุบตีเขาสองสามครั้ง “เจ้าลูกบ้านี่ โชคดีที่ชามข้าวต้ม​หล่นลงบนพื้น ถ้าลวกใส่พี่สะใภ้​ของ​ลูก​ขึ้นมา​จะทำยังไง”

เจียงสื้อสื้อยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา “คุณ​แม่คะ หนู​ผิดเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับเฟิงเหราหรอกค่ะ”

“ทำไมถึงไม่เกี่ยว​ ลูกบาดเจ็บ​อยู่​ จะปล่อยให้ลูกกินเองได้ยังไง”

พอพูดจบ แม่จิ้นก็มองจิ้นเฟิงเหราอย่างไม่พอใจ

จิ้นเฟิงเหราเม้มปากแน่น อยากจะหัวเราะแต่ไม่กล้าที่จะหัวเราะออกมา

คนที่ไม่รู้จักคงคิดว่าพี่สะใภ้ต่างหาก​ที่เป็นลูกสาวของท่าน

“ยังไม่รีบทำความสะอาดที่นี่อีก” แม่จิ้นสั่ง

“ครับ คุณ​แม่”

จิ้นเฟิงเหรารีบย่อตัวลง แล้วเก็บชิ้นส่วนแตกหัก​ขึ้นมา ห่อด้วยกระดาษทิชชู่ แล้วใส่ลงในถังขยะ

พอมองไปที่จิ้นเฟิงเหราที่กำลังทำความสะอาดห้อง เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกผิดมาก “เฟิงเหรา ฉันขอโทษ ทำให้คุณลำบากแล้ว”

“พี่สะใภ้ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องขอโทษผมก็ได้ ฉันก็ไม่ได้ลำบากอะไรด้วย” จิ้นเฟิงเหราพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง

“ใช่จ้ะ ก็แค่ทำความสะอาด มันจะลำบากอะไรกัน” แม่จิ้นพูดย้ำ “เขาเป็นชายร่างใหญ่ ไม่ใช่เด็กๆแล้ว​”

จิ้นเฟิงเหราหัวเราะออกมา “คุณ​แม่ครับ ทำไมฟังดูแล้วเหมือนคุณ​แม่จะรังเกียจ​ผมมากเลยล่ะครับ”

“แล้วไม่ใช่​หรือ​ไง” แม่จิ้นเหล่ตามองเขา “แม่ไม่รังเกียจลูก แล้วจะรังเกียจ​ใครล่ะ”

จิ้นเฟิงเหราเบ้ปาก​ “เอาเถอะครับ ยังไง​ตั้งแต่เล็ก​จนโตคุณแม่ก็รังเกียจ​ผมมาตลอดอยู่แล้ว​”

“รู้ก็ดี”

เจียงสื้อสื้อกลัวว่าจิ้นเหิงเหราจะจริงจังกับเรื่องนี้ จึงรีบพูดอย่างรวดเร็ว “เฟิงเหรา อันที่จริงคุณ​แม่พูดอย่างนั้น แต่ในใจของท่าน ท่านรักคุณ​มาก​”

“พี่สะใภ้ ไม่ต้องห่วงครับ ผมไม่ถือเป็นเรื่อง​จริงจังหรอกครับ” จิ้นเฟิงเหราแสดงท่าทีไม่ใส่ใจ“ผมแค่พูด​ล้อเล่นกับคุณ​แม่เท่านั้น​เอง​”

“อ๋อ” เจียงสื้อสื้อรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย แล้วพูดติดตลก “ฉันยังนึกว่าคุณ​แม่พูดจริงซะอีก”

“เรื่องจริงสิ แม่ไม่ชอบเขาที่สุด” แม่จิ้นพูดอย่างจริงจัง

เจียงสื้อสื้ออดที่จะยิ้มด้วยหัวใจที่แสนอบอุ่น​ไม่ได้

เธอรู้ว่าพวกเขากลัวว่าเธอจะเสียใจ เธอถึงได้จงใจพูดแบบนี้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากเธอไป

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท