ตั้งแต่เจียงสื้อสื้อกับเด็กๆ กลับไปที่เมืองจิ่นนั้น ทั้งบ้านใหญ่ตระกูลฟางก็ได้เงียบเหงาไปไม่น้อย
ซ่างหยิงก็ได้พูดบ่นเป็นบางครั้งบางคราวว่า “ช่วงที่สื้อสื้ออยู่ดีกว่ามากเลย”
ตอนนี้ไม่มีคนที่สามารถอยู่เป็นเพื่อนคุยกับเธอแล้ว เธอก็เลยไปที่โรงพยาบาล ไปอยู่เป็นเพื่อนฟางเสว่มั่นบ่อยๆ
วันนี้ ตอนที่เธอกำลังออกจากบ้านนั้น เย่เสี่ยวอี้ก็มา
“คุณป้าค่ะ ขอโทษด้วยนะนะ หนูไม่รู้ว่าคุณป้าจะออกจากบ้าน ไม่อย่างนั้นหนูก็ไม่มาแล้ว” เย่เสี่ยวอี้ก็ได้เห็นเธอที่แต่งตัวเหมือนจะออกไปข้างนอก ก็ได้รีบพูด
ซ่างหยิงหัวเราะแล้วพูด “ไม่เป็นไรจ้ะ หนูมาก็ได้มีคนมาอยู่คุยเป็นเพื่อนป้าพอดี ป้าก็ไม่ต้องออกไปแล้ว”
เย่เสี่ยวอี้ยิ้ม แล้วก็ได้เอาของขวัญที่เอามาด้วยส่งไป “คุณป้าคะ สองวันก่อนหนูไปต่างประเทศมา เห็นว่าผ้าพันคออันนั้นเหมาะกับคุณป้ามากๆ หนูก็เลยซื้อมาเป็นของขวัญให้ท่าน”
“จริงเหรอจ๊ะ?” ซ่างหยิงก็ได้รับมา เปิดมาดู ตาก็ได้เป็นประกายทันที “สวยมากจริงๆ”
“เนื้อบางก็สวมสบายมากๆ นะคะ” เย่เสี่ยวอี้พูด
ความชอบใจของซ่างหยิงก็ได้แสดงบนใบหน้า “ป้าชอบมากๆ แต่ว่าให้หนูต้องเสียเงินแล้ว”
“คุณป้าคะ ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้หรอกค่ะ ต่อไปพวกเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”
พูดซะซ่างหยิงยิ้มปากไม่หุบเลย “ใช่ๆๆ ต่อไปก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”
เธอก็ได้จูงมือเย่เสี่ยวอี้เดินเข้าไปข้างใน “รีบมานั่ง วันนี้ก็อยู่ทานข้าวที่นี่ ยู่เชินก็กลับมา ถึงตอนนั้นให้เขาส่งหนูกลับไป”
“ขอบคุณค่ะคุณป้า” เย่เสี่ยวอี้ก็ได้ยิ้มอย่างเขินอาย
กับว่าที่ลูกสะใภ้นั้น ซ่างหยิงยิ่งดูก็ยิ่งชอบ แทบที่อยากจะให้ลูกชายขอเธอแต่งเข้าบ้านวันนี้เลย
……
ใกล้เวลาเลิกงาน ฟางยู่เชินก็ได้รับสายจากคุณแม่
“ยู่เชิน ลูกจะกลับมาเมื่อไหร่?”
ฟางยู่เชินมองเวลาบนล่างขวาจอคอมสักพัก ตอบกลับไปว่า “น่าจะประมาณทุ่มหนึ่งครับ”
“งั้นลูกเลิกงานแล้วก็ตรงกลับบ้านเลย เข้าใจไหม? ไม่ต้องไปไหนแล้ว!”
ได้ยินคุณแม่พูดแบบนี้ ฟางยู่เชินก็ได้ขำหยอกไปว่า “แม่ครับ แม่กำลังเตรียมอาหารมื้อใหญ่รอรับผมกลับบ้านเหรอ?”
“ไม่เพียงแค่มื้อใหญ่ ยังมีเซอร์ไพรส์รอลูกด้วย”
“เซอร์ไพรส์?” ฟางยู่เชินขมวดคิ้ว
“ยังไงซะลูกกลับมาก็รู้แล้ว”
พูดจบ สายก็ถูกตัดไป
ฟางยู่เชินก็ได้ขำออกมาอยากอดไม่อยู่ ตั้งแต่พวกสื้อสื้อกลับไปนั้น คุณแม่ก็ได้มีอารมณ์ที่หมองหม่นไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด วันนี้ก็ยังเป็นครั้งแรกเลยที่เธอหัวเราะอย่างมีความสุขแบบนี้
จะเป็นเรื่องดีอะไรกันแน่?
อยู่ๆ ในหัวของเขาก็ได้มีความคิดหนึ่งขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าก็ได้แข็งไป
เขาได้ขมวดคิ้ว คงไม่ใช่เพราะเย่เสี่ยวอี้มาที่บ้านแล้วนะ?
เซอร์ไพรส์ที่คุณแม่พูดคงไม่ได้เป็นเย่เสี่ยวอี้?
คิดถึงตรงนี้ เขาก็ได้เอาโทรศัพท์ออกมาแล้วก็โทรไปหาพ่อบ้าน จากการสอบถาม เป็นเย่เสี่ยวอี้จริงๆ ด้วย
พอวางสายไป ฟางยู่เชินก็ได้ถอนหายใจยาวๆ ในใจรู้สึกโชคดีมากๆ
โชคดีที่โทรกลับไปถามให้เรียบร้อยแล้ว ไม่อย่างนั้นรอให้เขากลับบ้าน อยากจะหนีก็ยากแล้ว
บ้านนี่กลับไม่ได้แล้ว
งั้นก็ไปหาเวยเวย
ตอนที่รับสายของฟางยู่เชิน เหลียงซินเวยก็กำลังเตรียมมื้อค่ำพอดี พอได้ยินว่าเขาจะมา ก็ได้รนเล็กน้อย “พี่ทำไมไม่พูดกับฉันก่อนค่ะ ที่บ้านไม่มีกับข้าวแล้ว”
“นี่เธอไม่ต้อนรับผมเหรอ?” ฟางยู่เชินถาม
“เปล่า ก็แค่……”
ฟางยู่เชินหัวเราะเบาๆ ถาม “เธอกับอานอานกินอะไร?”
“มะเขือเทศบะหมี่ไข่ค่ะ” เหลียงซินเวยมองน้ำที่เดือดในหม้อ ก็ได้ตอบไปตรงๆ
“ต้มเผื่อให้ผมชามหนึ่ง ผมเลิกงานแล้วก็ไป”
“แม่ครับ ต้มบะหมี่เสร็จหรือยังครับ?” อานอานวิ่งไปที่ห้องครัว ก็ได้เห็นเหลียงซินเวยวางสายโทรศัพท์พอดี ก็ได้ถามอย่างสงสัย “แม่ครับ แม่คุยโทรศัพท์กับใครเหรอครับ?”
เหลียงซินเวยก็ได้หันไปมองเขา ปากก็ได้ยิ้มอ่อนๆ “เป็นคุณอาฟางของเราค่ะ”
“เขาจะมาเหรอครับ?” อานอานถามต่อ
เหลียงซินเวยพยักหน้า “ค่ะ”
“ดีเลยครับ” พออานอานได้ยินว่าฟางยู่เชินมาจะ ก็ได้ดีใจจนร้องออกมา
“พวกเราต้องรอให้คุณอาฟางมาก่อน ถึงจะทานบะหมี่ได้ ถ้าเราหิวล่ะก็ ทานขนมปังรองท้องไปก่อนได้นะคะ”
“ครับ!”
อานอานก็ได้หันตัววิ่งออกไป
มองแผ่นหลังของเขา รอยยิ้มบนใบหน้าของเหลียงซินเวยก็ได้ค่อยๆ หายไป
ช่วงนี้ ความสัมพันธ์ของเธอกับยู่เชินก็ยังถือว่ามั่นคง แต่ว่าเธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะไม่คิดถึงคำพูดที่ซ่างหยิงพูดพวกนั้น ในใจก็ได้ไม่สงบมากๆ
เธอหลับตาลง สูดหายใจเข้าลึกๆ
หวังว่าวันที่สงบสุขแบบนี้จะสามารถดำเนินต่อไป
……
ใกล้ทุ่งครึ่งแล้ว ก็ไม่เห็นฟางยู่เชินกลับมา
ซ่างหยิงก็ได้รีบโทรไปหาเขา ไม่นานสายก็รับ
“ลูกทำไมยังไม่กลับมา?” ไม่รอให้อีกฝ่ายเปิดปาก ซ่างหยิงก็ได้ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่รีบร้อน
ฟางยู่เชินกำลังขับรถ เขามองไปยังทางข้างหน้า ก็ได้ตอบไปเรียบๆ ว่า “แม่ครับ ขอโทษครับ ผมคงกลับบ้านไปทานข้าวไม่ได้แล้ว มีการประชุมทางไกลพอดี อาจจะกลับไปดึกมากๆ”
“ทำไมบังเอิญขนาดนี้?” ซ่างหยิงก็ได้หันไปมองเย่เสี่ยวอี้ที่นั่งอยู่ที่ห้องรับแขกสักพัก คิ้วขมวดแน่น “ลูกเลื่อนนัดได้ไหม?”
“แม่ครับ นี่มันเป็นการประชุมสัญญากี่พันล้านเลยนะครับ จะเลื่อนนัดออกไปง่ายๆ ได้ยังไง?”
เขาพูดขนาดนี้แล้ว ซ่างหยิงก็ไม่กล้ากดดันเขา พูดแต่ว่า “งั้นลูกก็พยายามกลับมาเร็วหน่อยนะ”
“ครับ”
ซ่างหยิงก็ได้วางสายไป คิดไปสักพัก ถึงได้หันตัวเดินไปที่ห้องรับแขก
“เสี่ยวอี้ พวกเราทานกันก่อนเถอะจ้ะ”
ได้ยินแบบนั้น เย่เสี่ยวอี้ก็ได้ถามด้วยความสงสัยว่า “ยู่เชินล่ะคะ?”
“เขาได้มีประชุมพอดี จะกลับมาดึกหน่อย” ซ่างหยิงก็ได้ยิ้มอย่างทำตัวไม่ถูก “ป้าก็ได้ให้เขารีบกลับมาแล้ว”
ถึงแม้เป็นแบบนั้น เย่เสี่ยวอี้ก็ยังปิดบังความผิดหวังไม่ได้
“คุณป้าคะ ยู่เชินได้หลบหน้าหนูหรือเปล่าคะ?” เย่เสี่ยวอี้ถาม
กลัวว่าเธอจะเสียใจ ซ่างหยิงก็ได้รีบปลอบไปว่า “หนูอย่าคิดมาก เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าหนูมา ต้องไม่ได้หลบหน้าหนูแน่ๆ”
“จริงเหรอคะ?” เย่เสี่ยวอี้ก็ได้เม้มปาก บ่นออกไปเสียงเบาว่า “ใครจะรู้ว่าเขากำลังประชุมจริงหรือเปล่า”
ซ่างหยิงได้ยิน ก็ได้พูด “ป้าโทรไปถามส้งหยาว ก็รู้แล้วว่ามีประชุมไหม”
พูดไป เธอก็ได้เอาโทรศัพท์ออกมาจะโทรไปหาส้งหยาว
“คุณป้าคะ ไม่ต้องโทรแล้วค่ะ” เย่เสี่ยวอี้ก็ได้พูดห้ามเธอ “ส้งหยาวเป็นผู้ช่วยของยู่เชิน ต้องช่วยยู่เชินอยู่แล้ว จะไปพูดความจริงกับคุณป้าได้ยังไงคะ?”
ซ่างหยิงขมวดคิ้ว “หนูมั่นใจว่ายู่เชินโกหกอยู่เหรอ?”
“คุณป้าคะ แน่นอนหนูไม่หวังว่ายู่เชินจะพูดโกหก แต่ว่าเขาไม่ได้ชอบหนูมาตลอด อาจเป็นเพราะว่ารู้ว่าหนูมาอยู่ก่อนแล้ว เพราะงั้นก็กำลังหลบหน้าหนูเท่านั้น”
พูดถึงตรงนี้ เย่เสี่ยวอี้ก็ได้หัวเราะอย่างสมเพชตัวเองสักพัก “หนูก็ยังรู้ว่าตัวเองมีกำลังเท่าไหร่อยู่”
เห็นท่าทางที่ผิดหวังของเธอ ซ่างหยิงก็ได้ปวดใจทันที “เสี่ยวอี้ ยู่เชินเขาก็แค่สนใจแต่เรื่องงาน เลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่สนใจเรื่องความรู้สึก”
เย่เสี่ยวอี้ก็ได้เงียบไปไม่กี่วิ ถึงได้ถามไปว่า “งั้นเหลียงซินเวยล่ะ?”
พอพูดถึงเหลียงซินเวย ใบหน้าที่ได้มีรอยยิ้มของซ่างหยิงก็ได้หายไปทันที “นั่นก็แค่ยู่เชินอยากเล่นสนุกเท่านั้น ไม่ได้เป็นตัวจริงแน่”
“คุณป้าคะ คุณป้าเคยคิดไหมว่ายู่เชินได้ไปหาเหลียงซินเวยแล้ว?”
ซ่างหยิงก็ได้ขมวดคิ้วแน่น หน้าก็ได้เคร่งเครียดไปทันที
ลูกชายของเธอ หรือว่ากำลังโกหกเธออยู่เหรอ?