เหลียงซินเวยเที่ยวกับเย่เฉินหยุนไปทั่วเมืองหลวง สถานที่ที่มีชื่อเสียงก็ไปมาแทบทุกที่
“เวยเวย วันนี้ต้องขอบคุณมากเลยนะครับ”
เย่เฉินหยุนส่งเหลียงซินเวยกลับบ้าน รถจอดอยู่ตรงหน้าหมู่บ้าน เขารีบหันไปขอบคุณเหลียงซินเวย
เหลียงซินเวยแค่ยิ้มให้เขาไปทีหนึ่ง “ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ”
พูดจบ เธอก็เปิดประตูลงจากรถ
“เวยเวย” จู่ๆ เย่เหลียงหยุนก็จับมือเธอไว้
เหลียงซินเวยหันกลับไป แล้วมองเขาด้วยความสงสัย “มีอะไรอีกเหรอคะ?”
“เวยเวย เธอเองก็รู้ความสัมพันธ์ของฉันและพี่สาวของเธอ ……” เย่เฉินหยุนหยุดชะงัก สีหน้าลังเล เหมือนมีเรื่องอะไรที่พูดออกมาลำบาก
“พี่เย่คะ มีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงๆ เลยค่ะ”
เย่เฉินหยุนมองเข้าไปในดวงตาที่สดใสของเธอ ในใจก็รู้สึกทนไม่ไหว
เขาไม่ควรไปรับปากเย่เสี่ยวอี้ว่าจะจีบเวยเวยเลยจริงๆ ความรู้สึกที่เขามีต่อเวยเวยเป็นแค่ความรักแบบพี่น้องเท่านั้นมันไม่ใช่ความรักแบบหนุ่มสาวเลย
ถ้าเขาตามจีบเธอ มันก็เหมือนเป็นการหลอกลวงเธอ ทำเหมือนเธอเป็นแค่ของเล่น
เมื่อเห็นเขายังไม่ทันได้พูดอะไร เหลียงซินเวยก็ได้ยิ้มออกมา “พี่เย่คะ ตกลงมีเรื่องอะไรที่ทำให้พี่ลำบากใจจนพูดออกมายากขนาดนั้นคะ?”
ในใจของเย่เฉินหยุนขัดขืนไปแป๊บหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจพูดออกไป “เวยเวย ผมอยากดูแลคุณแทนพี่สาวของคุณ”
“หือ?” เหลียงซินเวยไม่เข้าใจคำพูดของเขา
“พี่สาวของคุณไม่อยู่แล้ว การที่คุณเลี้ยงลูกคนเดียวต้องลำบากมากแน่ๆ ผมยินดีที่จะช่วยคุณแบ่งเบาภาระครับ”
พอเขาพูดมาแบบนั้น เหลียงซินเวยก็เข้าใจขึ้นมาทันที “ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด คุณอยากให้ฉันคบกับคุณใช่มั้ยคะ?”
เย่เฉินหยุนพยักหน้า “ใช่ครับ คุณยินดีมั้ย?”
สีหน้าของเขามีความระมัดระวังปะปนอยู่ เหลียงซินเวยเม้มปากแล้วยิ้ม “พี่เย่คะ ขอบคุณความหวังดีของคุณมากเลยนะคะ ตอนนี้ฉันยังไม่อยากยุ่งเรื่องความรักค่ะ”
ประเด็นคือ เธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว
พอได้ยินเธอพูดมาแบบนั้น เย่เฉินหยุนก็รู้สึกโล่งอกไปทันที เขาหันหน้าไป มองไปข้างหน้า แล้วยิ้มออกมา
พอเห็นเขายิ้มแบบนั้น เหลียงซินเวยก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา “พี่เย่ คุณไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ?”
“ผมไม่เป็นไรครับ” เย่เฉินหยุนหันหน้ามา ดวงตาที่เป็นประกาย จ้องมองเธอด้วยรอยยิ้มและความอ่อนโยน “ผมก็ยังจะดูแลคุณแทนพี่สาวอยู่ดี แต่จะเป็นการดูแลแบบพี่ชายนะครับ”
ตัวเองเลี้ยงดูลูกชายมาคนเดียวตั้งหลายปี ผ่านเรื่องลำบากมาแล้วไม่รู้ตั้งเท่าไหร่
จู่ๆ ก็มีคนมาบอกว่าจะดูแลเธอ มันก็รู้สึกซาบซึ้งไปถึงในใจ จมูกเมื่อยล้า เธอรีบเบือนหน้าหนี แย้มปากแล้วยิ้มออกมา “ขอบคุณค่ะ พี่เย่”
“กับผมไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ” เย่เฉินหยุนขยี้หัวของเธอ “รีบกลับไปเถอะครับ มันดึกมากแล้ว”
“ค่ะ”
เย่เฉินหยุนมองดูเธอลงจากรถ แล้วมองเธอเดินเข้าหมู่บ้านไป ถึงยอมขับรถจากไป
พวกเขาไม่ทันสังเกตเลยว่าในที่ไม่ไกลได้มีรถคันหนึ่งจอดอยู่ ฟางยู่เชินที่อยู่ในรถมองตรงมาที่ทั้งคู่
ฟางยู่เชินมาหาเหลียงซินเวย เพื่อวันสองวันนี้ขอให้เหลียงซินเวยช่วยพาสื้อสื้อออกไปข้างนอกบ้าง เพื่อกันไม่ให้สื้อสื้อไปหาซ่างกวนหยวนที่สนามบินด้วยตนเอง
แต่ไม่นึกเลยว่าเขาจะได้มาเห็นภาพเหตุการณ์นี้
เขาคิดมาตลอดว่าเหลียงซินเวยใกล้ชิดกับกู้เนี่ยนเท่านั้น แต่ไม่นึกเลยว่าจะมีคนอื่นด้วย
ที่สำคัญดูแล้วน่าจะสนิทกันมากด้วย
เขาคือแฟนของเธออย่างนั้นเหรอ?
ถ้าใช่ แล้วทำไมถึงยังไปใกล้ชิดกับกู้เนี่ยนอีก แม้แต่กลางคืนยังให้เขาเข้าบ้านด้วย?
หรือเขาจะมองคนผิดไป?
ความจริงเธอเป็นแค่ผู้หญิงที่ไม่ได้ใสซื่อ ชอบมาทำตัวไม่ชัดเจนกับผู้ชาย หว่านเสน่ห์ไปทั่ว
พอคิดถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกหงุดหงิดใจ และรู้สึกโกรธด้วย
ไม่ได้
ต้องไปถามเธอให้รู้เรื่อง
……
เหลียงซินเวยไปหยิบพัสดุก่อนค่อยเดินไปยังชั้นที่ตัวเองอาศัยอย่างช้าๆ
พอเดินไปถึงห้องโถง จู่ๆ ก็ถูกใครบางคนจับข้อมือไว้
ทำเอาเธอตกใจจนต้องกรีดออกมา เธอรีบหันไปมอง ใบหน้าที่หล่อเหลาอันคุ้นเคยปรากฏอยู่ในสายตาของเธอ เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“พี่ฟาง คูณมาได้ยังไงคะ?”
ฟางยู่เชินไม่ได้พูดอะไร แค่จ้องเขม็งมาที่เธอเท่านั้น
ตอนนั้นเอง เหลียงซินเวยก็เพิ่งสังเกตว่าเขาดูแปลกไปจากที่เคยเป็น สีหน้าจริงจัง เม้มริมฝีปากแน่น แม้แต่ดวงตาที่เคยยิ้มมาตลอดก็ดูเย็นชาไป
เธอค่อยๆ เก็บรอยยิ้มลงไป “เกิดอะไรขึ้นคะ?”
“คนคนนั้นเป็นใคร?” ในที่สุดฟางยู่เชินก็ยอมเปิดปากพูดแล้ว แต่น้ำเสียงค่อนข้างแข็งกร้าว ปะปนไปด้วยความสงสัย
“ใครเหรอคะ?”
จู่ๆ เขาก็ถามมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้ เหลียงซินเวยก็รู้สึกงงไปชั่วขณะ
“ใครเป็นคนส่งคุณกลับมา?”
เหลียงซินเวยเข้าใจในทันที “คุณหมายถึงพี่เย่เหรอคะ?”
“พี่เย่เหรอ?”
การเรียกแบบนี้ ทำให้ฟางยู่เชินรู้สึกไม่ชอบใจ เธอเรียกกู้เนี่ยนว่า “พี่กู้” เรียกเขาว่า “พี่ฟาง” แล้วตอนนี้มี “พี่เย่” เพิ่มมาอีกคน
เธอมีพี่ชายอยู่ถึงกี่คนกันนะ?
“ค่ะ เขาเป็นเพื่อนของพี่สาวฉัน”
พี่สาวของเพื่อนเธออย่างนั้นเหรอ?
ฟางยู่เชินค่อยๆ ใจเย็นลง
พอเห็นสีหน้าของเขามีการเปลี่ยนแปลง เหลียงซินเวยจึงได้ถามไปด้วยความเป็นห่วงว่า “คุณเป็นอะไรรึเปล่าคะ?”
“ผมไม่เป็นไรครับ”
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่เป็นห่วงของเธอ ฟางยู่เชินก็รู้สึกละอายใจขึ้นมาทันที
เธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อย มีสิทธิ์อะไรไปเค้นถามความสัมพันธ์ของเธอกับคนอื่นด้วย
“ไม่เป็นอะไรจริงๆ เหรอคะ?” เหลียงซินเวยยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
ในที่สุดฟางยู่เชินก็ยิ้มออกมาสักที และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “ผมไม่เป็นไรจริงๆ ครับ ว่าแต่คุณเถอะ ทำไมถึงกลับมาดึกขนาดนี้ครับ?”
“พี่เย่ให้ฉันช่วยพาเขาไปเที่ยวมาค่ะ เลยกลับมาดึกแบบนี้ค่ะ”
พอพูดถึงตรงนี้ เหลียงซินเวยก็กัดๆ ริมฝีปาก แล้วพูดไปเบาๆ ว่า “ความจริงพี่เย่ยังเป็นพี่ชายของคุณเย่ด้วยนะคะ”
“หือ? คุณพูดว่าไงนะครับ?” ฟางยู่เชินนึกว่าตัวเองฟังผิด
“ฉันบอกว่า เขาเป็นพี่ชายของคุณเย่เสี่ยวอี้ค่ะ คุณไม่เคยเจอเขาเหรอคะ?” เหลียงซินเวยมองเขาด้วยความสงสัย
ถ้าพูดกันตามเหตุผล เขาได้หมั้นหมายกับคุณเย่แล้วไม่ใช่เหรอ? ก็น่าจะได้พบคนในบ้านของเธอแล้วไม่ใช่รึไง?
“ไม่เคยเจอครับ”
ไม่ใช่แค่ไม่เคยเจอ แต่เขาก็ไม่สนใจด้วย
เหลียงซินเวยรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย “คุณ……” เธออยากบอกว่าเขาไม่เคยเจอเย่เฉินหยุนเลยเหรอ แต่พอคำพูดมาถึงที่ปาก เธอก็กลืนมันลงคอไป แล้วส่งเสียงออกมาเบาๆ ว่า “ค่ะ”
ไม่ว่าเขาจะเคยเจอเย่เฉินหยุนหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของเธอซะหน่อย
ทั้งคู่เงียบไป
ผ่านไปสักพัก ฟางยู่เชินเพิ่งจะพูดออกมาว่า “วันสองวันนี้คุณพอมีเวลาว่างมั้ยครับ?”
“มีอะไรรึเปล่าคะ?” เหลียงซินเวยไม่ตอบแต่ถามกลับ
“ฉันมีเรื่องอยากขอให้คุณช่วยหน่อยครับ”
เหลียงซินเวยพยักหน้า “เชิญพูดมาได้เลยค่ะ”
“วันสองวันนี้ ช่วงที่คุณมีเวลาช่วยชวนสื้อสื้อออกมาเที่ยวเล่นหน่อยได้มั้ยครับ?”
“พี่สื้อสื้อเป็นอะไรเหรอคะ?”
พอได้ยินคำขอแบบนี้ เหลียงซินเวยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วงเจียงสื้อสื้อขึ้นมา
“เธอไม่เป็นไรครับ ผมแค่อยากให้คุณชวนเธอออกไปปลดปล่อยบ้าง” ฟางยู่เชินไม่ได้พูดเหตุผลที่แท้จริงกับเธอ เขากลัวตัวเองจะเผลอหลุดปากไป
“ฉันสามารถลางานได้ค่ะ”
จากที่พูดมา แสดงว่าเธอตอบตกลงแล้ว
“ต้องรบกวนคุณหน่อยนะครับ” ฟางยู่เชินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า “จะใช้ข้ออ้างอะไรก็ได้ แค่ชวนเธอออกมาให้ได้ก็พอครับ”
กับคำขอของเขาครั้งนี้ เหลียงซินเวยรู้สึกสงสัยมาก แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร
“ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”
การที่เขามาขอร้องเธอแบบนี้ เขาต้องมีเหตุผลของตัวเองอยู่แน่ เธอแค่ทำตามที่เขาบอกก็พอแล้ว
ฟางยู่เชินยิ้มออกมา “หวังว่าผมจะไม่ได้ขอให้คุณฝืนทำในเรื่องที่ไม่อยากทำนะครับ”
“ไม่ค่ะ แค่ได้ช่วยคุณ ฉันก็ดีใจมากแล้ว แถมยังได้ทำเพื่อพี่สื้อสื้อด้วย มันไม่ได้ฝืนเลยสักนิดค่ะ”