ระหว่างทางที่กลับไป เจียงสื้อสื้อมองไปนอกหน้าต่างตลอดเวลา ไม่พูดจาอะไรสักคำ
ฟางยู่เชินและจิ้นเฟิงเหราสบตากัน ถามว่า“สื้อสื้อ เธอเป็นอะไร”
ได้ยินเสียงเขา เจียงสื้อสื้อก็หันมา ยิ้มอ่อนๆ“ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
“พี่สะใภ้ พี่อย่าคิดมาก ในเมื่อซ่างกวนเชียนรับปากแล้ว ก็ต้องช่วยพวกเราแน่”จิ้นเฟิงเหราพูดปลอบ
เจียงสื้อสื้อเม้มปาก“ฉันไม่ได้คิดมาก ฉันก็แค่กลัวว่าซ่างกวนหยวนจะไม่ยอมใจอ่อนง่ายๆขนาดนั้น”
ฟางยู่เชินยิ้ม“เรื่องนี้เธอไม่ต้องเป็นห่วงจริงๆ ซ่างกวนเชียนต้องหาวิธีจัดการได้ พวกเราแค่รอข่าวจากเขาก็พอ”
เจียงสื้อสื้อรู้ว่าตอนนี้ตนเองคิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ ได้แต่แอบอธิษฐานอยู่เงียบๆขอให้จัดการทุกเรื่องได้อย่างราบรื่น
“เอาละ ไม่ต้องคิดแล้ว พี่จะส่งเธอกลับไปที่บ้านก่อน แล้วค่อยไปส่งเฟิงเหราที่สนามบิน”
“คุณจะกลับไปเลยมั้ย”เจียงสื้อสื้อหันไปทางจิ้นเฟิงเหรา
จิ้นเฟิงเหราพยักหน้า“อืม หวั่นหวั่นเพิ่งจะคลอดลูก ผมกลัวว่าถ้าผมไม่อยู่ข้างๆ เธอจะคิดฟุ้งซ่าน”
เจียงสื้อสื้อยิ้ม“นายนี่เป็นสามีตัวอย่างเลย”
“ผมใช่เหรอ”จิ้นเฟิงเหราขมวดคิ้ว“ผมกลับคิดว่าพี่ชายผมต่างหากที่เป็นสามีตัวอย่าง”
“เขาก็ใช่”เจียงสื้อสื้อหันหน้าไปมองวิวข้างทางนอกหน้าต่าง สีหน้าท้อแท้สิ้นหวัง“แต่เสียดายที่ตอนนี้เขาไม่อยู่”
สัมผัสได้ว่าอารมณ์ของเธอหดหู่ลงไม่น้อย จิ้นเฟิงเหราก็อยากจะตบหน้าตัวเองสักฉาด จะพูดถึงพี่ชายขึ้นมาทำไม
เขารีบเสริมขึ้นว่า“พี่สะใภ้ อีกไม่นานพี่ชายผมก็จะกลับมาแล้ว”
เจียงสื้อสื้อส่งเสียงตอบ“อืม”เบาๆ ไม่ได้พูดอะไรอีก
ภายในรถเงียบลงอีกครั้ง
……
กลับมาที่บ้านตระกูลฟาง ตอนที่ซ่างหยิงเห็นเจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเหรา ก็ดีใจมาก
“พวกเธอมาได้ยังไง”
“สวัสดีครับคุณน้า”จิ้นเฟิงเหราทักทายอย่างมีมารยาท
“ไม่ต้องเกรงใจ รีบเข้ามานั่งข้างในเร็ว”
“ไม่เป็นไรครับ คุณน้า อีกเดี๋ยวผมก็จะกลับเมืองจิ่นแล้ว”จิ้นเฟิงเหราปฏิเสธความหวังดีของเธอ
ซ่างหยิงขมวดคิ้ว“รีบร้อนขนาดนี้เลยเหรอ”
เธอมองไปที่เจียงสื้อสื้อ ถามว่า“สื้อสื้อ เธอก็จะกลับไปด้วยเหรอ”
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า“เปล่าค่ะ ฉันอยู่ที่นี่ค่ะ”
หากยังไม่มีข่าวเรื่องของเฟิงเฉิน เธอก็จะไม่กลับไปเมืองจิ่น
ในเมื่อ ซ่างกวนหยวนอาจจะพาตัวเฟิงเฉินกลับมาเมืองหลวงด้วยกันเมื่อไหร่ก็ได้
ซ่างหยิงพยักหน้า“งั้นก็ดี”
“แม่ สื้อสื้อได้รับบาดเจ็บ แม่ช่วยดูแลเธอหน่อยนะครับ”ฟางยู่เชินพูด
“บาดเจ็บเหรอ”ซ่างหยิงมองเจียงสื้อสื้ออย่างพินิจพิจารณา ขมวดคิ้วแน่น“บาดเจ็บตรงไหน”
“ที่หัวไหล่ แต่ใกล้หายแล้วค่ะ”เจียงสื้อสื้อคลำที่ไหล่
ยังเจ็บอยู่เล็กน้อย
ไม่มีใครสังเกตว่าเธอขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ทำไมถึงบาดเจ็บได้”ซ่างหยิงถามอย่างสงสัย
ครั้งนี้เธอถึงได้อยู่ที่เมืองจิ่นนานขนาดนี้ไง ทำไมถึงบาดเจ็บเหรอ
“ไปเจอพวกนักเลงเข้าค่ะ”เจียงสื้อสื้อบรรยายสั้นๆ เธอไม่คิดจะบอกความจริงกับซ่างหยิง เพื่อไม่ให้เธอเป็นห่วง
“ทำไมไม่ระวังตัวอย่างนี้”ซ่างหยิงถอนหายใจ“ต่อไปก็พยายามอย่าออกจากบ้าน รู้สึกว่าเด็กคนนี้เจออุบัติเหตุไม่คาดฝันมากมาย อยู่บ้านปลอดภัยกว่า”
เจียงสื้อสื้อยิ้มพลางพยักหน้า“ค่ะ จะเชื่อฟังคุณน้าทุกอย่างค่ะ”
รอจนฟางยู่เชินและจิ้นเฟิงเหราไปแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ขึ้นชั้นบนพร้อมกับซ่างหยิง
ซ่างหยิงเดินพลางพูดพลาง“เย้นซินทำร้ายซานซานบาดเจ็บ กำลังวุ่นวายจนหาทางแก้ไม่ได้”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว“เกิดอะไรขึ้นคะ”
“เธอยังไม่รู้จักเย้นซินคนนั้นดี แต่งงานแล้วจะสงบเสงี่ยมอยู่ได้อย่างไรกัน ก็ยังคงเจ้าชู้เสเพลเหมือนเดิม ซานซานทนไม่ไหวก็เลยทะเลาะกับเขา เย้นซินจึงลงไม้ลงมือทำร้ายเอา”
“ทุเรศเกินไปแล้ว”เจียงสื้อสื้อเกลียดผู้ชายที่ลงไม้ลงมือกับผู้หญิงที่สุด
“ซานซานแจ้งความ บอกว่าเป็นการใช้ความรุนแรงในครอบครัว ต่อมาน้าชายรองกับน้าสะใภ้รองของเธอก็ผสมโรงเข้าไปด้วย แทบอยากจะบีบคอซานซานให้ตาย”
พูดมาถึงตรงนี้ ซ่างหยิงถอนหายใจอย่างแรง“ถ้ารู้ว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้แต่แรก ตอนแรกก็คงไม่บังคับให้เย้นซินแต่งงานกับซานซาน”
เจียงสื้อสื้อเม้มปาก“ความจริงแล้วความรับผิดชอบของฉันยิ่งมีมากกว่า ถ้าไม่เพราะฉัน ซานซานก็คงเอาลูกออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ อย่างน้อยก็น่าจะมีชีวิตที่มีความสุขกว่าตอนนี้”
เห็นสีหน้าโทษตัวเองของเธอ ซ่างหยิงก็กุมมือเธอไว้ ปลอบว่า“นี่ไม่ใช่ความผิดเธอ คนที่ผิดอย่างมหันต์ก็คือเย้นซิน ถ้าไม่ใช่เพราะเขาทอดทิ้งไม่ใส่ใจคนอื่นก่อน จะเกิดเรื่องมากมายขนาดนั้นตามาเหรอ”
“พูดให้ถึงที่สุด ก็คือน้าชายรองกับน้าสะใภ้รองของเธอไม่สอนลูกให้ดี เธอดูสิเย้นชิงเป็นพี่น้องกับเย้นซิน แต่ต่างกันลิบลับ คนหนึ่งสุขุมเยือกเย็นอีกคนเหมือนอะไร……”
ตอนแรกเธอก็พูดไม่ออก เจียงสื้อสื้อรับลูกต่อจากเธอว่า“พวกสำมะเลเทเมา”
ซ่างหยิงรีบเห็นด้วย“ถูก ก็คือพวกสำมะเลเทเมา นี่คือผลของการที่น้าชายรองน้าสะใภ้รองของเธอให้ท้ายเขา”
“เอาละ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว”ซ่างหยิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ถามว่า“หวั่นหวั่นคลอดราบรื่นดีมั้ย เด็กน้อยน่ารักมั้ย”
“ราบรื่นดีมากค่ะ เด็กน้อยก็น่ารักมากเป็นพิเศษ”เจียงสื้อสื้อหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดเปิดภาพถ่ายของเด็กน้อยให้เธอดู……“คุณน้าดูสิว่าน่ารักมั้ย”
ซ่างหยิงหยิบโทรศัพท์มือถือมา มองเห็นภาพทารกน้อยที่กำลังหลับปุ๋ย ร้องออกมาว่าน่ารักจัง
“แม่สามีเธอนี่ช่างวาสนาดีจริงๆ ลูกชายสองคนล้วนแต่งงานหมด และยังมีลูกแล้วด้วย แถมยังเป็นเด็กที่น่ารักขนาดนี้” ซ่างหยิงพูดพลาง ความอิจฉาก็แฝงอยู่ในคำพูดนั้นด้วย
“รอให้พี่หาแฟนได้แล้ว น้าสะใภ้ก็ใกล้จะได้เป็นคุณย่าแล้ว”
คำพูดของเจียงสื้อสื้อไม่ได้เป็นการปลอบใจซ่างหยิง ในทางกลับกันยิ่งทำให้ซ่างหยิงโกรธ“พูดถึงเรื่องนี้ ฉันก็……อยากจะด่าพี่ชายเธอสักรอบ”
“เธอบอกว่าฉันหาคู่ให้เขา เขาก็ไม่เอา บอกว่าจะหาเองอะไร จนป่านนี้แล้ว ไม่เห็นแม้แต่เงา”
ซ่างหยิงยิ่งพูดยิ่งโมโห
เจียงสื้อสื้อรีบปลอบเธอว่า“น้าสะใภ้เล็กคะ อย่าโกรธเลย พี่เขาก็มีความคิดของเขา พวกเราไปบงการเขาไม่ได้ ถูกมั้ยคะ”
“ฉันรู้ว่าไม่สามารถบงการเขาได้ แต่อย่างน้อยก็ฟังความคิดเห็นของพ่อแม่บ้าง อย่างเช่นเสี่ยวอี้ แม้ว่าเธอจะบอกฉันว่าเสี่ยวอี้ไม่ใช่อย่างที่ฉันเห็นแบบนั้น แต่ฉันก็อยากให้พวกเขาลองคบหากันดู อาจจะเข้ากันได้”
“เรื่องนี้เหรอคะ……”เจียงสื้อสื้อหัวเราะแห้งๆ“เรื่องอื่นฉันไม่กล้าพูด แต่เรื่องนี้ ฉันว่าคุณน้าคงต้องผิดหวังแล้วละค่ะ พี่ไม่มีทางชอบเสี่ยวอี้เด็ดขาด”
“งั้นเขาชอบใคร”
“เวยเวย”
หลังจากพูดคำตอบนี้ออกมาแล้ว เจียงสื้อสื้อก็จ้องซ่างหยิงเขม็ง ไม่อยากพลาดอารมณ์ความรู้สึกบนใบหน้าของเธอ
“เวยเวยเหรอ”ซ่างหยิงขมวดคิ้วอย่างแรง“เธอพูดว่ายู่เชินชอบเวยเวยเหรอ”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า“ใช่ค่ะ”
“งั้นไม่ได้”ซ่างหยิงส่ายหน้า“พวกเขาไม่เหมาะสมกัน ไม่เหมาะสมกันเลยสักนิด”
เจียงสื้อสื้อมองเธอรู้สึกขำเล็กน้อย“น้าสะใภ้คะ ทำไมน้าถึงคิดว่าไม่เหมาะสมคะ”
“เวยเวยมีลูกแล้วคนหนึ่ง จะเหมาะสมได้ยังไง”
“แล้วถ้าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของเวยเวยล่ะคะ”เจียงสื้อสื้อลองถาม
“ไม่ใช่ลูกแท้ๆของเธอ แล้วเป็นลูกใคร”
เจียงสื้อสื้อเลิกคิ้ว“ฉันก็แค่สมมุติ”
นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเหลียงซินเวย เธอพูดอะไรมากเกินไปไม่ได้
“งั้นก็ไม่ได้”
ดูออกว่าซ่างหยิงไม่พอใจในตัวเหลียงซินเวยอย่างมาก เจียงสื้อสื้ออดยิ้มไม่ได้ “น้าสะใภ้คะ เสี่ยวอี้เป็นคนหัวดื้อขนาดนั้น คุณน้ายังอยากให้พี่คบหากับเธอดู อย่างนั้นเวยเวยทำไมไม่ได้”
ซ่างหยิงถอนหายใจอีก“ฉันหวังให้พี่เธอหาภรรยาที่สามารถช่วยเหลือส่งเสริมเขาได้”
นัยแอบแฝง ก็คือต้องมีฐานะที่เหมาะสมกันด้วย
เจียงสื้อสื้อยิ้ม โน้มน้าวว่า“ความจริงเมื่อมีพรหมลิขิตต่อกัน ฐานะทางครอบครัวเหมาะสมกันหรือไม่ก็ไม่สำคัญ”
ก็เหมือนกับเธอและเฟิงเฉิน