สี่ตาประสานกัน
อากาศรอบๆ ก็ได้เหมือนว่าหยุดนิ่งไปเลยทันที แล้วก็ได้มีบรรยากาศแปลกๆ กระจายออกมา
“แม่ครับ”
อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงดังขึ้นทำให้ทั้งสองตกใจ
พวกเขาก็ได้รีบมองไปทางอื่น
“มีอะไรเหรอคะ?” เหลียงซินเวยลุกขึ้นก็ได้เดินไปทางอานอานที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง
“ข้อนี้ทำไม่เป็นครับ”
“แบบนี้เองเหรอ” เหลียงซินเวยก็ได้หันไปมองฟางยู่เชินที่อยู่ห้องรับแขกสักพัก คิดๆ ก็ได้พูดอย่างอ่อนโยนว่า “อานอาน ทำข้ออื่นไปก่อนนะครับ เดี๋ยวแม่มาสอนเราอีกที ดีไหมครับ?”
“ก็ได้ครับ”
อานอานก็ได้หันกลับเข้าห้อง
เวลานี้ ฟางยู่เชินลุกขึ้น “ดึกขนาดนี้แล้ว ฉันก็ไม่รบกวนพวกเธอแล้ว”
เหลียงซินเวยอึ้งไป จากนั้นก็ได้ตั้งตัวทัน พูด “ที่จริง……”
เธอเดิมทีอยากจะพูดว่าไม่เป็นไร แต่ว่าก็รู้สึกว่าไม่เหมาะ คำพูดก็ได้มาถึงปากแล้วแต่กลับพูดว่า “งั้นเดินทางปลอดภัยนะคะ”
“อืม” ฟางยู่เชินยิ้มแล้วก็พยักหน้า
เหลียงซินเวยก็ได้ส่งคนออกประตู มองเขาเดินเข้าไปในลิฟต์ ถึงได้กลับเข้าบ้าน
ตอนที่ประตูได้ปิดลงนั้น ในใจก็ได้หดหู่อย่างช่วยไม่ได้
เธอก็ได้สูดหายใจเข้าไปลึกๆ ตั้งสติเสร็จก็ได้เดินไปที่ห้องของอานอาน
เห็นว่าเธอเข้ามา อานอานก็ได้ถามด้วยความสงสัย “คุณลุงฟางกลับแล้วเหรอครับ?”
“ค่ะ” เหลียงซินเวยก็ได้ลากเก้าอี้มานั่ง “ข้อไหนไม่เป็นเหรอครับ?”
“ข้อนี้ครับ” อานอานก็ได้ชี้ไปที่โจทย์ในข้อสอบแล้วก็พูด
เหลียงซินเวยมองไปสักพัก ก็ได้ยิ้มแล้วก็เริ่มอธิบาย “ข้อนี่น่าจะทำแบบนี้……”
ผ่านการอธิบายของเธอ อานอานก็ได้ทำข้อนี้เป็นสักที ก็ได้เอาดินสอแล้วก็เขียนลงไปในข้อสอบ
เหลียงซินเวยเห็นว่าเขาได้ตั้งใจขนาดนี้ มุมปากก็ได้ชี้ขึ้น แต่ว่าวิต่อมา รอยยิ้มก็ได้ค่อยๆ จางหายไป
—— “ฉันไม่ได้ชอบเธอ”
เสียงของฟางยู่เชินก็ได้ดังอยู่ข้างหู
เธอก็ได้ยกมือขึ้นมาจับหน้าอกของตัวเอง คิ้วบางๆ ก็ได้ขมวดเข้ากัน ได้บอกตัวเองแท้ๆ แล้วไม่ต้องมีความหวังแล้ว แต่ว่าได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็ได้หยุดความดีใจในใจไม่ได้
“แม่ครับ แม่ยิ้มอะไรเหรอครับ?”
เสียงที่อยู่ๆ ก็ได้ดังขึ้นก็ได้ทำให้เหลียงซินเวยดึงสติกลับมา ก็ได้เจอเข้ากับสายตาที่ได้เต็มไปด้วยความสงสัยของอานอาน เธอก็ได้หลบตาอย่างมีพิรุธ “ไม่มีอะไรค่ะ”
“แม่ครับ แม่ชอบคุณลุงฟางใช่ไหม?” อานอานก็ได้เอียงหัว สองตาใสก็ได้จ้องมองเธอไม่ห่าง
“เป็นเด็กอย่าถามเยอะขนาดนั้น” เหลียงซินเวยก็ได้พูดดุไปเบาๆ
“อ้อ” ลูกตาของอานอานก็ได้หมุน “ที่จริงผมก็ชอบคุณลุงฟาง”
เหลียงซินเวยก็ได้แกล้งทำเป็นจ้องเขาอย่างไม่พอใจ “ได้แล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องคุณลุงฟางแล้ว รีบทำการบ้านให้เสร็จ ดึกมากแล้ว”
อานอานก็ได้รีบปิดปาก ก็ได้ก้มหน้าตั้งใจทำการบ้านต่อ
เหลียงซินเวยก็ได้ลูบหัวเขาสักพัก ก็ได้ลุกขึ้นออกไป
ปิดประตู เธอก็ได้กัดริมฝีปาก ขนาดอานอานก็มองความในใจของเธอออก เห็นทีว่าเธอต้องซ่อนความในใจดีๆ ซะแล้ว ถ้าคนอื่นมองออกเข้ามันไม่ดี
……
ฟางยู่เชินกลับไปถึงบ้าน ก็เห็นเจียงสื้อสื้อยังดูทีวีอยู่ ก็ได้ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
“ดึกขนาดนี้ ทำไมยังไม่หลับอีก?” เดินเข้าใกล้ เขาก็ได้ถามออกไป
เจียงสื้อสื้อหันไป ก็ได้พิงไปที่โซฟาอย่างช่วยไม่ได้ “นอนไม่หลับ”
“เป็นอะไรเหรอ?” นั่งลงข้างๆ เธอ ฟางยู่เชินถาม
“คิดว่าซ่างกวนหยวนจะกลับประเทศเมื่อไหร่”
ฟางยู่เชินเลิกคิ้ว “อาจจะไม่กี่วันนี้แล้วล่ะมั้ง”
“พี่ค่ะ” เจียงสื้อสื้อหันหน้าไปมองเขา คิ้วบางก็ได้ขมวดแน่น “ทางซ่างกวนเชียนนั้นไม่มีข่าวอะไรเลยเหรอคะ?”
ฟางยู่เชินส่ายหน้า
“ทำไมถึงได้ไม่มีข่าวอะไรเลยสักนิดล่ะ?” เจียงสื้อสื้อก็ได้สงสัยซ่างกวนเชียนได้จงใจปิดบังพวกเขาหรือเปล่า ยังไงซะซ่างกวนหยวนเป็นน้องสาวของเขา
มองความกังวลในใจของเธอออก ฟางยู่เชินยิ้มแล้วก็ลูบหัวของเธอ พูดเสียงเบาว่า “ซ่างกวนเชียนไม่หลอกพวกเราหรอก เขาก็กำลังคิดหาวิธีหาเวลาที่ซ่างกวนหยวนกลับประเทศที่ชัดเจนมา”
เจียงสื้อสื้อก็ได้กัดฟัน “ซ่างกวนหยวนมีแผนร้ายมากมายเกินไปแล้ว”
“ตอนนั้นพวกเราก็ได้โดนเธอหลอกไปทั้งหมด” ฟางยู่เชินก็ได้เอียงหลังพิงโซฟา ยิ้มมุมปาก “ตอนนี้คิดๆ ดู พวกเราไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”
“ไม่ใช่ไร้เดียงสา นั่นมันโง่!” เจียงสื้อสื้อก็ได้พูดอย่างเน้นย้ำ
ฟางยู่เชินขำออกมา “ใช่ โง่”
เจียงสื้อสื้อก็ได้เงียบไปสักพัก “พี่ พี่ว่าซ่างกวนหยวนจะยอมแพ้ไหม?”
ยอมแพ้เรื่องความรู้สึกที่เธอมีให้เฟิงเฉิน
“ไม่” ฟางยู่เชินก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ค่อยๆ หายใจออก “เธอถึงขั้นใช้วิธีนั้นเอาตัวเฟิงเฉินไป แล้วก็ซ่อนคนไว้ งั้นก็ไม่มีทางที่จะยอมแพ้”
“เพราะงั้นนะ พวกเรามีศึกหนักที่ต้องรับมือ เธอต้องเตรียมใจไว้ให้พร้อม” เขาหันหน้าไปมองเจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อก็ได้พยักหน้าด้วยความเครียด “อันนี้ฉันรู้ค่ะ ฉันได้เตรียมใจไปตั้งนานแล้ว แต่ว่า เรื่องเฟิงเฉินฉันไม่มีทางยอมแพ้”
“แน่นอนว่าไม่สามารถยอมแพ้ได้ นั้นเป็นสามีของเธอนะ พ่อของเสี่ยวเป่าเถียนเถียน นี่เป็นสิ่งที่ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ค่ะ”
ฟางยู่เชินลุกขึ้น “ได้แล้ว ไม่ต้องคิดมากแล้ว รีบขึ้นไปพักผ่อนเถอะ”
“พี่ขึ้นไปก่อนเถอะ ฉันอยากจะดูสักพักแล้วค่อยขึ้นไป”
“อย่าดึกมากล่ะ”
สุดท้ายก็ได้สั่งไปคำ ฟางยู่เชินถึงได้ขึ้นไป
……
วันต่อมา ช่วงใกล้บ่าย เจียงสื้อสื้อก็ได้รับสายที่ไม่รู้จัก
“สวัสดีค่ะ ฉันเจียงสื้อสื้อค่ะ”
“โซเฟย่า”
เสียงที่คุ้นเคยก็ได้ส่งมาทางลำโพง นัยน์ตาของเจียงสื้อสื้อได้บีบ “เบอร์เกน”
“ผมเอง”
“นายอยากจะทำอะไร?” เจียงสื้อสื้อก็ได้ถามเสียงดุ
เบอร์เกนก็ได้หัวเราะเบาๆ “ผมอยู่หน้าบ้านตระกูลฟาง มาเที่ยวหาเธอโดยเฉพาะ”
ได้ยินแบบนั้น เจียงสื้อสื้อก็ได้รีบวิ่งออกไปจากห้อง วิ่งไปที่ระเบียงชั้นสองแล้วมอง ประตูใหญ่นั้นก็ได้มีรถที่ไม่คุ้นเคยคันหนึ่งจอดอยู่
เจียงสื้อสื้อก็ได้กำโทรศัพท์แน่น พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ”
“โซเฟย่า ผมบอกแล้ว ผมไม่มีทางทำร้ายเธอ”
ไม่ทำร้ายเธอ?
เจียงสื้อสื้อก็ได้ขำออกมา “คุณคิดว่าฉันจะเชื่อคุณเหรอ?”
ปลายสายก็ได้เงียบไปไม่กี่วิ เสียงของเบอร์เกนก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง “เปิดประตู”
“ไม่”
เบอร์เกนก็ได้หรี่ตาเล็กน้อย นัยน์ตาก็ได้มีความไม่สบอารมณ์ เสียงก็ได้เย็นชาไปเล็กน้อย “โซเฟย่า ความอดทนของผมมีจำกัดนะ”
เจียงสื้อสื้อก็ได้มองไปที่รถที่อยู่ตรงประตูนั้นอย่างเย็นชา ก็ได้ยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา “ขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่มีความอดทนเลยสักนิด”
พูดจบ เธอก็ได้วางสายไป แล้วก็ได้ก้าวเข้าห้อง
รู้สึกว่าอุณหภูมิในรถก็ได้ต่ำลงไปเล็กน้อย มาร์ซิวก็ได้หันไปมองเบอร์เกนที่มีสีหน้าที่เย็นชา ก็ได้ถามอย่างระวังว่า “คุณท่านครับ ตอนนี้จะทำยังไง?”
เบอร์เกนเงยหน้า สายตาเยือกเย็น ยิ้มที่มุมปาก “เธอต้องตกลงแน่”
เจียงสื้อสื้อกลับไปที่ห้อง คิดได้ว่ารถมันยังจอดอยู่ข้างนอก ถ้าเกิดน้าสะใภ้เล็กไปเห็นเข้าจะทำยังไง?
จากนิสัยของเบอร์เกน ต้องเอาญาติของเธอมาข่มขู่แน่
ไม่ได้!
เธอก็ได้ลุกขึ้น รีบเดินออกไปข้างนอก
เธอไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายคนสำคัญของเธอได้แม้แต่คนเดียว
ซ่างหยิงนั่งอยู่ในรถ สีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย มองคนของลูกชายได้บอกเธอว่า เมื่อคืนลูกชายไปหาเหลียงซินเวยแล้ว
เห็นทีที่ลูกชายพูดกับเธอนั้นไม่ได้เป็นความจริงทั้งหมด
เหลียงซินเวยอาจจะไม่เลว กับตระกูลฟางนั้น ก็ไม่ได้เป็นคนที่เหมาะที่สุด
ในสายตาของเธอ มีแค่เย่เสี่ยวอี้ถึงจะมีสิทธิ์ที่จะเป็นลูกสะใภ้ตระกูลฟางได้
เอี้ยด——
อยู่ๆ รถก็ได้จอดลง การกระทำนี้ก็ได้ทำให้ซ่างหยิงดึงสติกลับมา เธอก็ได้เงยหน้ามองไปข้างหน้า “เป็นอะไรไป?”
“นายหญิง มีรถจอดอยู่ที่หน้าบ้านครับ พวกเราเข้าไปไม่ได้”
ได้ยินที่คนขับรถพูด ซ่างหยิงก็ได้เลื่อนกระจกรถลง ยื่นหัวไปดู เป็นไปอย่างที่พูดหน้าประตูมีรถจอดอยู่คันหนึ่ง