เหลียงซินเวยมองออกไปจากระยะไกล ด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดรวดร้าว “ที่จริงแล้วฉันไม่มีความมั่นใจเลย ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วฉันกับยู่เชินจะไปได้ไกลแค่ไหน”
ความแตกต่างระหว่างลำดับชั้นนั้นวางอยู่ตรงหน้าเธอเอง และเธอก็กลัวว่าจะมันจะเกิดเรื่องเหมือนกับเรื่องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ของตระกูลเย่และตระกูลฟางทั้งสอง
เธอเข้าใจอย่างดีว่า ในใจของซ่างหยิง เธอไม่ใช่ตัวเลือกลูกสะใภ้ที่ดีที่สุดคนนั้นของเธอหรอก
“ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้นไปหรอก” มือทั้งสองข้างของเจียงสื้อสื้อจับอยู่บนรั้วระเบียงดาดฟ้า และมุมปากเธอก็ยกขึ้น “ฉันคิดว่าแค่คนทั้งสองรักกันอย่างจริงใจ แม้จะมีอุปสรรคเข้ามากีดขวางแค่ไหน ก็จะสามารถผ่านไปได้”
พอพูดจบ เธอก็เอียงหน้ามา แล้วสายตาที่ใสสะอาดของเธอก็หยุดลงที่ใบหน้าของเหลียงซินเวย
ความกังวลใจที่วนเวียนอยู่บนสีหน้าของเหลียงซินเวย ช่องว่างระหว่างคิ้วไม่เคยคลายลงเลย
“อย่าคิดไปเรื่อยเปื่อยเลย และอย่ากังวลด้วย ต้องเชื่อมั่นในตัวเองสิ เชื่อมั่นในตัวพี่ชาย และยิ่งต้องเชื่อมั่นในความรู้สึกระหว่างพวกเธอด้วย” เจียงสื้อสื้อพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
เหลียงซินเวยเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้น เธอก็ยิ้มมุมปากขึ้น “เธอพูดถูก เชื่อในตัวเอง และเชื่อในตัวยู่เชิน”
ใช่แล้ว แค่เชื่อใจซึ่งกันและกัน มันก็เพียงพอแล้วที่จะเผชิญหน้ากับทุกอุปสรรคที่เข้ามากีดขวาง
……
ณ ในห้องหนังสือ
ฟางยู่เชินมองไปที่จิ้นเฟิงเฉินที่นั่งพิงอยู่ฝั่งหน้าต่าง แล้วเอ่ยปากถามว่า “ตอนนี้ซ่างกวนหยวนเป็นยังไงบ้าง?”
ตอนนี้เหล่าคนชั้นชนสูงในเมืองหลวงต่างก็พากันลือเรื่องที่ซ่างกวนหยวนถูกจับในข้อหาก่ออาชญากรรม ซึ่งลือกันหนักมากทีเดียว
ตระกูลซ่างกวนพยายามควบคุม แต่กลับทำให้หุ้นของซ่างกวนกรุ๊ปตกลงมาอย่างมาก
“เพราะพวกเขาปฏิเสธที่จะสารภาพผิด” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ความเยือกเย็นก็วาบผ่านเข้ามาในดวงตาของจิ้นเฟิงเฉิน
ต่อหน้าพยานหลักฐาน ซ่างกวนหยวนก็ยังยืนกรานไม่ยอมรับ
“ถ้าเป็นหลักฐานที่แน่นอน แม้ว่าเธอจะปากแข็งไม่ยอมรับสารภาพ เธอก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนจุดจบของการติดคุกได้หรอก”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็เลิกคิ้วขึ้น แล้วยิ้ม “ตอนนี้ถ้าไม่มีซ่างกวนหยวนที่คอยรบกวนแล้ว คุณกับน้องสาวคงจะสามารถอยู่ได้อย่างสงบแล้ว”
แต่ผมยังรื้อฟื้นความทรงจำทั้งหมดไม่ได้
เมื่อได้ยินความสิ้นหวังจากน้ำเสียงของเขา ฟางยู่เชินก็รีบพูดปลอบใจไปว่า “ไม่เป็นไรหรอก น้องสาวของผมไม่ได้ไม่สนใจในเรื่องนี้เลย ขอแค่คุณยังอยู่เคียงข้างเธอ เธอก็มีความสุขมากแล้ว”
มุมปากจิ้นเฟิงเฉินก็ปรากฏรอยยิ้มจางๆ ขึ้นมา เขาหันหลังมองไปยังนอกหน้าต่าง แล้วกระซิบว่า “ผมยังหวังว่าจะสามารถรื้อฟื้นความทรงจำทั้งหมดได้”
“จะต้องทำได้แน่นอนครับ” ฟางยู่เชินไม่ได้ปลอบใจเขา แต่เชื่อจริงๆ ว่าเขาจะสามารถรื้อฟื้นความทรงจำทั้งหมดได้
……
ในตอนเย็น ทั้งครอบครัวใหญ่ก็พากันมาที่ภัตตาคารห้าดาวซึ่งเป็นภัตตาคารที่มีชื่อเสียงในเมืองจิ่น
จากนั้นพนักงานเสิร์ฟก็พาพวกเขาไปที่ห้องวีไอพีที่พวกเขาได้จองไว้ล่วงหน้าแล้ว ทันทีที่เข้าไป ทั้งเสี่ยวเป่าเถียนเถียนและอานอานก็พากันส่งเสียงร้องอย่างมีความสุขและวิ่งตรงไปที่โซฟา
ด้านข้างของห้องวีไอพีเป็นโต๊ะกลมขนาดใหญ่ที่สามารถนั่งได้ยี่สิบคน และอีกด้านก็เป็นอุปกรณ์บันเทิง ที่สามารถร้องเพลงหรือดูภาพยนตร์ได้
หลังจากที่นั่งลง พ่อจิ้นที่เป็นเจ้าภาพก็เริ่มสั่งอาหาร เขาเงยหน้าขึ้นเป็นครั้งคราวเพื่อถามรสชาติของคนอื่นๆ
เหลียงซินเวยนั่งข้างๆ ซ่างหยิง ซ่างหยิงก็หันหน้าเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอจึงเริ่มเอ่ยปากพูดว่า “เวยเวย หวังว่าต่อไปนี้เราจะไปมาหาสู่กันมากขึ้นนะ”
เหลียงซินเวยคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นฝ่ายเริ่มแสดงมิตรภาพก่อน จากนั้นเธอจึงเอียงหน้ามองเธอด้วยความประหลาดใจ
ซ่างหยิงแสดงรอยยิ้มที่สุภาพอ่อนโยนเหมือนครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน “ก่อนหน้านี้ฉันเอาแต่ใจตัวเองอย่างมาก ดังนั้นสิ่งที่ฉันเคยทำร้ายเธอ ก็หวังว่าเธอจะไม่ใส่ใจมันนะ”
“คุณป้าคะ หนูไม่ได้คิดอย่างนั้น” เหลียงซินเวยส่ายหน้าเบาๆ พร้อมกับยกมุมปากขึ้น “เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะค่ะ”
การชื่นชมก็ฉายแวบขึ้นมาในสายตาของซ่างหยิง ความเอื้ออาทรของเธอทำให้ผู้คนรู้สึกดีจริงๆ
สำหรับผู้หญิงคนอื่น ไม่แน่ว่าเธออาจเกลียดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไปตั้งนานแล้ว
“ต่อไปก็พาลูกมาเล่นที่บ้านบ่อยๆ นะ” ซ่างหยิงตบมือของเธอ
เหลียงซินเวยพยักหน้า “ได้ค่ะ”
ฟางยู่เชินผู้ฟังทุกอย่างอย่างตั้งใจนั้นกอดเหลียงซินเวยไว้ จากนั้นเขาจึงพูดอย่างดีอกดีใจกับซ่างหยิงว่า “แม่ครับ แม่วางใจได้เลยครับ ต่อไปนี้เวยเวยจะมาเที่ยวที่นี่บ่อยๆ แน่นอน”
ซ่างหยิงมองเหลียงซินเวย และรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอนั้นก็ยิ่งดูลึกซึ้งขึ้น “แม่กับพ่อของลูกน่ะยินดีต้อนรับเวยเวยพวกเขาทุกเมื่อนะ แต่ถ้าลูกมีเวลาก็พาเวยเวยไปเยี่ยมคุณปู่ของลูกบ้างสิ”
“ครับ”
ทันทีที่ได้ยินซ่างหยิงพูดถึงคุณท่านฟาง แม่จิ้นจึงพูดด้วยความเป็นห่วงว่า “ตอนนี้คุณท่านฟางเป็นยังไงบ้างแล้ว?”
“มีปฏิกิริยาตอบกลับแล้วบ้าง แต่ตัวคนยังไม่ฟื้นเท่านั้น” ซึ่งคนที่ตอบคือฟางเสว่มั่น จากนั้นก็ได้ยินแค่เธอถอนหายใจเบาๆ “ไม่รู้ว่าจะฟื้นเมื่อไหร่”
“ปัจจุบันนี้การแพทย์ก้าวหน้าอย่างมาก คุณท่านจะต้องฟื้นแน่นอน” พ่อจิ้นพูดปลอบใจ
“ใช่แล้ว ในเมื่อมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาแล้ว จะต้องฟื้นเร็วๆ นี้แน่” แม่จิ้นพูดคล้อยตาม
ฟางเสว่มั่นพยักหน้า “ฉันก็หวังว่าจะฟื้นเร็วๆ นี้นะ เพราะแบบนี้ถึงจะมีโอกาสให้ฉันได้ชดเชย”
“แม่คะ” เจียงสื้อสื้อรู้ว่า เธอรู้สึกผิดเพราะความเอาแต่ใจตัวเองของเธอในตอนนั้น ดังนั้นเธอจึงจับมือของเธอไว้อย่างรักใคร่
“แม่ไม่เป็นไรจ้ะ” ฟางเสว่มั่นหันหน้ากลับมาแล้วยิ้มให้เธอ “แค่อยากจะไปอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่ของเธอให้มากขึ้นเท่านั้น”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “แน่นอนค่ะ”
หลังจากทานอาหารเสร็จ ฟางเถิง ซ่างหยิงและฟางยู่เชินพวกเขาต่างก็พากันกลับมาที่โรงแรม
จิ้นเฟิงเฉินก็ขับรถพาเจียงสื้อสื้อตรงไปยังจุดชมวิวบนภูเขาในเขตชานเมือง
เมื่อมองดูทิวทัศน์ที่ปรากฏจากนอกหน้าต่าง เจียงสื้อสื้อก็หันหน้ากลับมา แล้วสายตาของเธอก็หยุดอยู่ที่ข้างใบหน้าที่ใสบริสุทธิ์ของจิ้นเฟิงเฉิน จากนั้นมุมปากของเธอก็ค่อยๆ ยกขึ้น “ทำไมอยู่ๆ คุณถึงอยากพาฉันไปบนเขาล่ะ?”
“คืนนี้มีฝนดาวตกไหม” จิ้นเฟิงเฉินเหลือบมองข้างใบหน้าเธอแวบหนึ่ง
“ฝนดาวตก?” เจียงสื้อสื้อแปลกใจเล็กน้อย “คุณรู้ได้ยังไง?”
“ผมบังเอิญเห็นฝนดาวตกเพกาซัส ในอินเทอร์เน็ต”
เจียงสื้อสื้อชะโงกหน้า มองดูท้องฟ้าผ่านกระจกหน้ารถ
มืดสนิทเลย มืดจนแม้แต่ดวงดาวยังมองไม่เห็นเลย
เจียงสื้อสื้อพูดติดตลกว่า “ทำไมฉันถึงมีลางสังหรณ์ว่าเราจะไม่เห็นฝนดาวตกนะ?”
“จะเห็นหรือไม่เห็นมันก็ไม่สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญก็คือผมอยากจะพาคุณออกไปเดินเล่น” จิ้นเฟิงเฉินควบคุมพวงมาลัยด้วยมือเดียว ส่วนมืออีกข้างจับมือของเธอไว้ “อีกสองวันนี้ผมก็จะกลับไปทำงานอย่างเป็นทางการแล้ว อาจจะไม่มีเวลาอยู่กับคุณแล้วนะ”
เจียงสื้อสื้อได้ยินความทุกข์ใจในเสียงของเขา จากนั้นเธอจึงพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันชอบจิ้นเฟิงเฉินที่กระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวาที่ห้างสรรพสินค้าเป็นพิเศษเลยนะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็เผลอหัวเราะออกมา “งั้นเวลาอื่นคุณก็ไม่ชอบแล้วสิ?”
“ชอบหมดแหละ” เจียงสื้อสื้อหัวเราะ และพูดใหม่ว่า “ไม่ใช่สิ รักหมดแหละ แต่ฉันก็หวังว่าคุณจะสามารถหาตัวตนเดิมของคุณในที่ทำงานได้นะ”
บางที เขาอาจสามารถหาความทรงจำเดิมของเขาในที่ทำงานได้
จิ้นเฟิงเฉินยกมือขึ้นแล้วลูบหัวของเธอ จากนั้นก็พูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ได้เลย คุณอยากให้ผมทำยังไง ผมก็จะทำแบบนั้น”
“ค่ะ!” เจียงสื้อสื้อยิ้มพร้อมกับขมวดคิ้วขึ้น