ซ่างกวนหยวนยิ่งคิดยิ่งเศร้า สุดท้ายจู่ๆ เธอก็หัวเราะออกมา หัวเราะเสร็จก็ร้องไห้
เธอพยายามอย่างเต็มที่แล้ว เพื่อให้จิ้นเฟิงเฉินมาอยู่ข้างกาย
แต่เขากลับจากเธอไปเพราะเจียงสื้อสื้อผู้หญิงคนนั้น
ไร้ซึ่งความเมตตา
เธอรักเขาขนาดนั้น ทำไมเขาถึงดูถูกดูแคลนต่อความรู้สึกของเธอขนาดนี้?
พอคิดถึงตรงนี้ เธอก็กำมือแน่น ท่าทีค่อยๆ รุนแรงโหดเหี้ยมขึ้น แววตาที่เปื้อนน้ำตาเต็มไปด้วยความโกรธเกลียด
ในเมื่อจิ้นเฟิงเฉินไม่สนใจเธอ ถ้าอย่างนั้นก็อย่ามาหาว่าเธอใจอำมหิตก็แล้วกัน
……
นอนหลับสบายตลอดทั้งคืน
เจียงสื้อสื้อนอนจนใกล้เที่ยงกว่าจะตื่นขึ้นมา เธอหันหน้าไปมองคนที่อยู่ข้างๆ พบว่าว่างเปล่าไม่คนอยู่แล้ว
เธอตื่นตระหนกไปทั้งใจ รีบลุกขึ้นมานั่งมองไปรอบๆ หาร่างที่คุ้นเคย
แต่ในห้องเงียบมาก ไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของอีกคนหนึ่งเลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่มีเวลาที่จะมานั่งคิด เธอรีบลงจากเตียง สับเท้าเปล่าวิ่งออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
พอเปิดประตู ก็ได้ยินเสียงของเถียนเถียนดังเข้ามา
“แด๊ดดี้ หม่ามี๊เป็นหมู ไม่อย่างนั้นจะนอนตื่นสายขนาดนี้ได้ยังไง”
เจียงสื้อสื้อพุ่งออกไป
เห็นจิ้นเฟิงเฉินจูงเถียนเถียนเดินเข้ามาในห้อง
พอเห็นจิ้นเฟิงเฉิน เจียงสื้อสื้อก็วิ่งเข้าไป กอดเขาเอาไว้
กลิ่นสะอาดของเขาเข้ามาเต็มโพรงจมูก จิตใจที่ตื่นตระหนกของเธอก็สงบลงอย่างช้าๆ
กอดเขาแน่นสุดแรง เหมือนกับกลัวว่าเขาจะหายไปอย่างไรอย่างนั้น
จิ้นเฟิงเฉินยกมือขึ้นตบลงที่ไหล่ของเธอเบาๆ พูดขึ้น”อย่ากลัว ผมอยู่นี่ จะไม่จากพวกคุณไปไหนอีกแล้ว”
ต่อให้เธอไม่ได้พูด เขาก็รู้ว่าเธอกำลังกลัวอะไรอยู่ รู้สึกเป็นห่วงเอ็นดู
เจียงสื้อสื้อรู้สึกผ่อนคลายลง จึงปล่อยเขาออก ถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าว มุมปากโค้ง”ทำไมคุณตื่นเช้าจัง?”
เถียนเถียนที่อยู่ข้างๆ พอได้ฟังแล้ว ก็ทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย”หม่ามี๊ ใกล้จะเที่ยงแล้ว มันไม่เช้าแล้วนะ”
เจียงสื้อสื้อหันไปมองเธอ จงใจทำหน้าบึ้ง”เมื่อตะกี้หม่ามี๊ได้ยินลูกบอกว่าหม่ามี๊เป็นหมู”
“ก็หม่ามี๊เป็นหมูนี่นา ใครใช้ให้หม่ามี๊นอนตื่นสายขนาดนี้ล่ะ”
ท่าทางที่มั่นอกมั่นใจของเถียนเถียนทำให้เจียงสื้อสื้อหมดคำพูดที่จะต่อล้อต่อเถียง
เธอยื่นมือออกไปลูบหัวของเถียนเถียน”คารมคมคายดีเหลือเกินนะ”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม กวาดสายตาไปมองเท้าเปล่าของเธออย่างไม่ได้ตั้งใจ คิ้วขมวดอย่างช่วยไม่ได้”ทำไมถึงไม่ใส่รองเท้าแตะ?”
เจียงสื้อสื้อพอได้ฟัง ก็ก้มหน้าลงทันที แลบลิ้นออกมาด้วยความเขินอาย”ฉัน……รีบร้อนไป ก็เลยลืมน่ะ”
“พื้นเย็น ระวังเท้าจะเย็นนะ”แม้ว่าสีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินจะเข้มงวดจริงจัง แต่น้ำเสียงกลับเป็นห่วงเป็นใยอย่างชัดเจน
“ฉันจะไปสวมเดี๋ยวนี้แหละ”
เจียงสื้อสื้อเดินเขย่งเท้ากลับเข้าไปสวมรองเท้าแตะผ้าฝ้ายในห้อง
จิ้นเฟิงเฉินให้เถียนเถียนไปเล่นกับเสี่ยวเป่าที่ห้องของเล่น ก่อนจะตามเข้าไปในห้อง
พอเห็นเขาเข้าไป เจียงสื้อสื้อก็เปิดปากถามขึ้น”เมื่อคืนนอนหลับไหม?”
เธอเป็นห่วงว่าเขาเพิ่งกลับบ้านจะนอนไม่หลับ
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน”ดีมาก ไม่เคยนอนหลับสบายแบบนี้มาก่อน”
เจียงสื้อสื้อปลายคิ้วยกขึ้น”หรือว่าก่อนหน้านี้คุณนอนไม่หลับเลยเหรอ?”
“อยากฟังความจริง?”จิ้นเฟิงเฉินไม่ตอบแต่ถามกลับ
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า”แน่นอนอยู่แล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง”ก็ไม่ใช่ว่านอนไม่ค่อยหลับหรอก ก็แค่หลับไม่ลึก มักจะตื่นมากลางดึกกลางดื่นบ่อยๆ โดยเฉพาะวันที่กลับประเทศ หลังจากที่เจอคุณที่สนามบิน ผมก็แทบจะสะดุ้งตื่นมาเพราะฝันทุกคืน”
“ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?”เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว
“คุณไม่น่ากลัว แต่แค่ทุกคืนมักจะฝันเห็นคุณกำลังร้องไห้ตลอด”
พอพูดถึงเรื่องนี้ ความรู้สึกผิดก็โถมเข้ามาในจิตใจ
จิ้นเฟิงเฉินพูดเบาๆ “ขอโทษ”
“ขอโทษทำไม?”
“เพราะว่าผมลืมคุณ แถมยังไม่ยอมกลับบ้านกับคุณอีก”
จิ้นเฟิงเฉินไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าทุกครั้งที่เขาปฏิเสธ เธอจะรู้สึกเจ็บปวดหัวใจขนาดไหน
“ไม่เป็นไร”เจียงสื้อสื้อส่ายหัว”ตอนนี้คุณก็กลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ? เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ”
เมื่อก่อนเกิดเรื่องอะไรขึ้นมันไม่สำคัญแล้ว ที่สำคัญที่สุดก็คือปัจจุบันและอนาคต
จิ้นเฟิงเข้าไปกอดเธอไว้ในอ้อมกอด น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำดังขึ้นมาบนหัวของเธอ”ผมจะไม่จากคุณและลูกๆ ไปอีกแล้ว จะพยายามฟื้นความจำกลับมาอย่างสุดความสามารถ”
เจียงสื้อสื้อแนบหน้าเข้าไปที่หน้าอกของเขา มุมปากยกโค้งช้าๆ “ฉันเชื่อคุณ”
ทั้งสองคนกอดกันเงียบๆ อยู่สักพัก จู่ๆ เจียงสื้อสื้อก็เปิดปากพูดขึ้น”จริงๆ แล้วมีอีกเรื่องที่ฉันลืมบอกคุณไป”
“เรื่องอะไร?”จิ้นเฟิงเฉินพูดถามขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
“ก็คือ……”เจียงสื้อสื้อผละออกมาจากอ้อมกอดของเขา เงยหน้าขึ้นยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์”ฉันก็คือซูหยุนเอง”
เธอนึกว่าเขาจะแสดงสีหน้าท่าทีตกใจ ใครจะไปรู้ว่าเขากลับมีสีหน้าสงบนิ่ง
เธอขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้”คุณไม่ตกใจแม้แต่นิดเดียวเลยเหรอ?”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มเล็กน้อย”ผมเดาได้แล้ว”
“หา?”เจียงสื้อสื้อประหลาดใจ
จิ้นเฟิงเฉินก้มหน้าลง จูบลงไปที่ริมฝีปากที่อ้าเล็กน้อยของเธอเบาๆ มุมปากยกขึ้น”รสชาติเหมือนกัน”
พอได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเจียงสื้อสื้อก็แดงขึ้นมาทันที
เธอคิดถึงในคืนนั้นตอนที่อยู่ที่ตระกูลซ่างกวน ตัวเองเป็นฝ่ายเข้าไปจูบเขา
“คุณรู้ตั้งแต่ตอนไหน?”เจียงสื้อสื้อกุมหน้าไว้ ถามขึ้นด้วยความเขินอาย
“ไม่รู้”จิ้นเฟิงเฉินตอบกลับ”ผมแค่รู้สึกว่าพวกคุณสองคนทำให้ผมรู้สึกคุ้นเคยเหมือนกัน”
“ถ้าคุณรู้ก่อนแล้วว่าซูหยุนคือฉัน ทำไมต่อจากนั้นตอนที่ฉันกับพ่อแม่ไปหาคุณ คุณถึงไม่ยอมกลับมาที่ตระกูลพวกเราล่ะ?”เจียงสื้อสื้อถาม
จิ้นเฟิงเฉินนิ่งเงียบไปสักพัก ก็เปิดปากพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ “ซ่างกวนหยวนช่วยผมไว้ แถมตอนนั้นผมก็สัญญากับนายท่านหญิงซ่างกวนแล้วด้วยว่าจะดูแลซ่างกวนหยวนอย่างดี ดังนั้นผมก็เลยลังเล”
“ถ้าฉันไม่ได้บอกคุณว่าซ่างกวนหยวนอาจจะเป็นคนวางยา คุณก็จะยังไม่จากตระกูลซ่างกวนมาใช่ไหม?”
“อาจจะเป็นแบบนั้น”จิ้นเฟิงเฉินยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง”รู้สึกว่าผมเป็นคนดื้อดึงใช่ไหม?”
“เปล่า”เจียงสื้อสื้อส่ายหัว”คุณยังคงเป็นจิ้นเฟิงเฉินที่ฉันคุ้นเคยคนนั้นอยู่”
แม้ว่าเมื่อก่อนเขาจะเอาแต่เย็นชา แต่เธอก็รู้ดี ว่าเขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคำมั่นสัญญามาก
ถ้าไม่ใช่เพราะซ่างกวนหยวนหลอกเขา เขาก็ยังคงจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับนายท่านหญิงซ่างกวนต่อไป
จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม”หวังว่าผมจะกลับมาไม่สายไปนะ”
“ไม่สายเลยแม้แต่นิดเดียว”เจียงสื้อสื้อยิ้มกว้าง”จริงๆ ฉันรู้แล้วว่าจะช่วยคุณฟื้นความจำของคุณกลับมายังไง”
“คุณจะทำยังไง?”
“คุณน่าจะจำโม่เหยียกับหานยู่ไม่ได้สินะ”เจียงสื้อสื้อพูดขึ้น”พวกเขาเป็นผู้ช่วยที่เก่งกาจที่สุดของคุณ พวกเขากำลังทำการวิจัยยาที่จะทำให้ความทรงจำของคุณกลับคืนมา”
“ยา?”จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม
“ในเมื่อซ่างกวนหยวนใช้ยาทำให้คุณความจำเสื่อม ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะใช้ยาทำให้ความจำของคุณกลับมา”เจียงสื้อสื้อพูดอธิบาย
“ได้เหรอ?”จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่นิดหน่อย
“ได้อยู่แล้ว คุณต้องเชื่อใจในตัวลูกน้องของคุณ”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มอย่างอมทุกข์”แต่ผมจำพวกเขาไม่ได้แล้ว”
เจียงสื้อสื้อคิดสักพัก ก่อนพูดขึ้น”ตอนบ่ายฉันพาคุณไปเจอพวกเขา พวกเขาเห็นคุณจะต้องดีใจมากแน่ๆ ”
เหมือนกับที่เจียงสื้อสื้อบอก ตอนที่โม่เหยียกับหานยู่เจอคุณชายของพวกเขา ทั้งสองคนก็อึ้งตะลึงไป
นานสองนานกว่าจะดึงสติกลับมา
ทั้งสองคนรีบก้มหัวด้วยเคารพนับถือทันที ก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกัน”คุณชาย”