อยู่ๆ เสียงตึบก็ได้ดังมาจากข้างหลัง
ทำเอาพ่อเย่แม่เย่ตกใจจนหันไป สีหน้าทั้งสองก็ได้เปลี่ยนทันที
เห็นว่าเย่เสี่ยวอี้ล้มไปบนพื้น ไม่ขยับ
“เสี่ยวอี้!”
พ่อเย่แม่เย่ก็ได้ร้องออกมาอย่างตกใจ ก็ได้รีบวิ่งไป
ตาของเย่เสี่ยวอี้ก็ได้ปิด สีหน้าไม่มีเลือดเลยสักนิด
“เร็ว รีบไปเรียกหมอมา!” พ่อเย่ก็ได้รีบสั่งพ่อบ้านที่ได้วิ่งมาตอนได้ยินเหตุการณ์
พ่อบ้านก็ได้ตอบไป “ครับ” แล้วก็ได้หันไปโทรหาหมอ
ในความช่วยเหลือของคนใช้ เย่เสี่ยวอี้ก็ได้ถูกประคองไปบนเตียง
แม่เย่ก็ได้กุมมือที่เย็นของเธอ น้ำตาก็ได้ไหลไม่หยุด “เสี่ยวอี้ ลูกอย่าเป็นอะไรขึ้นมานะ ไม่อย่างนั้นแม่จะทำยังไง?”
“ต้องไม่เป็นอะไรหรอก” พ่อเย่ก็ได้เอามือไปวางที่ไหล่ของเธอ พูดปลอบ
นิ้วที่สั่นเล็กน้อยก็ได้บ่งบอกว่าเวลานี้ในใจของเขาได้กลัว
เย่เฉินหยุนกลับไปถึงบ้าน ตอนที่ได้ยินว่าเย่เสี่ยวอี้ได้สลบไปจากปากของพ่อบ้าน ก็ได้รีบถาม “ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”
“เมื่อวานคุณหนูไม่ได้ทานข้าวทั้งวัน พึ่งสลบไปครับ”
“ก็เป็นเพราะคุณชายของตระกูลฟางคนนั้น คุณหนูได้เห็นข่าวลือในข่าวก็ได้โมโหจนไม่ยอมทานข้าวทั้งวัน”
พอพ่อบ้านพูดแบบนี้ เย่เฉินหยุนถึงได้นึกถึงข่าวที่ตัวเองก็ได้เห็นข่าวนั้น
แต่ว่าเขาก็แค่คิดว่ามันเป็นข่าวลือ ไม่ได้เป็นความจริง
เพราะเขารู้ว่าคนที่ฟางยู่เชินชอบจริงๆ เป็นใคร
ก็เป็นเพราะว่าเห็นข่าวปลอมนี้ เสี่ยวอี้ก็ได้โมโหจนไม่กินข้าว ถ้าเกิดรู้ว่าฟางยู่เชินกับเวยเวยคบหากัน งั้นไม่โวยวายจนโลกแตกไปเลยเหรอ
คิดถึงตรงนี้ ใจของเย่เฉินหยุนก็ได้เคร่งเครียดขึ้นมา
“เรียกหมอมาหรือยัง?” เขาถาม
“ครับ กำลังมาครับ”
เย่เฉินหยุนพยักหน้า “งั้นก็ดี นายให้ห้องครัวไปเตรียมโจ๊ก รอให้คุณหนูตื่นมาก็ให้เธอดื่ม”
พูดจบ เขาก็ได้วิ่งขึ้นชั้นบน
เดินไปที่ประตูห้องเย่เสี่ยวอี้ ก็สามารถได้ยินเสียงร้องไห้ที่ดังมาจากข้างใน
เป็นคุณแม่
ฝีเท้าของเย่เฉินหยุนก็ได้หยุดลง สีหน้าได้เคร่งเครียด อยู่ๆ นั้น ความรู้สึกผิดก็ได้ถาโถมเข้ามาในใจ
เขาได้ช่วยเวยเวยปิดบังเรื่องที่เธอคบหากับฟางยู่เชิน ก็ได้ทำร้ายพ่อแม่กับเสี่ยวอี้อย่างไม่ได้เจตนา
งั้น……เขาจะพูดกับพวกเขาไปตรงๆ เลยดีไหม?
ตอนที่เขากำลังลังเลนั้น พ่อเย่ก็เห็นเขา
“เฉินหยุน”
ได้ยินเสียง เย่เฉินหยุนก็ได้รีบปรับสีหน้า รีบเดินเข้าไป มองอาการของเย่เสี่ยวอี้ “พ่อครับแม่ครับ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
“ยังไม่เป็นเพราะฟางยู่เชิน!”
พอพูดถึงฟางยู่เชิน แม่เย่ก็ได้เต็มไปด้วยความโมโห
ต้องรู้ว่าพวกเขาเอาใจเสี่ยวอี้ขนาดไหน
อมไว้ในปากก็กลัวละลาย วางไว้ในมือก็ตัวตกแตก
นี่เป็นลูกรักที่พวกเขารักเอาใจมากๆ นะ
แต่ว่าฟางยู่เชินไม่ได้รักษาเลยสักนิด ถึงขั้นไม่แคร์เลยแม้แต่น้อย
นี่ก็ทำให้แม่เย่โมโหจนอยากที่จะไปบ้านตระกูลฟางไปถามอย่างละเอียด
เห็นคุณแม่ได้โมโหขนาดนี้ เย่เฉินหยุนก็รู้ว่าเธอก็พูดได้ไม่ชัดเจน ก็ได้มองไปทางพ่อเย่ “พ่อครับ คุณแม่ทำไมโมโหแบบนี้?”
พ่อเย่มองเย่เสี่ยวอี้ที่อยู่บนเตียงสักพัก พูด “เพราะว่าข่าวลือของยู่เชินกับซ่างกวนหยวน เสี่ยวอี้โมโหก็ได้อดข้าวทั้งวัน……”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็ได้หยุดไปสักพัก คิ้วก็ได้ขมวดแน่น “เมื่อกี้ก็ได้ยินพ่อพูดว่ายู่เชินไม่ได้ยอมรับการแต่งงานนี้”
ได้ยินถึงตรงนี้ เย่เฉินหยุนไม่แปลกใจเลยสักนิด
ตอนนี้ฟางยู่เชินก็ได้คบหากับเหลียงซินเวยแล้ว จะไปยอมรับเรื่องการแต่งงานของฟางเย่สองตระกูลได้ยังไง?
เขาก็ได้ขยับปาก อยากจะเอาเรื่องนี้บอกกับคุณพ่อคุณแม่ แต่ว่าคำพูดมาถึงปาก ก็ได้กลืนกลับเข้าไปอีกครั้ง
ถ้าเกิดวันนี้เขาได้พูดเรื่องนี้ออกไปแล้ว งั้นชีวิตของเวยเวยกับอานอานต้องไม่สงบสุขแน่ๆ
ในหัวก็ได้มีใบหน้าที่ไร้เดียงสาของอานอานแวบมา เขาทำใจไม่ได้ ไม่อยากที่จะทำลายชีวิตที่สงบสุขของพวกเขา
“พ่อครับ แม่ครับ พวกท่านคิดว่าฟางยู่เชินกับเสี่ยวอี้เหมาะสมกับเหรอครับ?” เย่เฉินหยุนถาม
พ่อเย่ขมวดคิ้ว “หรือว่าไม่เหมาะสมเหรอ?”
“เฉินหยุน ลูกถามแบบนี้หมายความว่าไง?” แม่เย่หันหน้าไปจ้องมองเขาด้วยความสงสัย
แล้วก็ได้ถอนหายใจออกมา เขาพูด “เสี่ยวอี้เป็นน้องสาวของผม ผมไม่อยากให้เธอนั้นมารับความลำบากน้อยใจแบบนี้ ไหนๆ ฟางยู่เชินก็ไม่แคร์ พวกเราทำไมต้องบังคับล่ะครับ เสี่ยวอี้คู่ควรกับคนที่ดีกว่านี้”
“ไม่……ฉันจะเลุงฟางยู่เชิน”
เสียงอ่อนๆ ก็ได้ดังขึ้นในห้อง
คือเย่เสี่ยวอี้ เธอตื่นแล้ว
แม่เย่ก็ได้ร้องไห้อีกครั้ง เธอก็ได้เช็ดน้ำตาไป พูดบ่นไป “เด็กคนนี้ ทำเอาแม่ตกใจแทบแย่”
“แม่ค่ะ ขอโทษค่ะ ที่ทำให้แม่เป็นห่วง”
เย่เสี่ยวอี้ก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นเป็นลมไปตอนไหน อาจเป็นเพราะว่าหิว แต่ก็เป็นไปได้ว่าเพราะได้รับความกระทบกระเทือนทางอารมณ์
แต่โชคดีที่ตัวเองตื่นแล้ว
พ่อเย่ก็ได้โล่งอก ก็ได้มองเธออย่างปวดใจ “เด็กโง่ ลูกก็รู้ว่าพวกเราเป็นห่วงอยู่เหรอ งั้นทำไมไม่เชื่อฟังแล้วกินข้าวดีๆ ล่ะ?”
“ขอโทษค่ะ พ่อ”
“เอาหน่า ไม่ต้องขอโทษแล้ว” แม่เย่ก็ได้ตบมือของเธอเบาๆ “ความน้อยใจที่ลูกได้รับ พ่อแม่ต้องไปเอาคืนแทนลูกแน่”
เย่เสี่ยวอี้ก็ได้ยิ้มอ่อนๆ “แม่คะ ขอบคุณค่ะ”
“เด็กโง่” แม่เย่ก็ได้กุมมือเธอแน่น
“เสี่ยวอี้ รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” เย่เฉินหยุนก็ได้ถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่ค่ะ” เย่เสี่ยวอี้ก็ได้เลียริมฝีปากที่ได้แห้งเล็กน้อย พูดต่อว่า “พี่ ยู่เชินต้องชอบฉันแน่”
ไม่มีทาง
เป็นไปไม่ได้หรอก
เย่เฉินหยุนอยากจะพูดแบบนี้ แต่มองสีหน้าที่ตัดสินใจแล้วของน้องสาว ไม่ว่ายังไงก็พูดไม่ออก
“เสี่ยวอี้ ฟังที่พี่พูดนะ ยอมแพ้เถอะ ดีไหม?” เขาก็ได้ลองพูดกล่อมไป
“ไม่ดี!” เย่เสี่ยวอี้ก็ได้ออกแรงส่ายหน้า
ความมึนก็ได้โจมตีอีกครั้ง เธอก็ได้ขมวดคิ้วอย่างทรมาน
ทำเอาแม่เย่ตกใจก็ได้รีบถาม “เสี่ยวอี้ หนูเป็นอะไรไป?”
“เวียนหัวค่ะ” เย่เสี่ยวอี้ก็ได้ยกมือไปวางที่หน้าผาก คิ้วก็ได้ขมวดแน่น มองแล้วดูไม่โอเคมากๆ
“หมอล่ะ? หมอทำไมยังไม่มา?” แม่เย่ก็ได้ตะโกนอย่างอารมณ์ร้อน
เวลานี้ พ่อบ้านก็ได้รีบพาคุณหมอเดินเข้ามา
“คุณหมอ คุณหมอมาแล้วครับ”
ผ่านการตรวจของหมอ เย่เสี่ยวอี้เป็นเพราะว่าไม่ได้มีทานอาหารมาทั้งวันทำให้เลือดในน้ำตาลน้อย ถึงได้เวียนหัว
“คนไม่เป็นอะไรมากครับ แต่ว่าจำเป็นต้องทานอะไรเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นร่างกายต้องรับไม่ไหวแน่ๆ”
พอได้ยินสิ่งที่หมอพูด แม่เย่ก็ได้รีบพยักหน้า “ค่ะ พวกเราไปเตรียมเดี๋ยวนี้”
รอให้แม่เย่ออกไป คุณหมอก็ได้เน้นย้ำอีกไม่กี่คำ ถึงได้ออกไป
พ่อเย่ก็ได้ลงไปดูว่าแม่เย่ได้เตรียมอาหารไปถึงไหนแล้ว ในห้องก็เหลือแต่เย่เสี่ยวอี้กับเย่เฉินหยุน
เย่เฉินหยุนเดินไปข้างเตียง ก็ได้มองใบหน้าที่ซีดของเย่เสี่ยวอี้ ปวดใจเอามาก
“เสี่ยวอี้ ฟางยู่เชินมันดีตรงไหน? มีค่าพอที่เธอต้องมาเจ็บปวดแบบนี้เพื่อเขาเหรอ?”
เย่เสี่ยวอี้ก็ได้เงียบไปสักพัก ถึงได้ค่อยๆ พูดออกไปว่า “เขาดีไปหมด ฉันชอบเขา ฉันจะแต่งงานกับเขา”
มองเห็นน้องสาวที่เอาแต่ใจมาตลอด คิดไม่ถึงว่ามีวันหนึ่งก็มาทะเยอทะยานเพื่อรักแบบนี้
เย่เฉินหยุนไม่รู้ว่าควรจะพูดความจริงกับเธอดีไหม ให้เธอยอมแพ้ หรือว่าสนับสนุนให้เธอพยายามต่อไป