ซ่างกวนเชียนเหลือบมองจิ้นเฟิงเฉิน กระตุกมุมปากเล็กน้อย “หวังว่าจะเป็นอย่างที่เธอหวังนะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่างกวนหยวนขมวดคิ้วแน่น นี่เขาหมายความว่ายังไง?
“ถ้าอย่างนั้นฉันไม่รบกวนพวกเธอแล้ว”
ทันทีที่พูดจบ เขาก็หันตัวเดินออกไปทันที
ในขณะที่ซ่างกวนเชียนกำลังหันตัว สายตาของเขากวาดผ่านตัวจิ้นเฟิงเฉินไป
วินาทีที่สายตาของทั้งสองคนประสานกัน เขารีบถอนสายตากลับทันทีอย่างรวดเร็ว และสาวก้าวยาวเดินออกไป
จิ้นเฟิงเฉินมองร่างของเขาลับหายไปจากประตู ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น
ไม่รู้ว่าเขามองผิดไปหรือเปล่าว่า เขามองเห็นความเกลียดชังในแววตาของซ่างกวนเชียน
ความเกลียดชังที่มีต่อเขา
อันที่จริงเขารู้มาตลอดว่าซ่างกวนเชียนไม่ชอบตัวเองเท่าไหร่ แต่คิดไม่ถึงว่าจะรุนแรงมากขนาดนี้
“เฟิงเฉิน คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
เมื่อซ่างกวนหยวนเห็นเขาเหม่อลอยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จึงถามด้วยความเป็นห่วง
จิ้นเฟิงเฉินได้สติ พลางฉีกริมฝีปากเบาๆ “ไม่เป็นไร”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราต่อกันเถอะ”
ซ่างกวนหยวนเชื่อคำพูดของเขาและไม่ถามอะไรให้มากความ
……
ซ่างกวนเชียนลงไปชั้นล่างและบังเอิญเจอกับเจียงสื้อสื้อที่เดินเข้ามาจากสวนหลังบ้านเข้าพอดี
ทันทีที่เห็นอีกฝ่าย ทั้งสองคนต่างตะลึงชะงักไปเล็กน้อย
ซ่างกวนเชียนได้สติกลับมาก่อน จึงเดินตรงเข้าไปหาเธอและยิ้มออกมาเบาๆ “ลำบากไหม?”
เสื้อผ้าบนตัวของเธอสกปรกไปหมด ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดูแล้วนึกไม่ออกเลยว่านี่จะเป็นภรรยาของท่านประธานบริษัท
การให้เธอเข้ามาเป็นคนรับใช้ในบ้าน นับว่าทำผิดต่อเธอมากจริงๆ
แต่ว่าเธอเต็มใจยินยอม
มันคงจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าพลังแห่งความรักล่ะมั้ง
เจียงสื้อสื้อจัดผมเผ้า ฉีกริมฝีปากยิ้ม “ลำบาก ลำบากแน่นอนอยู่แล้ว”
แต่ว่า เพียงแค่สามารถทำให้เฟิงเฉินจดจำเธอขึ้นมาได้ จะลำบากแค่ไหนมันก็คุ้มค่า
บางทีอาจเป็นเพราะคนหัวอกเดียวกันมักจะเห็นใจกัน ภายในใจลึกๆ ของซ่างกวนเชียนรู้สึกสงสารเธอขึ้นมาเล็กน้อย
“ที่จริงเธอจะแอบขี้เกียจบ้างก็ได้นะ ฉันจะกำชับพ่อบ้านให้ช่วยดูแลเธอให้มากขึ้น”
เจียงสื้อสื้อกล่าวปฏิเสธอย่างขี้ขลาด “อย่า อย่าเด็ดขาด ฉันไม่อยากให้น้องสาวของคุณจับจุดอ่อนอะไรได้อีก”
ทันทีที่เอ่ยถึงซ่างกวนหยวน ซ่างกวนเชียนก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที “ช่วงนี้หล่อนคงไม่มีเวลามาจับตามองเธอหรอก”
“ทำไม?”
ซ่างกวนเชียนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นช้าๆ ว่า “เพราะงานแต่งงานจะจัดขึ้นสิ้นเดือนนี้แล้ว หล่อนต้องลองชุดแต่งงานและอะไรอีกหลายอย่าง คงไม่มีเวลาอะไรมากนักหรอก”
“สิ้นเดือนนี้?” เจียงสื้อสื้อเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง “คุณกำลังล้อเล่นใช่ไหม?”
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้บอกว่าเป็นช่วงกลางเดือนหน้าแท้ๆ ทำไมถึงเลื่อนเร็วกว่ากำหนดมากขนาดนี้?
ถ้าอย่างนั้นเวลาที่ให้เธอมันก็ลดสั้นลงทันทีเลยน่ะสิ
ซ่างกวนเชียนชักมุมปาก “ไม่ได้ล้อเล่น มันคือเรื่องจริง”
น้ำเสียงของเขาฟังดูจนปัญญามาก
เจียงสื้อสื้อร้อนใจขึ้นมาทันที “เรื่องนี้ขัดขวางไม่ได้เลยเหรอ หรือคุณอยากจะเห็นพวกเขาแต่งงานกันจริงๆ เหรอ?”
“เธอคิดว่าฉันจะห้ามอะไรได้เหรอ?” ซ่างกวนเชียนหัวเราะเยาะตัวเอง
เจียงสื้อสื้อสูดหายใจเข้าลึกๆ กดความสับสนวุ่นวายภายในใจเอาไว้ พลางกล่าวว่า “ขวางไม่ได้ก็ต้องขวาง ไม่อย่างนั้นทันทีที่พวกเขาแต่งงานกันแล้ว มันจะไม่เหลือหนทางอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้ว”
ซ่างกวนเชียนพยักหน้า “ได้ ฉันจะไปคิดหาวิธีดู”
“ฝากคุณด้วยนะคะ”
ทั้งสองคนคุยกันอีกสองสามประโยค ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน
……
ตอนเย็น ทันทีที่ฟางยู่เชินกลับถึงบ้าน แม่ของเขาก็รีบพุ่งเข้ามาทุบตีเขาสองสามทีในทันที
“ไอ้ลูกบ้า แกทำเกินไปแล้ว ในสายตาของแกยังมีฉันกับพ่อแกอยู่ไหม!”
ฟางยู่เชินยืนนิ่งรองรับการทุบตีอยู่สองสามที ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แรงมาก แต่ก็เจ็บอยู่เล็กน้อยเหมือนกัน
เขามองหน้าคนเป็นแม่ที่กำลังโกรธจัดอย่างขบขัน “แม่ นี่แม่เป็นอะไรไปอีก? ผมไปทำอะไรผิดอีกเหรอครับ?”
“แกยังมีหน้ามาถามอีก!” ซ่างหยิงส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา “วันนี้แกไปพูดอะไรกับคุณอาเย่?”
“พูดอะไร?” ฟางยู่เชินนึกขึ้นได้ว่าเมื่อบ่ายวันนี้เขาได้คุยโทรศัพท์กับพ่อเย่จริงๆ เพียงแป๊ปเดียวเขาก็เข้าใจทุกอย่างในทันที “คุณอาเย่บอกอะไรกับแม่ใช่หรือเปล่า?”
“นี่แกยอมรับแล้วใช่ไหมว่าแกพูดอะไรแบบนั้นออกไปจริงๆ?” ซ่างหยิงขมวดคิ้วอย่างโกรธจัด
เธอนึกว่าตระกูลเย่ราดน้ำมันเติมน้ำส้มพูดใส่ความเกินจริงไปเองเสียอีก ใครจะรู้ว่าเขาจะพูดออกไปแบบนั้นจริงๆ
“แม่ แม่อย่าเพิ่งโกรธ” ฟางยู่เชินเอื้อมมือไปจะโอบไหล่เธอ แต่กลับถูกเธอเบี่ยงตัวหลบเสียก่อน
“ถ้าวันนี้แกไม่อธิบายเรื่องนี้ให้กระจ่าง ก็อย่ามาโทษว่าแม่อย่างฉันไม่เข้าใจแกก็แล้วกัน”
พูดจบ ซ่างหยิงหันหลังเดินไปทางห้องนั่งเล่นอย่างโกรธจัด
ฟางยู่เชินทำได้เพียงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะก้าวเท้าเดินตามไป
ซ่างหยิงนั่งลงบนโซฟา มือสองข้างยกขึ้นกอดอก เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเย็นชา “ว่ามา! ทำไมแกถึงพูดแบบนั้นกับคุณอาเย่?”
“เพราะมันคือความจริง”
“ความจริง?” เสียงของซ่างหยิงพุ่งขึ้นสูงปรี๊ด “ฟางยู่เชิน นี่นับวันแกยิ่งไม่เห็นฉันกับพ่อของแกอยู่ในสายตาเข้าไปทุกทีแล้ว”
“แม่ ผมไม่เคยมีความคิดแบบนั้นเลยนะ” ฟางยู่เชินรีบปฏิเสธทันที
เขาไม่อยากทำให้ส่งกระทบต่อความสัมพันธ์กับพ่อแม่ เพราะเรื่องสัญญาการแต่งงานของตระกูลฟางตระกูลเย่สองตระกูล
“ถ้าอย่างนั้นแกหมายความว่ายังไง?” ซ่างหยิงถอนหายใจพลางส่ายหัวไปมา “แกไปบอกกับอาเย่ว่าเสี่ยวอี้ไม่ใช่คู่หมั้นของแกได้ยังไง?”
“ก็หล่อนไม่ใช่จริงๆ” ฟางยู่เชินเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ เธอ โอบไหล่เธอแล้วพูดว่า “แม่ ท่าทีของผมก็แสดงออกอย่างชัดเจนมาโดยตลอดว่าไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของทั้งสองตระกูล เพราะผมไม่ได้ต้องการทำสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้มันดีขึ้นไปอีก ผมหวังแค่ว่าเรื่องการแต่งงานของผม ผมจะสามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้”
ซ่างหยิงหันศีรษะไปมองเขา “โอเค แกตัดสินใจเองได้ ถ้าอย่างนั้นแกบอกแม่มาว่าแกชอบผู้หญิงแบบไหน?”
“แน่นอนว่า……” ภายในหัวของเขาปรากฏภาพของเหลียงซินเวยขึ้นมา อยากจะโพล่งบอกแม่ไปตามตรงว่าตัวเองได้คบหากับเวยเวยแล้ว
แต่คำพูดมันกลับติดอยู่ริมฝีปากพูดอะไรไม่ออก
“ทำไม? พูดไม่ออกเหรอ?” ซ่างหยิงหัวเราะเยาะเย้ยออกมา “แกเป็นลูกชายของฉัน แกคิดว่าจะปิดบังฉันได้เหรอ?”
ฟางยู่เชินขมวดคิ้วขึ้น
“แกอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าแกชอบเหลียงซินเวย!”
ทันทีที่คำพูดนี้เปล่งออกมา ภายในดวงตาของฟางยู่เชินก็ปรากฏความประหลาดใจออกมาเล็กน้อย “แม่ ทำไม……”
“แกอยากจะถามว่าฉันรู้ได้ยังไง ใช่ไหม?”
ฟางยู่เชินเงียบไป
ซ่างหยิงถอนหายใจ “ยู่เชิน เวยเวยไม่เหมาะสมกับลูกจริงๆ”
แม้ว่าเหลียงซินเวยจะไม่เลวร้ายอะไร แต่หล่อนไม่ใช่ลูกสะใภ้ในอุดมคติของเธอ
ในเมื่อเธอพูดเรื่องนี้ออกมาทุกอย่างแล้ว ฉะนั้นฟางยู่เชินก็จะไม่ปิดบังอีกต่อไป “แม่ คนที่ผมชอบคือเวยเวย และพวกเราก็คบกันแล้ว……”
เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่างหยิงก็ถึงกับลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “พวกแกคบกันแล้วเหรอ?”
“อืม เพิ่งจะยืนยันความสัมพันธ์กันเมื่อไม่นานมานี้”
“แก!” ซ่างหยิงโกรธจัดจนพูดไม่ออก เธอแค่รู้สึกวิงเวียนศีรษะ ร่างกายโอนเอน
“แม่!” ฟางยู่เชินรีบเข้าไปประคองเธอ เห็นเธอยกมือขึ้นกุมหน้าผาก จึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “แม่ แม่ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ฉันมีแน่นอนอยู่แล้ว!” ซ่างหยิงผลักเขาออก พลางชี้นิ้วใส่หน้าเขาพร้อมพูดอย่างโกรธจัด “ไอ้ลูกบ้า แกเรียนรู้มาจากใคร? ถึงได้ปิดบังเรื่องสำคัญขนาดนี้กับพวกเรา! ฉันว่าแกไม่เห็นพวกเราเป็นพ่อแม่ของแกเลยด้วยซ้ำ!”
“แม่ แม่พูดแรงเกินไปนะครับ ผมคบกับเวยเวย แล้วมันผิดตรงไหน?” จู่ๆ ฟางยู่เชินก็รู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมา
เพราะเรื่องความรักความรู้สึกของเขา มันเจ็บปวดวุ่นวายมานานหลายเดือนแล้ว
ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะตัดสินใจตกลงปลงใจได้ แต่แม่กลับไม่พอใจขึ้นมาอีก