“ข่าวซุบซิบนั้นเป็นข่าวปลอม”เจียงสื้อสื้อพูด
“ฉันรู้”
เหลียงซินเวยยังจำข่าวซุบซิบครั้งนั้นได้ ที่บอกว่าคนที่ฟางยู่เชินชอบความจริงแล้วก็คือซ่างกวนหยวน และการแต่งงานกับตระกูลเย่ก็เพื่อเพิ่มอำนาจของอีกฝ่าย
แต่ต่อมายู่เชินก็อธิบายกับเธอแล้ว เขาก็แค่ช่วยพี่สื้อสื้อเท่านั้น
“ถ้าพวกเขาแต่งงานกัน อย่างนั้นสามีพี่ก็แต่งงานซ้ำซ้อนแล้วสิคะ”เหลียงซินเวยถาม
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “อืม แต่งงานซ้ำซ้อน”
“งั้นซ่างกวนหยวนทำอย่างนั้นได้ยังไงนะ”เหลียงซินเวยอดสงสารเธอไม่ได้
ถ้าซ่างกวนหยวนแต่งงานกับจิ้นเฟิงเฉินจริง นั่นเท่ากับเป็นการทำร้ายพี่สื้อสื้อมากเกินไปแล้ว
นั่นเป็นชายคนรักที่พี่สื้อสื้อเฝ้ารออย่างทรมาน
เจียงสื้อสื้อฝืนยิ้ม “ฉันก็อยากรู้”
เหลียงซินเวยอดไม่ได้ที่จะเห็นใจเธอ ยื่นมือไปกุมมือเธอเอาไว้ พูดปลอบใจว่า “ฉันรู้ว่าในใจพี่เจ็บปวดมาก แต่ขอแค่พวกเขายังไม่แต่งงาน พี่ก็มีโอกาสแย่งเขากลับมา”
เธอขมวดคิ้ว “ไม่ถูก ใช้คำว่าแย่งไม่ได้ เดิมทีเขาก็เป็นของพี่อยู่แล้ว”
เจียงสื้อสื้อยิ้มอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี พูดแซวตัวเองว่า “ตอนนี้คือแย่งจริงๆ ”
“พี่สื้อสื้อ ถ้ามีอะไรที่ฉันช่วยพี่ได้ รีบบอกนะคะ”เหลียงซินเวยรู้ว่า สิ่งที่ตนเองช่วยได้นั้นมีจำกัด แต่ช่วยได้เล็กน้อยก็จะช่วย
“ขอบคุณนะ เวยเวย”
“พี่ไม่ต้องเกรงใจฉันเลยค่ะ”
เจียงสื้อสื้อนึกถึงการตัดสินใจของฟางยู่เชินอีกครั้ง ขยับปาก อยากจะบอกเธอ แต่สุดท้ายก็อดทนเอาไว้ได้
เธอได้แต่พูดประโยคที่ซ่อนความหมายเอาไว้ว่า “เวยเวย หวังว่าเธอกับพี่ชายฉันจะมีความสุข”
“ขอบคุณค่ะ”
มองเห็นเธอที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ในใจของเจียงสื้อสื้อก็เหมือนมีสำลีอุดอยู่ อึดอัดทรมานมาก
เธอยกแก้วกาแฟขึ้นมา ดื่มเข้าไปอึกใหญ่รวดเดียว จากนั้นก็ถอนหายใจยาวๆ
ทุกคนล้วนมีเรื่องกลุ้มใจของตนเอง ขอเพียงสามารถจัดการแก้ไขได้อยากรวดเร็ว
……
พอเลิกงาน ฟางยู่เชินก็ขับรถไปที่ยังพักของเหลียงซินเวย
เขาจอดรถที่ประตูทางเข้าที่พัก สายตามองไปที่อาคารนั้นที่เหลียงซินเวยพักอยู่
มองเห็นชั้นที่เธอพักเปิดไฟสว่างอยู่ สีเหลืองนวลของไฟให้ความรู้สึกอบอุ่นมากอย่างประหลาด
มือที่กุมพวงมาลัยรถจับแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มขมขื่นที่ริมฝีปากค่อยๆ เผยออกมา
ก่อนที่จะมา เขาก็ได้ทำใจเอาไว้แล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดสินใจมาบอกเลิกกับเธอ
แต่เมื่อถึงที่นี่ ทั้งหมดก็พังทลาย
ทำใจไม่ได้ ความรู้สึกผิดพลุ่งพล่านขึ้นภายในใจอย่างรุนแรง
เวลาผ่านไปแต่ละนาทีแต่ละวินาที เขาก็ยังไม่กล้าลงจากรถ
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นภายในรถ
หยิบขึ้นมาดู ใจสั่นขึ้นทันที
คือเวยเวย
เขาเงยหน้ามองไปทางชั้นที่เธอพักอยู่ สูดหายใจเข้าลึกๆ รับสาย
เสียงอ่อนโยนของเหลียงซินเวยดังขึ้นข้างหู “ยู่เชิน คุณเลิกงานแล้วหรือยังคะ”
ทันใดนั้นคอของเขาก็แห้งผากขึ้นมา แม้แต่เสียงยังเปลี่ยนเป็นแหบพร่า “อืม เลิกงานแล้ว”
ฟังออกว่าเสียงของเขาผิดปกติ เหลียงซินเวยถามอย่างเป็นห่วงว่า “คุณเป็นอะไรไปคะ”
“ไม่ได้เป็นอะไร”
เหลียงซินเวยไม่ได้คิดอะไรมาก ลังเลเล็กน้อย จึงได้ถามด้วยความระมัดระวังว่า “อย่างนั้นคุณจะมามั้ยคะ”
อะไรที่ควรพูดก็ต้องพูด
ฟางยู่เชินนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง จากนั้นหลับตาลง ตอบเบาๆ ว่า “ผมอยู่ชั้นล่าง คุณลงมาหน่อย”
“คุณอยู่ชั้นล่างนี่เองเหรอ”พอเหลียงซินเวยได้ยิน ก็วิ่งไปที่ระเบียงทันที มองไปที่ไกลๆ ก็มองเห็นรถยนต์จอดอยู่ที่ประตูทางเข้าที่พัก
“คุณก็ขึ้นมาเลยสิคะ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต่างก็รู้จักคุณแล้ว”เหลียงซินเวยพูด
“ผมไม่ขึ้นไปแล้ว คุณลงมาเถอะ”
เหลียงซินเวยก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก “ก็ได้ งั้นฉันลงไป”
เธอหันกลับไปมองในห้อง อานอานเดินออกมาจากในห้องพอดี มองเห็นเธอกำลังจะออกไป ก็รีบถามว่า “แม่ครับ แม่จะไปไหน”
“ลุงฟางอยู่ข้างล่าง แม่ลงไปแป๊บเดียว”เธอตอบพลางเปลี่ยนรองเท้าไปพลาง
“ลุงฟางมาเหรอครับ”ใบหน้าเล็กๆ ของอานอานเปล่งประกาย “ผมลงไปกับแม่ด้วย”
เหลียงซินเวยยิ้ม “ไม่ต้องหรอกจ้ะ ลูกรออยู่ในบ้าน เดี๋ยวเขาก็ขึ้นมา”
“อ้อ”อานอานมองประตูปิดลง จากนั้นก็กลับมานั่งที่ห้องรับแขก รอฟางยู่เชินขึ้นมา
ฟางยู่เชินก้มหน้า ซ่อนสีหน้าเอาไว้ภายในความมืด มองเห็นไม่ชัดเจน
ก๊อกๆ !
เสียงเคาะหน้าต่างรถดังขึ้น เขาเอียงคอไปดู สบตาเข้ากับดวงตาที่สว่างสดใสของเหลียงซินเวย ปวดใจเล็กน้อย
หน้าต่างรถค่อยๆ ลดลง เหลียงซินเวยมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มหวาน “ทำไมคุณไม่ขึ้นไปล่ะคะ”
ฟางยู่เชินมองเธออย่างเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง จึงค่อยๆ ตอบว่า “ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ”
“เรื่องอะไร”
เหลียงซินเวยไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย บนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มปีติยินดี
ฟางยู่เชินลงจากรถ สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าเล็กๆ นัยน์ตามีความรู้สึกบางอย่างพลุ่งพล่านออกมา
“เกิดเรื่องอะไรเหรอคะ”เหลียงซินเวยสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีความผิดปกติในอารมณ์ความรู้สึกเขา รอยยิ้มเจื่อนลงเล็กน้อย ในตามีความห่วงใยและสงสัย
“เวยเวย สิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ คุณต้องเตรียมใจไว้ให้ดี”
สีหน้าท่าทางเขาเคร่งเครียดมาก เหลียงซินเวยค่อยๆ หุบยิ้ม ลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างพุ่งขึ้นมาในใจ
ฟางยู่เชินกำหมัดแน่น แล้วคลายออก ริมฝีปากบางขยับ “พวกเราเลิกกันเถอะ”
ลมในช่วงค่ำค่อนข้างแรง และก็เย็นเล็กน้อย
พัดจนเหลียงซินเวยได้ยินคำพูดของเขาไม่ชัดเท่าไหร่
แต่แม้ว่าจะได้ยินไม่ชัด น้ำตาก็ไหลออกมาแล้ว
เห็นเธอร้องไห้ ฟางยู่เชินยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้เธอโดยไม่รู้ตัว แต่มือก็ยกขึ้นมาได้เพียงครึ่งเดียว จากนั้นก็เก็บกลับไป นิ้วมืองอเข้ามา กำเป็นหมัดแน่น
จู่ๆ เหลียงซินเวยก็ยิ้ม “คุณจะเลิกเหรอ”
ฟางยู่เชินหลับตาอย่างเจ็บปวด “ขอโทษ”
เหลียงซินเวยยกมือขึ้นปาดน้ำตา สูดจมูก “เหตุผล”
“พวกเราไม่เหมาะสม อยู่กับผมคุณจะได้รับบาดเจ็บ”
เหตุผลนี้ทำให้เหลียงซินเวยหัวเราะออกมา หัวเราะด้วยใบหน้าดูถูกเหยียดหยาม “ในเมื่อคุณคิดว่าพวกเราไม่เหมาะสมกัน แล้วตอนแรกคุณจะเอ่ยปากทำไม ทำไมต้องให้ความหวังฉันด้วย”
“ผม……”ฟางยู่เชินอยากจะพูดว่าเขาชอบเธอ แต่คำพูดก็ติดอยู่ที่ริมฝีปาก พูดไม่ออก
ตอนนี้ เขามีสิทธิ์อะไรบอกว่าชอบเธอ บอกว่ารักเธออีก
เหลียงซินเวยเงยหน้า อยากจะบังคับให้น้ำตาไหลกลับเข้าไปคืน แต่ก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
“ฟางยู่เชิน คุณกลัวว่าเย่เสี่ยวอี้จะทำร้ายฉันเหรอ ดังนั้นจึงอยากใช้วิธีนี้ปกป้องฉัน”
ฟางยู่เชินนิ่งเงียบ
“คุณเดาถูกแล้ว”เหลียงซินเวยร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิมทันที “คุณไม่ได้บอกว่าจะปกป้องฉันให้ดีเหรอ หรือว่าคุณจะใช้วิธีนี้ ฉันไม่ต้องการ!”
“ฉันไม่ต้องการ”สามคำนี้เกือบจะเป็นการตะโกนออกมา
เธอร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม น้ำตาที่ร้อนผ่าวก็เหมือนเส้นด้ายที่ขาดจนไข่มุกร่วงลงไปไม่หยุด
“ผมขอโทษ”นอกจากสามคำนี้ฟางยู่เชิน ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรแล้ว
เห็นเธอร้องไห้ ใจของเขาก็เจ็บเหมือนกับถูกบีบเอาไว้แรงๆ อย่างนั้น
“ฉันไม่ต้องการคำขอโทษ!”
เหลียงซินเวยพุ่งตัวเข้าไปในอ้อมกอดเขา กางแขนสองข้างกอดเอวเข้าไว้แน่น เอาหน้าซุกไปในอกเขา พูดอย่างอัดอั้นว่า “ฉันไม่อยากเลิก ฉันแค่อยากจะอยู่กับคุณ”