ตอนที่เจียงสื้อสื้อได้รับข่าวนั้น เธอก็รีบตามไปทันที
ตอนที่เธอไปถึง รถพยาบาลก็มาถึงพอดี
“แม่” เจียงสื้อสื้อพุ่งเข้าไป เห็นว่าแม่ของตัวเองนอนอยู่บนเตียงเข็น ตาสองข้างปิดสนิท ใบหน้าที่ซีดเซียวแทบไม่มีสีเลือด ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะว่าหน้าอกยังขยับเขยื้อนอยู่ คนอื่นคงจะคิดว่าเธอไม่มีลมหายใจเราจริงๆ
“เกิดอะไรขึ้นกับแม่ของฉันกันแน่?”เจียงสื้อสื้อเงยหน้ามองจิ้นเฟิงเฉิน
“หมดสติไป ส่วนอาการอย่างละเอียดต้องให้หมอตรวจเช็คร่างกายก่อนถึงจะรู้แน่ชัด”
จิ้นเฟิงเฉินเดินเข้ามาแล้วก็โอบไหล่เธอไว้ พร้อมกับปลอบใจด้วยเสียงที่อ่อนโยน “ไม่ต้องเป็นห่วงนะ แม่จะต้องไม่เป็นอะไร”
เพราะเห็นว่าแม่ถูกเข็นขึ้นไปบนรถพยาบาล เจียงสื้อสื้อก็รีบตามขึ้นไปในทันที เธอนั่งอยู่ด้านข้าง แล้วก็บีบมือแม่เอาไว้แน่น “แม่ แม่ห้ามเป็นอะไรเด็ดขาดนะ……”
มีคลื่นหมอกเต็มดวงตาของเธอ น้ำตาไหลนองเต็มหน้า ในใจเธอเต็มไปด้วยความโทษตัวเอง
ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะว่าเธอ แม่ก็จะไม่โดนยัยผู้หญิงบ้าอย่างซ่างกวนหยวนจับตัวมา และก็คงจะไม่หมดสติไป
เพราะคิดแบบนี้ สีหน้าของเธอก็ดูมืดมนลง
ซ่างกวนหยวนอยากจะพุ่งเป้าหมายมาที่เธอ เธอก็ไม่สนใจ
แต่ว่าเธอกลับลงมือกับคนข้างตัวของเธอ ช่วงนี้เธอไม่มีทางปล่อยไปแน่
……
พอเห็นรถพยาบาลขับไปไกลแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็หันไปพูดกับอิ้งเทียน “เฝ้าสถานที่นี้ไว้ให้ดี ทำให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปเด็ดขาด”
อิ้งเทียนพยักหน้าด้วยความเคารพ “ครับ”
หลังจากสั่งเสร็จ จิ้นเฟิงเฉินก็ขึ้นรถแล้วออกไปจากตรงนั้น
อิ้งเทียนให้คนกั้นเชือกรอบบ้าน ทีมรื้อถอนเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งเข้ามา แล้วก็เอ่ยปากถาม “นี่พวกคุณทำอะไรกัน?”
“มีคนถูกขังไว้ที่ห้องใต้ดิน พวกเราเพิ่งช่วยออกมาได้” อิ้งเทียนตอบเรียบง่าย
“ถูกขังไว้ในห้องใต้ดินอย่างนั้นเหรอ? ” ทีมรื้อถอนหลายคนมีสีหน้าตกใจ
อิ้งเทียนตอบว่า “อืม” แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
คนงาน 2-3 คนก็พูดคุยกัน
“พระเจ้า ถ้าเกิดว่าเรารื้อถอนบ้านหลังนี้เมื่อวานนี้ คนคนนั้นก็จะถูกฝังทั้งเป็นเลยใช่ไหม?”
“โชคดีที่เมื่อวานพวกเราไปรื้อถอนบ้านหลังอื่น ไม่อย่างนั้นเราแย่แน่”
……
คนพวกนั้นดูหวาดกลัว
อิ้งเทียนได้ยินดังนั้น ก็หันไปมองพวกเขา “ผมเห็นว่ารอบๆ นี้บ้านหลังอื่นถูกทำลายไปแล้ว แล้วทำไมบ้านหลังนี้ถึงยังอยู่ดีล่ะครับ?”
เมื่อเขามาถึงสถานที่รื้อถอนนี้ เขาพบว่าแม้บ้านจะไม่ได้รื้อถอนจนหมด แต่หน้าต่างและประตูแทบทุกบานก็ถูกรื้อถอน
แต่ว่ามีเพียงหลังเดียวที่ยังอยู่ครบ
“เดิมทีพวกเราก็อยากจะรื้อถอน แต่ว่าผู้จัดการเคยบอกว่าบ้านหลังนี้อย่าเพิ่งไปแตะมัน ดังนั้นพวกเราก็เลยปล่อยไว้”
อิ้งเทียนสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง แล้วก็ถามว่า “ผู้จัดการของพวกคุณอยู่ที่ไหน?”
“อยู่ตรงนั้นครับ”
คนงานชี้ไปยังบ้านสำเร็จรูปที่อยู่ไม่ไกล
“ขอบคุณครับ”
อิ้งเทียนเอ่ยขอบคุณ แล้วก็เดินเข้าไปที่บ้านสำเร็จรูปหลังนั้น
……
ฟางเสว่มั่นถูกส่งตัวเข้าไปที่ห้องฉุกเฉิน เจียงสื้อสื้อก็ทำได้เพียงนั่งรออยู่ด้านนอก
เธอเดินกลับไปกลับมาอยู่หน้าประตู มือทั้งสองกำแน่นด้วยความอึดอัด รู้สึกหมดหนทางจนถึงที่สุด
“คุณผู้หญิง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก คนในครอบครัวของคุณจะต้องไม่เป็นอะไร” สาวแก่ที่อยู่ด้านข้างเห็นสถานการณ์ ก็อดไม่ได้ที่จะปลอบใจเธอ
เจียงสื้อสื้อพยักหน้าให้กับเธอ “ขอบคุณนะคะ”
ผ่านไป 20 นาทีแล้ว ประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออก แล้วหมอก็เดินออกมา
“คุณหมอ แม่ฉันเป็นยังไงบ้างคะ?”เจียงสื้อสื้อรีบเข้าไปในทันที
หมอถอดหน้ากากออกและพูดว่า “แม่ของคุณหมดสติไปเพราะน้ำตาลในเลือดต่ำ บนร่างกายมีรอยฟกช้ำเล็กน้อย ส่วนอย่างอื่นก็โอเคอยู่ครับ”
พอได้ยินดังนั้น หัวใจของเจียงสื้อสื้อก็คลายกังวลลงในทันที “ฉันเข้าไปเยี่ยมแม่ได้ไหมคะ?”
“เดี๋ยวพยาบาลจะพาเธอไปที่ห้องพักผู้ป่วยครับ”
“ขอบคุณนะคะคุณหมอ”
ผ่านไปครู่หนึ่ง ฟางเสว่มั่นก็ถูกพยาบาลเข็นออกมา เจียงสื้อสื้อก็รีบตามเข้าไปในทันที
พอจิ้นเฟิงเฉินมาถึงโรงพยาบาล ก็ตรงไปที่ห้องพักผู้ป่วยเลย
พอเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย แค่มองก็เห็นร่างที่ผอมบางนั่งอยู่ข้างๆ เตียงผู้ป่วย
เขาเดินเข้าไป แล้วก็วางมือไว้บนไหล่เธอเบาๆ
เจียงสื้อสื้อหันหน้ามา พอเห็นเขาเธอก็พยายามฝืนยิ้มออกมา “มาแล้วเหรอ”
“แม่เป็นยังไงบ้าง?”จิ้นเฟิงเฉินมองฟางเสว่มั่น
“คุณหมอบอกว่าแม่เป็นลมไปเพราะน้ำตาลในเลือดต่ำ ไม่มีอะไรร้ายแรง”
ถึงจะพูดแบบนี้ แต่ว่าเจียงสื้อสื้อก็ยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่ดี
ถึงอย่างไรก็ตาม สุขภาพของแม่ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ
“คุณเหนื่อยไหม?”จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยปากถามเบาๆ
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า “ฉันไม่เหนื่อย ตอนนี้ฉันแค่อยากเฝ้าแม่ของฉันให้ดีเท่านั้น”
“เดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อน”
“คุณไม่ได้มีเรื่องให้ต้องจัดการต่อเหรอ?”เจียงสื้อสื้อมองเขา แล้วก็ถามด้วยความสงสัย
จิ้นเฟิงเฉินลูบผมของเธอ “ไม่มีอะไรสำคัญกว่าคุณหรอก”
เจียงสื้อสื้อรู้สึกซาบซึ้งเต็มหัวใจ เธอพิงเขาแล้วก็พูดเบาๆ “ที่จริงคุณไปจัดการธุระของคุณก็ได้นะ ฉันอยู่คนเดียวได้”
“ไม่เป็นไร รอให้แม่ฟื้นขึ้นมาก่อนแล้วผมค่อยไป”
เขาหน้าแบบนี้ เจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
……
ซ่างกวนเชียนพยายามตามหาคอนเนคชั่น คิดหาวิธีที่จะให้ซ่างกวนหยวนถูกประกันตัวออกมาได้เร็วที่สุด แต่ก็ไม่รู้เลยว่ามีคนไปบอกก่อนหรือว่ายังไง เขาหันหน้าไปทางไหนก็เจอแต่กำแพง
ไม่มีใครยอมช่วยเขาเลย
“สมควรตายจริงๆ !”ซ่างกวนเชียนเอามือฟาดพวงมาลัย ใบหน้าบูดบึ้ง
“ท่านประธาน จากอำนาจของตระกูลซ่างกวนแล้ว พูดตามตรงว่าง่ายมากที่จะสามารถประกันตัวคุณหนูออกไปได้ แต่ว่าครั้งนี้มันแปลกเกินไปแล้ว”ทนายความเจียงขมวดคิ้วเพราะว่าคิดไม่ตก
ซ่างกวนเชียนยิ้มอย่างเยือกเย็น “แปลกจริงๆ นั่นแหละ เพราะว่าเมืองจิ่นมีตระกูลจิ้นอยู่ มีใครไม่เห็นแก่หน้าตาของตระกูลจิ้นบ้างล่ะ”
พอได้ยินดังนั้น ทนายความเจียงก็พูดด้วยความประหลาดใจ “คุณหมายความว่าตระกูลจิ้นบล็อกถ้าของพวกเราอย่างนั้นเหรอครับ?”
ซ่างกวนเชียนเงยหน้าขึ้นมา หลับตาลงแล้วพูดด้วยเสียงเบาว่า “จะไปโทษตระกูลจิ้นก็ไม่ได้ หยวนหยวนเป็นคนไปยั่วตระกูลจิ้นก่อนเอง ไม่ว่าตระกูลจิ้นจะทำอย่างไร ฉันก็ไม่แปลกใจหรอก”
ทนายความเจียงขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “ถ้าอย่างนั้นพวกเราควรทำยังไงดีครับ?”
ซ่างกวนเชียนเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา “คุณไปเตรียมพร้อมขึ้นศาล ไม่ว่าจะทำยังไงก็ให้หยวนหยวนเข้าคุกไม่ได้เด็ดขาด”
ทนายความเจียงพยักหน้า”ครับ”
และในขณะเดียวกัน จิ้นเฟิงเหราก็ส่งหลักฐานเรื่องที่ซ่างกวนหยวนเป็นผู้ต้องสงสัยคดีลักพาตัวให้กับตำรวจ
เมื่อตำรวจสืบสวนดูแล้ว ก็พบว่าซ่างกวนหยวนสั่งคนไปลักพาตัวแม่จิ้นกับฟางเสว่มั่นจริงๆ
เดิมทีซ่างกวนหยวนก็พยายามหาเหตุผล แต่เมื่อเอาหลักฐานมาโชว์ตรงหน้า เธอก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะโต้แย้ง
มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าเธอจะถูกพิพากษา และแทบจะไม่มีโอกาสที่จะได้ประกันตัวออกมาเลย
เมื่อข่าวนี้ไปถึงหูของนายท่านหญิงซ่างกวน หญิงชราก็รู้สึกรับไม่ได้จนแทบจะเป็นลมไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง ถึงได้กล่าวทั้งน้ำตาว่า “เสี่ยวเชียน ต้องช่วยหยวนหยวนออกมาให้ได้นะ ทำให้เธอเข้าคุกเด็ดขาด”
“คุณย่า ผม……”ซ่างกวนเชียนเอ็งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะช่วยซ่างกวนหยวนได้อย่างไรบ้าง
หลักฐานชัดเจน แถมยังมีตระกูลจิ้นอีก หยวนหยวนน่าจะถูกขังคุกจริงๆ
“ตระกูลซ่างกวนของพวกเรายอมเสียหน้าแบบนี้ไม่ได้ หยวนหยวนเองก็ทนรับต่อความไม่ยุติธรรมแบบนี้ไม่ได้หรอก ไม่ว่าจะทำยังไงหลานต้องช่วยเธอออกมาให้ได้”
นายท่านหญิงพูดขนาดนี้แล้ว ซ่างกวนเชียนก็ทำได้แค่พยักหน้า “ครับ ผมจะพยายามให้มากที่สุดที่จะช่วยหยวนหยวนออกมา”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”
นายท่านหญิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็รู้สึกว่าจะพึ่งเขาแค่คนเดียวไม่ได้ ก็เลยพูดต่อ “พาย่าไปหาจิ้นเฟิงเฉิน”