เมื่อได้รับสายจากเจียงสื้อสื้อ โม่เหยียและหานยู่ก็ได้ไปที่บ้านของตระกูลจิ้น
“คุณท่าน นายหญิง คุณชาย คุณหญิง” พวกเขากล่าวทักทายอย่างเคารพทีละคน
แม่จิ้นยิ้มก่อนจะพูดว่า “ต่อไปนี้ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นก็ได้ ทำเหมือนว่าอยู่บ้านของตัวเอง”
“ขอบคุณนายหญิง”
โม่เหยียยิ้มให้เธอ ก่อนจะหันไปมองทางจิ้นเฟิงเฉิน “คุณชาย ผมกับหานยู่ได้วิจัยยาตัวใหม่มา ซึ่งจะได้ผลมากกว่ายาตัวที่แล้วเยอะมาก”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เจียงสื้อสื้อนึกถึงผลข้างเคียงของยาตัวก่อน และอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเป็นห่วงว่า “คราวนี้จะมีผลข้างเคียงหรือไม่?”
“คุณหญิง ครั้งนี้วางใจได้เลย ยาตัวนี้เราได้ทดสอบมาหลายครั้งแล้วก่อนที่จะตัดสินใจมาใช้กับคุณชาย” หานยู่พูดอธิบาย
“งั้นก็ดี” เจียงสื้อสื้อโล่งอก
ถ้าเกิดว่ามีผลข้างเคียงเหมือนกับครั้งก่อน งั้นเธอยอมให้จิ้นเฟิงเฉินความจำเสื่อมตลอดไป แต่ก็จะไม่ยอมให้เขาได้ลองใช้ยาอีก
คำพูดต่อมาของหานยู่ ทำให้จิตใจของเจียงสื้อสื้อที่วางใจไปแล้วกลับมาเป็นกังวลอีกครั้ง “หานยู่ ช่วยพูดให้จบภายในครั้งเดียวได้ไหม?”
“คุณหญิง ไม่ต้องกังวลไป ผลข้างเคียงที่ผมหมายถึงก็คือ ทำให้ปากแห้ง ง่วงนอน ส่วนผลข้างเคียงอื่นๆไม่มี”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง” จิตใจของเจียงสื้อสื้อกลับมาเป็นแบบเดิมอีกครั้ง เธอกุมมือของจิ้นเฟิงเฉินไว้ ก่อนจะพูดด้วยเสียงเบาๆ “ถ้าคุณไม่อยากจะทานก็ไม่เป็นอะไร การรักษาสภาพที่เป็นอยู่ก็ไม่เลวแล้ว”
“ไม่ ผมจะทาน” จิ้นเฟิงเฉินยิ้มอย่างมีเลศนัย และแววตาที่มองไปทางเธอก็ดูลึกซึ้งมากขึ้น “ผมไม่อยากรักษาสภาพตอนนี้ไว้ ผมอยากจำเรื่องทุกอย่างให้ได้ โดยเฉพาะความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับคุณทั้งหมด”
“เฟิงเฉิน”
เธอรู้สึกซาบซึ้งมาก ดวงตาของเจียงสื้อสื้อแดงก่ำ ก่อนที่ริมฝีปากจะยกยิ้ม “อืม งั้นก็ทาน ถึงแม้ว่าคุณจะไม่สามารถรื้อฟื้นความทรงจำได้ แค่คำพูดของคุณมันก็เพียงพอแล้ว”
โม่เหยียเอายาวางไว้บนมือของจิ้นเฟิงเฉิน เขาทานเข้าไปทันที
แม่จิ้นสูดลมหายใจเข้า “ตอนนี้ก็รอให้ยาออกฤทธิ์”
ถึงแม้ว่าลูกชายจะกลับมาอยู่ข้างกายแล้ว แต่เธอก็ยังหวังให้เขารื้อฟื้นความทรงจำได้
“รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” เจียงสื้อสื้อมองไปทางจิ้นเฟิงเฉินด้วยความกังวล
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มออกมาอย่างทำอะไรไม่ได้ “เพิ่งจะทานยาเอง มันจะเห็นผลได้เร็วขนาดนั้นได้ยังไง?”
“ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ ยาถึงจะออกฤทธิ์?” เจียงสื้อสื้อหันไปถามโม่เหยียและหานยู่
โม่เหยียขมวดคิ้ว “ถ้าเร็วก็ประมาณ 1-2 ชั่วโมงจะมีปฏิกิริยาเล็กน้อย ถ้าเกิดว่าช้าน่าจะใช้เวลาประมาณครึ่งวัน”
“นานขนาดนั้นเลยเหรอ?” เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว
“นอกจากนี้ จำเป็นต้องใช้ยาทุกวัน มันไม่สามารถใช้แค่ครั้งเดียวก็จะเห็นผลได้เลย” โม่เหยียพูดต่อ
“ทุกวัน?” เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วมากกว่าเดิม “ต้องทานนานแค่ไหน?”
“หนึ่งสัปดาห์ก่อนครับ ดูว่าผลลัพธ์เป็นยังไง จากนั้นค่อยตัดสินใจต่อครับ” หานยู่ตอบตามความจริง
“หนึ่งสัปดาห์? นานไปไหม?”
เพราะมันมีผลข้างเคียง เจียงสื้อสื้อกังวลว่าถ้าทานมากไปมันจะเกิดผลเสียต่อร่างกายของจิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินเข้าใจความคิดของเธอ เขากำมือเธอแน่น ก่อนจะพูดปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ต้องกังวล โม่เหยียบอกว่ามีผลข้างเคียงแค่ปากแห้ง ง่วงนอนเท่านั้นเอง ไม่เป็นอะไรหรอก”
“แต่ว่า…” เจียงสื้อสื้อยังคงไม่วางใจ
ในเวลานั้น แน่จิ้นก็พูดขึ้นมา “สื้อสื้อ ในเมื่ออยากให้เฟิงเฉินรื้อฟื้นความทรงจำ งั้นก็วางใจเธอ เชื่อมั่นในโม่เหยียและหานยู่”
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ น่าจะผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าๆ จิ้นเฟิงเฉินเริ่มหาว แล้วเขาก็รู้สึกว่าหนังตามันหนักขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเห็นแบบนั้น โม่เหยียและหานยู่ก็มองหน้ากัน
น่าจะเป็นผลข้างเคียงของยา
“คุณชาย ถ้ารู้สึกว่าง่วง ก็ขึ้นไปพักผ่อนเถอะครับ” โม่เหยียพูด
“เฟิงเฉิน ขึ้นไปพักผ่อนด้านบนเถอะ” เจียงสื้อสื้อพูด
“อืม”
เจียงสื้อสื้อพยุงจิ้นเฟิงเฉินขึ้นไปข้างบน
เมื่อไปถึงห้อง จิ้นเฟิงเฉินก็ขึ้นเตียงและนอนหลับไป
เจียงสื้อสื้อห่มผ้าให้กับเขา ก่อนจะมองดูท่าทีที่นอนหลับสนิทของเขา จากนั้นเธอก็ยิ้ม ในแววตาของเธอเต็มไปด้วยความอบอุ่น
เพียงแต่ว่า ในการนอนครั้งนั้น จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้หลับสบายมากนัก
เขาเป็นฝันถึงความฝันที่มันยาวนานและวุ่นวาย
ทันใดนั้น เขาก็ลืมตาขึ้น
สายตาเขามองเห็นเพดานที่คุ้นเคย และไฟที่คุ้นเคย
เจียงสื้อสื้อเปิดประตูเข้ามา เธอเข้ามาดูว่าจิ้นเฟิงเฉินหลับเป็นยังไงบ้าง
ใครจะไปคิดว่าแค่เดินเข้ามา ก็เห็นว่าเขาตื่นนอนแล้ว เธอถามด้วยความเป็นห่วง “เฟิงเฉิน รู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม?”
จิ้นเฟิงเฉินหันหน้าไป เขาก็ก็ได้เห็นใบหน้าที่งดงาม ก่อนที่ริมฝีปากเขาจะค่อยๆ ยกยิ้มขึ้น “ผมไม่เป็นอะไร”
เขานั่งลง และขมวดคิ้ว “สื้อสื้อ เหมือนกับว่าผมจำบางอย่างขึ้นมาได้”
“หา?” เจียงสื้อสื้อตกใจ ก่อนจะได้สติทันที จากนั้นเธอก็ถามด้วยความดีใจ “จำอะไรได้เหรอ?”
จิ้นเฟิงเฉินนึกถึงความฝันของตัวเอง ก่อนจะค่อยๆ พูดออกมา “ในห้องนี้ ผมกอดคุณไว้ แล้วก็พูดว่า “ผมรักคุณ” ”
“ใช่ไหม?” จิ้นเฟิงเฉินหันไปมองเจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อยิ้ม ในขณะที่ยิ้มน้ำตาเธอก็ค่อยๆ ไหลลงมา ก่อนที่เธอจะพยักหน้าแรงๆ “อืม”
เมื่อได้รับคำตอบที่มั่นใจ สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินก็ดูผ่อนคลายมากขึ้น “ดูแล้ว ยาตัวนี้น่าจะได้ผลจริงๆ”
“แล้วคุณยังจำอะไรได้อีกไหม?”
“ผมยังจำได้ว่า…” จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว เขาตั้งใจนึก “ผมยังจำได้ว่าผมเคยพูดว่าผมจะไม่แยกจากกับคุณไปตลอดชีวิต เรายังจำได้ว่าผมเคยพูดว่าจะดูแลคุณ รักคุณไปตลอดชีวิต ยังจำได้ว่า…”
เจียงสื้อสื้อเอามือปิดปากไว้ เธอไม่กล้าร้องไห้เสียงดัง
เขาจำได้แล้วจริงๆ
และที่สำคัญสิ่งที่เขาจำได้ก็คือคำมั่นสัญญาทั้งหมดที่มีต่อเธอ
เขาพูดเยอะมาก ทั้งหมดเกี่ยวกับคำมั่นสัญญาที่มีต่อเธอ…
แต่นอกจากนี้ เรื่องอื่นๆ เขาก็จำอะไรไม่ได้เลย
เจียงสื้อสื้อกลัวว่าเขาจะกดดัน ก็เลยพูดปลอบโยนเขา “ยาตัวนี้แค่ถามไปวันเดียวก็เห็นผลขนาดนี้แล้ว ดีจังเลย”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม “สามารถจำเรื่องที่เกี่ยวกับคุณได้ ผมดีใจจริงๆ แต่ผมอยากจะจำให้ได้มากกว่านี้”
“ฉันรู้ ฉันรู้ว่าคุณจะต้องจำเรื่องทุกอย่างได้แน่นอน”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม และก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
เจียงสื้อสื้อรีบลงมาข้างล่าง และเอาข่าวที่บอกกับพ่อจิ้นแม่จิ้น
หลังจากที่ได้ยิน แม่จิ้นก็ตื่นเต้นมาก “จริงเหรอ!”
“คุณจริง จริงแน่นอนค่ะ” เจียงสื้อสื้อเม้มปาก “แต่ว่าเขาจำได้แค่เรื่องบางเรื่องของหนู ส่วนเรื่องอื่นๆเขายังจำไม่ได้”
แม่จิ้นไม่ได้ใส่ใจมากนัก “ไม่เป็นไร จำเรื่องของหนูได้ก่อนมันก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว ส่วนอย่างอื่นค่อยเป็นค่อยไปแล้วกัน”
ตอนนี้เมื่อเห็นผลลัพธ์ของยา พวกเขาต่างก็มั่นใจว่าจิ้นเฟิงเฉินจะสามารถรื้อฟื้นความทรงจำได้ทั้งหมด