“รอ? ต้องรอถึงตอนไหนล่ะ?” แม่จิ้นก็ได้ถอนหายใจ “แม่กับพ่อของหนูยังโอเค แต่ว่าหนู”
พ่อจิ้นแม่จิ้นสงสารเจียงสื้อสื้อที่สุด
เจียงสื้อสื้อก็ได้ยิ้มอ่อนๆ “พ่อคะ แม่คะ พวกท่านไม่ต้องกังวลค่ะ หนูไม่เป็นไรค่ะ”
“ไม่ได้ พวกเราต้องคิดหาวิธีพาเฟิงเฉินกลับบ้าน” แม่จิ้นไม่อยากที่จะให้มันยืดเยื้อต่อไป เธอกลัวว่าถึงตอนนั้นลูกชายคนโตต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นแน่
“แม่ครับ คิดหาวิธีก็ต้องกลับไปคิดนะครับ” จิ้นเฟิงเหราพูด
“ได้ พวกเรากลับไปคิด”
แม่จิ้นก็ได้เดินไปที่รถก่อน เจียงสื้อสื้อได้เดินไปแล้วก็หันกลับไปมองชั้นสองของคฤหาสน์ไป
ระเบียงห้องที่จิ้นเฟิงเฉินนอน ตอนนี้ไม่มีเงาคนแม้แต่คนเดียว
ในใจก็ได้ผิดหวัง
เธอได้หันกลับไป ขึ้นรถ
ตอนที่รถได้ขับเคลื่อนออกไปนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ปรากฏตัวที่ระเบียง
เขาก็ได้มองรถที่ขับออกไป จนกระทั่งมองไม่เห็น แต่ก็ยังมองไปทางที่รถได้ขับออกไปอยู่ ไม่กลับเข้าห้องอยู่นาน
……
พอฟางยู่เชินได้ส่งพวกเจียงสื้อสื้อไปที่บ้านใหญ่ตระกูลฟางเสร็จ ก็ได้ตรงไปที่บริษัท
ส้งหวั่นชีงเห็นว่าพวกเขาเข้ามา ก็ได้มองไปยังข้างหลังของพวกเขา ก็ได้ถามด้วยความสงสัย “พี่ใหญ่ล่ะคะ?”
“ยังอยู่ที่บ้านตระกูลซ่างกวน” จิ้นเฟิงเหราก็ได้เดินไปอุ้มลูกที่อยู่ในอ้อมอกของเธอ
“ทำไมไม่พาพี่ใหญ่กลับมา?” ส้งหวั่นชีงก็ได้มองไปทางเจียงสื้อสื้อ สีหน้าก็ได้เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“เขาไม่ยอมกลับมา” เจียงสื้อสื้อก็ได้หัวเราะขำตัวเอง “ที่เขาแคร์ตอนนี้คือบุญคุณที่ซ่างกวนหยวนมีให้เขา ไม่ใช่ฉัน”
“พี่สะใภ้” ส้งหวั่นชีงก็ได้สงสารเธอเล็กน้อย
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้าเบาๆ “ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก”
ถึงแม้เธอพูดแบบนั้น แต่ว่าส้งหวั่นชีงก็ยังเดินไปกอดเธอ “ไม่นานพี่ใหญ่ต้องกลับมาหาพี่แน่ๆ”
ได้ยินคำปลอบใจของส้งหวั่นชีง ตาของเจียงสื้อสื้อก็ได้แดงอย่างควบคุมไม่ได้ ก็ได้มีน้ำตาคลอบางๆ
ไม่นานนี่มันเมื่อไหร่กันแน่?
ที่จริงในใจของเธอก็ไม่มั่นใจ แต่ว่ามีความหวังดีกว่าไม่มี
เจียงสื้อสื้อก็ได้เม้มปาก แล้วก็ได้บังคับให้น้ำตาของตัวเองนั้นกลับเข้าไป ก็ได้ฝืนยิ้มออกมา พูด “ขอบใจนะ หวั่นชีง”
“พี่สะใภ้ ถ้าเกิดมีเรื่องอะไรต้องการให้เฟิงเหราช่วย พี่ก็สั่งเขาไปเลย” ส้งหวั่นชีงพูด
“ได้” เจียงสื้อสื้อพยักหน้า
บอกว่ากลับบ้านคิดหาวิธี แต่ว่าทุกคนได้คิดไปคิดมา ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีไม่ได้เลย
“พ่อคะ แม่คะ พวกเราต้องเชื่อใจเฟิงเฉิน เขาไม่มีทางที่จะลืมพวกเราไปจริงๆหรอกค่ะ”
เจียงสื้อสื้อคิด ความหวังเดียวในตอนนี้คือการที่เฟิงเฉินฟื้นความจำขึ้นมาเอง
พ่อจิ้นก็ได้พยักหน้าเห็นด้วย “ที่สื้อสื้อพูดก็ถูก เฟิงเฉินเป็นความภูมิใจของตระกูลจิ้น เป็นลูกชายที่ดีของพวกเรา และก็เป็นสามีที่ดีของสื้อสื้อ พ่อที่ดีของเสี่ยวเป่าเถียนเถียน เขาไม่มีทางลืมทุกคนหรอก”
“แต่ว่าตอนนี้เขาได้ลืมไปแล้วนี่นา” แม่จิ้นก็ได้ถอนหายใจ “ต้องพึ่งตัวเองในการฟื้นความทรงจำ ต้องรออีกนานเท่าไหร่?”
อยู่ๆ เจียงสื้อสื้อก็คิดอะไรขึ้นมาได้ สายตาเป็นประกาย “จริงด้วย การที่เฟิงเฉินสูญเสียความทรงจำเป็นสิ่งที่คนจงใจทำ เป็นซ่างกวนหยวนที่ใช้ยา”
จิ้นเฟิงเหราก็ได้เข้าใจในสิ่งที่เธอสื่อทันที “พี่อยากที่จะให้พวกเราก็ใช้ยาในการให้พี่ชายผมฟื้นความทรงจำ ใช่ไหม?”
เจียงสื้อสื้อก็ได้รีบพยักหน้า “ใช่ ฉันหมายความแบบนั้นแหละ”
“นี่มันทำได้จริงเหรอ?” ส้งหวั่นชีงถามด้วยความสงสัย
ถึงแม้การความสูญเสียความทรงจำมันเกี่ยวกับยา แต่ว่าการฟื้นความทรงจำเกรงว่าไม่ง่ายขนาดนั้น
“นี่ก็ไม่ชัดเจน จำเป็นต้องไปถามพวกโม่เหยียกับหานยู่” เจียงสื้อสื้อพูด
จิ้นเฟิงเหราพยักหน้า “ได้ ผมจะไปถามพวกโม่เหยียเดี๋ยวนี้”
พูดจบ เขาก็ได้เอาโทรศัพท์ออกมาเดินไปข้างๆโทรหาโม่เหยีย
เจียงสื้อสื้อก็ได้กุมมือของแม่จิ้น พูดปลอบไปว่า “แม่ค่ะ แม่ไม่ต้องคิดมากนะคะ พวกเราต้องคิดทางวิธีได้แน่”
แม่จิ้นก็ได้ตบมือของเธอเบาๆ “วางใจเถอะ แม่ไม่คิดมากแน่”
เจียงสื้อสื้อยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรต่อ
และอีกด้าน จิ้นเฟิงเหราก็ได้โทรคุยกับโม่เหยียเสร็จ หันตัวแล้วเดินมา “พี่สะใภ้ โม่เหยียพูดว่าพวกเขาสามารถลองดูได้”
ไหนๆ โม่เหยียก็พูดว่าจะลองดูแล้ว งั้นก็เท่ากับว่ามีวิธีอยู่
เจียงสื้อสื้อก็ได้โล่งอก “เยี่ยมไปเลย”
“งั้นพวกเราก็รอข่าวดีจากโม่เหยียกันเถอะ” จิ้นเฟิงเหราพูด
“ได้” เจียงสื้อสื้อพยักหน้า
……
ฟางยู่เชินถึงบริษัท ก็ได้ตรงไปขึ้นลิฟต์ที่ลานจอดรถ ไปถึงชั้นที่มีห้องทำงานของตัวเองอยู่
พอส้งหยาวเห็นว่าเขามา ก็ได้รีบเข้าไปหา สีหน้าได้แตกตื่นเล็กน้อย “ท่านประธานฟาง คุณหนูเย่มาอีกแล้วครับ”
ได้ยินแบบนั้น ฟางยู่เชินขมวดคิ้ว “อยู่ไหน?”
“อยู่ที่ห้องทำงานของคุณครับ”
ฟางยู่เชินมองไปทางประตูห้องทำงานที่ปิดอยู่ของตน คิ้วก็ได้ขมวด พูด “เลื่อนนัดวันนี้ไปก่อนทั้งหมด เรื่องอื่นที่มันสำคัญ โทรศัพท์มาหาฉัน”
พูดจบ เขาก็ได้หันหลังเดินออกไป
ส้งหยาวก็ได้รีบตามไป “ท่านประธานครับ นี่คุณจะโดดงานเหรอ?”
ฟางยู่เชินก็ได้หรี่ตามองเขาสักพัก ไม่ได้พูดอะไร
“คุณจะโยนคุณหนูเย่ให้ผมไม่ได้นะครับ?” พอส้งหยาวคิดว่าตัวเองต้องรับมือกับเย่เสี่ยวอี้ ก็ได้สั่นอย่างควบคุมไม่ได้
คุณหนูตระกูลเศรษฐีแบบนั้น เขาไม่กล้ามีเรื่อง
“นายเป็นผู้ช่วยฉันไม่ใช่เหรอ?” ฟางยู่เชินไม่ตอบแต่กลับถามกลับ
“ผมเป็นผู้ช่วยของคุณก็จริง แต่ว่าผมรับผิดชอบเรื่องงานของคุณ ไม่ได้รับผิดชอบเรื่องส่วนตัวนะครับ”
ที่ส้งหยาวพูดก็มีเหตุผล ฟางยู่เชินเลิกคิ้วไปสักพัก “งั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ก็รับผิดชอบจัดการเรื่องส่วนตัวของฉัน”
พูดจบ เขาก็ได้ก้าวไปในลิฟต์
ส้งหยาวก็ได้ตามเข้าไป แต่ว่าได้ถูกเขาขวางไว้
“ท่านประธานครับ คุณจะใจร้ายแบบนี้ไม่ได้นะครับ” ส้งหยาวมองเขาแบบอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
ฟางยู่เชินยิ้มมุมปาก “รบกวนนายด้วยนะ ผู้ช่วยที่มีความสามารถของฉัน”
พูดจบ เขาก็ได้กดปุ่มปิดประตูลิฟต์ ใบหน้าที่ใกล้จะร้องไห้ของส้งหยาวก็ได้ถูกกั้นอยู่นอกประตู
ลิฟต์ได้ลงไป ฟางยู่เชินก็ได้ค่อยๆ ถอนหายใจ โชคดีที่ส้งหยาวมารายงานเขาทัน ไม่อย่างนั้นให้เย่เสี่ยวอี้เห็นตัวเองเข้า ต้องยุ่งยากแน่ๆ
แต่ว่าไม่ทำงาน แล้วไปไหนดีล่ะ?
ทางร้านได้รับงานจัดอาหารบุฟเฟ่ต์มา เหลียงซินเวยได้ถูกจัดให้ไปทำงานจัดอาหาร ก็ได้ยุ่ง โทรศัพท์ในกระเป๋าดัง ก็ไม่มีเวลารับ
จนกระทั่งงานเตรียมการได้ทำเสร็จหมดแล้ว เธอถึงได้เดินไปที่มุม เอาโทรศัพท์ออกมา
มีสายที่ไม่ได้รับหลายสาย เป็นฟางยู่เชินโทรมาทั้งหมด
เธอก็ได้รีบโทรกลับไป ไม่นานสายก็ได้ถูกรับ เสียงที่ดูร้อนรนของฟางยู่เชินก็ได้ส่งมา
“เธอทำไมไม่รับสาย?”
ฟางยู่เชินร้อนใจจริงๆ ไม่รับสายตลอดก็คิดว่าได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ
รู้ว่าเขาเป็นห่วงตนอยู่ ในใจของเหลียงซินเวยก็ได้มีความอบอุ่นส่งมา ตอบกลับเสียงเบาว่า “ทางร้านอาหารได้รับงานจัดอาหารบุฟเฟ่ต์มา เมื่อกี้ฉันยุ่งอยู่ค่ะ”
ได้ยินแบบนั้น ฟางยู่เชินก็ได้โล่งอก ถาม “ต้องการให้ฉันช่วยไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เหลียงซินเวยก็ได้รีบปฏิเสธ เธอจะไปกล้าให้ประธานบริษัทมาทำงานออกแรงได้ยังไง?
“ฉันใกล้ถึงแล้ว เธออยู่ที่ไหน ฉันไปหาเธอ”
เหลียงซินเวยถามอย่างประหลาดใจ “พี่ไม่ต้องทำงานเหรอ?”
“คิดถึงเธอแล้ว”
เสียงที่ต่ำก็ได้ส่งมาที่หู เหลียงซินเวยรู้สึกว่าทั้งตัวได้รู้สึกชาๆ เธอกัดริมฝีปาก “ฉันก็คิดถึงพี่”
ปลายสายก็ได้ส่งเสียงหัวเราะอารมณ์ดีของฟางยู่เชินมา “รอฉันอยู่กับที่”
พูดจบ ก็ได้วางสายไป
ปากของเหลียงซินเวยก็ได้ยิ้มอย่างควบคุมไม่อยู่