ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1814 : ทรัพยากร

ตอนที่ 1814 : ทรัพยากร
  โลกป่าดูคึกคักมากกว่าที่เคย
คนจำนวนมากตั้งแต่กุยหยวนจนไปถึงผู้ควบคุมต่างก็มารวมตัวกันที่นี่ แม้แต่ในป่าก็ยังพัฒนากลายเป็นเมืองและบ้านของผู้คน
โลกป่าคึกคักที่สุดในประวัติศาสตร์ มันแทบไม่อาจจะจุคนเพิ่มได้อีก
คนจำนวนมากนี้ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมา มันถึงกับทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาด้วย แต่สำนักคังเฉียงก็ลงมืออย่างรวดเร็ว เหล่าราชาได้ออกมาจัดการทำให้ไม่มีใครกล้าสร้างความวุ่นวายอีก
ราชานั้นสามารถปกครองทั้งยุคได้ ตอนนี้มีราชาถึง 3 คนมารวมตัวกัน ใครกันที่กล้าต่อต้านพวกเขา ?
หากไม่เชื่อฟังกฎของสำนักคังเฉียง งั้นพวกเขาก็ต้องออกจากโลกป่าไม่อาจจะอยู่ต่อได้ หากจะอยู่ต่อก็ต้องเชื่อฟังกฎของสำนักคังเฉียง การฝ่าฝืนกฎนั้นจะโดนประหารในทันที
ในตอนที่เกิดเรื่องจางเฮ่าหลันก็ให้เหล่าราชาคอยดูแลความเรียบร้อย ภายใต้ความแข็งแกร่งของพวกนี้แล้ว ไม่มีใครกล้าสร้างความวุ่นวายขึ้นมา แม้แต่ผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ก็ยังต้องเชื่อฟัง นี่ไม่ต้องพูดถึงคนระดับต่ำกว่านี้เลย
เมื่อเห็นโลกป่าเต็มไปด้วยผู้คน จางหยูก็ตัดสินใจสร้างบาเรียขึ้นมา เพื่อกันไม่ให้คนเข้ามาในภายหลัง
แม้ว่าโลกป่าจะมีขนาดใหญ่แต่ก็ใช่ว่าจะไร้ขีดจำกัด มันจุคนได้จำกัด หากไม่มีการจำกัดและให้คนนอกเข้ามาเรื่อยๆ สุดท้ายมันจะทำให้โลกป่าล่มสลายไปอย่างรวดเร็ว จางหยูไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
แม้ว่าจางหยูจะจำกัดจำนวนคนเอาไว้แต่คนอื่นๆก็ยังมาอาศัยอยู่ใกล้กับโลกป่า แม้ว่าพวกเขาไม่อาจจะเข้ามาในโลกป่าได้ แต่พวกเขาก็ยังได้อยู่ใกล้กับโลกป่า ดูเหมือนว่ายิ่งอยู่ใกล้โลกป่าเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งปลอดภัยมากเท่านั้น
จางเฮ่าหลันคิ้วขมวด “ พวกที่มากองกันอยู่ที่นอกโลกป่า ในระยะยาวคงไม่ส่งผลดีเท่าไหร่ !” จางเฮ่าหลันมองไปที่ จางหยูแล้วพูดต่อ “ ข้าได้ยินฝ่ายดูแลบอกมาว่าด้านนอกโลกป่ามีผู้คนอยู่นับไม่ถ้วน พวกเขาหวังว่าสำนักคังเฉียงจะเปิดโลกป่าอีกครั้ง…ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีคนแห่กันมาอีกเรื่อยๆ ”
มันมีโลกขั้น 9 อยู่รอบโลกป่าแต่พวกนั้นคิดว่าโลกเหล่านั้นอยู่ไกลจากโลกป่าเกินไป พวกเขายอมอยู่รอบโลกป่าจะดีกว่า แทนที่จะไปอยู่ในโลกพวกนั้น แม้แต่ผู้สร้างโลกเหล่านั้นก็ยังทิ้งโลกของตัวเองเข้ามาในโลกป่าด้วย
ตอนนี้ทั้งโกลาหลตกอยู่ในความลนลาน หากผู้คนยังกองกันอยู่นอกโลกป่าแบบนี้ แน่นอนว่าจะต้องเกิดปัญหาขึ้น
“ ท่านพ่อสบายใจได้ ข้ามีแผนสำหรับคนเหล่านี้ ” จางหยูพูดขึ้น “ โลกป่าไม่อาจจะจุคนได้มาก แต่โลกบรรพกาล, โลกผนึกเทพ รวมถึงโลกอื่นๆก็เพียงพอที่จะจุคนเหล่านี้ได้ไม่ยาก ”
จางเฮ่าหลันคิดตาม “ ให้พวกเขาเข้าไปในโลกของสำนักคังเฉียง มันจะไม่มีปัญหาจริงๆรึ ?”
เขากังวลว่าคนเหล่านี้จะสร้างความวุ่นวายให้กับโลกตันเถียน
“ ไม่ใช่ว่ามีเจ้าสำนักสาขาอยู่รึ ?” จางหยูยิ้มออกมา “ ถึงไม่อาจจะควบคุมได้จริงๆแต่ข้าก็ยังมีร่างแยกอยู่ ด้วยการที่มีพวกนั้นคอยอยู่ดูแล เราก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดปัญหาขึ้น ”
“ หากเป็นเช่นนั้น แล้วทำไมเจ้าไม่ส่งพวกเขาเข้าไปตอนนี้ ?” จางเฮ่าหลันถามขึ้นมา
“ รอสักเดี๋ยว” จางหยูมองไปยังนอกโลกป่าและแผ่การรับรู้ออกไปโดยรอบ “ ตอนนี้ยังไม่ถึงช่วงที่น่ากังวลที่สุด แม้ว่าข้าจะให้พวกเขาเข้าไปในโลกสาขาได้ แต่พวกเขาก็อาจจะไม่ยอมเข้าไป พวกเขาคงเลือกจะกองกันอยู่ที่นี่ หลายคนยังกลัวว่านี่คือแผนการของข้ากับวิหารอวี๋ฮุ่น…” จางหยูเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะส่ายหน้า “ อันที่จริงแล้วพวกเขาก็ไม่ผิด ”
สำหรับคนเหล่านี้ที่ไม่อาจจะเข้าใจความจริง เป็นธรรมดาที่จะมองข้ามเรื่องบางอย่างไป หากไม่ใช่เพราะวิหารอวี๋ฮุ่นนั้นมีชื่อเสียงที่โด่งดัง เขาเกรงว่าอาจจะเกิดจลาจลขึ้นมา
“ พวกเขาไม่ผิดหรอก ” จางหยูเข้าใจความคิดของคนเหล่านี้ แต่เขาก็ไม่คิดจะอธิบายอะไรให้คนเหล่านี้ฟัง แม้ว่าจะอธิบายไปแล้ว แต่คนพวกนี้ก็อาจจะไม่เชื่อ เขายอมปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เพื่อให้พวกนี้ได้เห็นธาตุแท้ของไห่อู่เซิงจะดีกว่า สุดท้ายคนพวกนี้จะเชื่อ โดยที่เขาไม่ต้องพูดอะไรอีก และพวกนี้จะเข้ามาขอความช่วยเหลือจากเขาเอง

ในพริบตาก็ผ่านไปหลายสิบปี
ทั้งโกลาหลมีแต่ความว่างเปล่า แม้ว่าจะมีผู้คนที่ยังไม่ยอมออกจากโลกของตนเอง แต่จำนวนมันค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับผู้คนทั้งหมดในโกลาหล มันเหลือไม่ถึง 1 ใน 100ทุกคนแห่กันมายังเขตตะวันออกตอนบน ยิ่งไกลจากโกลาหลนภาและโลกอวี๋ฮุ่นเท่าไหร่ก็ยิ่งมีคนมากเท่านั้น
แม้แต่โลกขั้นที่ 9 รอบๆโลกป่าก็โดนจับจองไปแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปความลนลานก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ไม่หายไปแต่ยังกระจายไปต่อ
ผู้คนกว่า 2 ใน 3 ได้มารวมตัวกันที่เขตตะวันออกตอนบน คนกว่าครึ่งของเขตตะวันออกตอนบนนั้นได้มารวมตัวกันรอบโลกป่า
ตอนนี้มันแทบจะจุคนเต็มแล้ว !
หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเองคงไม่มีใครคิดภาพออกว่าจะมีกุยหยวนและผู้ควบคุมมากมายแบบนี้ในโกลาหล !
เมื่อเห็นว่าโกลาหลภายนอกเต็มไปด้วยผู้ควบคุมและกุยหยวน จางหยูก็ลงมือ
เสียงของเขาลอยเข้าไปในหูของผู้ควบคุมและกุยหยวนหลายล้านคน “ ข้าจะเปิดโกลาหลอีกแห่ง มันมีโลกอยู่หลายใบโลกเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในโกลาหลแห่งนี้ มันจะไม่ตกอยู่ภายใต้อันตรายจากไห่อู่เซิง พวกเจ้าจะเชื่อข้ารึไม่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้า หากเชื่อก็เดินทางผ่านรูหนอนไป หากไม่เชื่อข้าจะไม่บังคับ”
สุดท้ายเขาก็เตือนออกมา “ จำไว้ว่าหลังจากที่เข้าไปแล้ว พวกเจ้าห้ามทำผิดกฎ หากพวกเจ้ากล้าฝ่าฝืนกฎ พวกเจ้าต้องตาย !”
เมื่อพูดจบก็มีรูหนอนหลายร้อยอันปรากฏขึ้นในโกลาหลภายนอกแทบจะพร้อมกัน
ในตอนที่รูหนอนเหล่านั้นปรากฏขึ้น ผู้ควบคุมและกุยหยวนนับไม่ถ้วนก็พากันบินเข้าไปในทันที พวกเขาไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ผู้คนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานก็ลดลงเหลือไม่ถึงครึ่ง ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง ก็ลดลงไปไม่ถึง 1 ใน 3 สุดท้ายก็เหลือแค่ 1 ใน 4 ที่ยังอยู่นอกโลกป่า
ชัดแล้วว่าคนที่อยู่ต่อคือผู้ที่สงสัยในตัวจางหยู
จางหยูไม่ได้สนใจความคิดของคนเหล่านี้ แค่คนส่วนมากเข้าไปในโลกตันเถียนได้เขาก็พอใจมากแล้ว “ ด้วยคนพวกนี้…การพัฒนาโลกตันเถียนน่าจะเร็วกว่าเดิมมากสินะ ?”
ผู้ควบคุมและกุยหยวนเหล่านี้คือทรัพยากรที่หาได้ยาก !
ถึงจะเสียดายคนที่เหลือ แต่จางหยูก็ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งกับการตัดสินใจของคนเหล่านี้
“ ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าอีก” จางหยูพูดขึ้น “ อีก 1 ชั่วโมงรูหนอนพวกนี้จะปิดลง”
รูหนอนเหล่านี้จะใช้พลังจากจิตผู้สร้าง มันเป็นภาระต่อจิตของเขา จางหยูไม่อาจจะคงรูหนอนเอาไว้ตลอดได้ ยังไงซะคนพวกนี้ก็มาขอร้องให้เขาช่วย มันไม่ใช่เขาที่ไปขอร้องพวกนี้
บางทีเพราะคำพูดของจางหยู และเห็นเวลาที่น้อยลงเรื่อยๆ มันก็มีคนส่วนหนึ่งที่เดินทางเข้าไปในรูหนอนแต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่ดื้อด้านที่จะอยู่ต่อ
เมื่อเห็นแบบนั้นจางหยูก็ไม่ได้สนใจคนพวกนั้นและกลับไปยังสำนักคังเฉียง
“ อีก 2-3 ครั้งก็น่าจะพอ” จางหยูแผ่การรับรู้ออกไปนอกโลกป่า ผู้คนยังแห่กันมาเรื่อยๆ จำนวนนั้นมากกว่าที่เพิ่งเข้าไปในโลกตันเถียนอยู่หลายเท่า
คนเหล่านี้คือทรัพยากรที่มีค่า !
��
ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท