ในช่วงเวลาที่อยู่บนเกาะ ทุกวันมองเด็กน้อยทั้งสองวิ่งไปวิ่งมา ข้างๆหูล้อมรอบไปด้วยเสียงพูดคุยหัวเราะของพวกเขา อารมณ์เจียงสื้อสื้อก็ค่อยๆผ่อนคลายลง
การนอนหลับก็ค่อยๆกลับมาเป็นปกติ
ยามพลบค่ำของทุกวัน จิ้นเฟิงเฉินจะพาเสี่ยวเป่าและเถียนเถียนไปตกปลาที่ชายทะเล รอจนฟ้ามืด จึงกลับมาที่คฤหาสน์
ชีวิตแบบนี้แม้จะเรียบง่าย ไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่สำหรับเจียงสื้อสื้อแล้วเธอพอใจมาก
เธอชอบชีวิตที่เรียบง่ายแบบนี้
ถ้าเป็นไปได้ เธอหวังว่าทุกคนในครอบครัวจะอยู่บนเกาะนี้ไปตลอดชีวิต ใช้ชีวิตที่ตัดขาดจากโลกภายนอก
แต่เธอรู้ว่าเป็นไปไม่ได้
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าตนเองกลับมาเป็นปกติแล้ว ก็เสนอว่าจะกลับเมืองจิ่น
“ไม่อยู่ต่ออีกหน่อยเหรอ” จิ้นเฟิงเฉินถาม
เจียงสื้อสื้อยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่ต้องแล้วค่ะ ฉันไม่เป็อะไรแล้ว อีกอย่างบริษัทต้องการคุณนะคะ”
“ถ้าคุณอยากจะกลับเพราะเหตุผลเรื่องบริษัท งั้นก็ไม่จำเป็น บริษัทมีเฟิงเหราอยู่”
เจียงสื้อสื้อเม้มปาก พูดว่า “หวั่นหวั่นตั้งท้องแล้ว ก็คงอยากให้สามีของตัวเองอยู่กับตัวเองให้มากๆ พวกเราจะเห็นแก่ตัวแบบนี้ไม่ได้ เอางานทุกอย่างของบริษัทยกให้เฟิงเหราไม่ได้”
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว “ถ้าเฟิงเหรารู้ว่าคุณคิดแทนเขาแบบนี้ ต้องดีใจมากแน่นอน”
“ดังนั้นพรุ่งนี้พวกเราก็กลับกันเถอะค่ะ”
เธอยืนกรานที่จะกลับไป จิ้นเฟิงเฉินได้แต่ยอมจำนน
“ได้ กลับพรุ่งนี้”
เช้าวันต่อมา จิ้นเฟิงเฉินพร้อมครอบครัวสี่คนนั่งเรือยอชต์ออกจากเกาะ
เกาะเล็กๆยิ่งห่างไกลออกไปเรื่อยๆ เจียงสื้อสื้อใจหาย
“รอให้ชีวิตเงียบสงบอย่างแท้จริง พวกเราค่อยมาเที่ยวบนเกาะอีก ถึงเวลาพ่อแม่แล้วก็พวกของเฟิงเหรามาด้วยกัน”
จินตนาการได้ว่าถึงเวลานั้นจะคึกคักมากแค่ไหน
เจียงสื้อสื้อเฝ้ารอให้วันนั้นมาถึง
จิ้นเฟิงเฉินโอบไหล่เธอ”ได้”
กลับมาที่บ้าน แม่จิ้นเห็นพวกเขากลับมา ก็ตกใจมาก “ทำไมไม่อยู่ให้นานอีกหน่อย บนเกาะไม่สนุกเหรอ”
“แม่คะ ไม่ใช่ค่ะ หนูอยากกลับมาเองค่ะ” เจียงสื้อสื้ออธิบาย
“อย่างนั้นร่างกายเธอเป็นยังไงบ้าง” พ่อจิ้นถามอย่างเป็นห่วง
เจียงสื้อสื้อยิ้มบางๆ “ดีแล้วค่ะ ไม่เป็นไรแล้ว”
แม่จิ้นถอนใจอย่างโล่งอกทันที “งั้นก็ดีแล้ว”
เจียงสื้อสื้อและแม่จิ้นพูดคุยกันอีกพักหนึ่ง แล้วจึงขึ้นไปพักที่ชั้นบน
จิ้นเฟิงเฉินไปที่บริษัท
พอจิ้นเฟิงเหรารู้ว่าเขามาบริษัท ก็รีบมาหาเขาที่ห้องทำงานทันที
“พี่ ทำไมพวกคุณกลับมากันเร็วขนาดนี้” จิ้นเฟิงเหราถามอย่างสงสัย
“พี่สะใภ้นายเป็นห่วงว่านานจะลำบากเกินไป ก็เลยรีบกลับ” จิ้นเฟิงเฉินเหลือบมองเขา พูดเบาๆ
พอจิ้นเฟิงเหราได้ฟัง ก็ซาบซึ้งใจมาก “ก็ยังคงพี่สะใภ้ที่รู้จักเป็นห่วงผม ไม่เหมือนพี่ รู้แค่จะบังคับข่มขู่ผม”
“ถ้านายคิดว่าทำงานแล้วไม่สบายใจ ก็เลือกที่จะลาออกได้”
แม้จะรู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินแค่ล้อเขาเล่น แต่จิ้นเฟิงเหราก็รีบแสดงความตั้งใจของตนเอง “พี่ พี่วางใจเถอะ ผมจะช่วยงานพี่อย่างเต็มความสามารถ”
นานๆจะได้เห็นจิ้นเฟิงเฉินยกมุมปากขึ้น “ขอบใจนายมาก ลำบากด้วยนะ”
จิ้นเฟิงเหราคิดว่าตนเองหูฝาด รีบยกมือมาแคะหู “พี่ พี่พูดขอบคุณผมเหรอ”
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จิ้นเฟิงเฉินจะสนใจเขา หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปทันที ถามว่า “ช่วงที่ฉันไม่อยู่ มีเรื่องอะไรมั้ย”
พอเอ่ยถึงเรื่องเป็นการเป็นงาน จิ้นเฟิงเหราก็สีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที “มีครับ”
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว “ว่ามา”
“JRกรุ๊ปส่งคนมาคุยเรื่องการร่วมงานกัน”
“หืม” จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว “ความร่วมมืออะไร”
“ไม่ได้พูดเป็นกิจจะลักษณะ แต่อีกฝ่ายแสดงท่าทีอย่างชัดเจนหนักแน่นว่า ที่JRกรุ๊ปยังยกลับมาภายในประเทศใหม่อีกครั้ง ก็เพราะอยากร่วมงานกับจิ้นกรุ๊ป ดังนั้น……”
“เลยปฏิเสธมิตรภาพที่ซ่างกวนเชียนหวังจะร่วมงานด้วย”
นี่ทำให้จิ้นเฟิงเฉินแปลกใจมาก “ปฏิเสธแล้วจริงๆเหรอ หรือแกล้งปฏิเสธ พอจิ้นกรุ๊ปของพวกเราไม่ร่วมงานกับพวกเขา ก็รีบหันกลับไปร่วมงานกับซ่างกวนเชียนทันที”
“อันนี่……ผมก็ไม่รู้” ไม่ใช่ว่าจิ้นเฟิงเหราไม่เคยคิดแบบนี้ แต่ท่าทีจริงใจของอีกฝ่ายดูเหมือนไม่ได้กำลังโกหก
จิ้นเฟิงเฉินอ่านความคิดเขาออก ถามเบาๆว่า “นายอยากทำงานร่วมกับJRเหรอ”
จิ้นเฟิงเหรานิ่งเงียบไปชั่วครู่ แล้วจึงค่อยๆแสดงความคิดเห็นของตนเอง”ถ้าร่วมงานกันได้แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด พี่สะใภ้เคยบอกว่ามีเพื่อนเพิ่มดีกว่ามีศัตรูเพิ่ม”
ได้ยินดังนั้น จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม”คำพูดของพี่สะใภ้นายไม่ผิด แต่มันเป็นเรื่องที่ผิวเผินเกินไป การที่ JRกรุ๊ปจู่ๆก็ย้ายกลับมาในประเทศใหม่อีกครั้ง ต้องมีแผนอะไรแน่นอน
ก่อนที่จะรู้ว่าพวกเขามีแผนอะไร พวกเราก็รับปากว่าจะร่วมงานด้วย นั่นก็จะเป็นการถูกครอบงำมากไป”
จิ้นเฟิงเหราพยักหน้า “ผมเข้าใจ ผมจะเอาความคิดของพี่ไปบอกต่อJRให้”
“แต่ว่า……” จิ้นเฟิงเหราลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงถามต่อว่า “หลี่ซีนัดพี่ไปทานอาหารเย็น พี่จะไปมั้ย”
“ไม่ไป” จิ้นเฟิงเฉินปฏิเสธอย่างไม่คิดเลยสักนิด “ช่วงนี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ฉันอยากจะอยู่กับเด็กๆและพี่สะใภ้นากให้มากๆ”
จิ้นเฟิงเหราพยักหน้าแสดงความหมายว่าเข้าใจ “งั้นผมก็ปฏิเสธเธอแล้วกันนะครับ”
พูดพลาง เขาก็หมุนตัวเตรียมจะออกไป
ตอนนี้เอง จิ้นเฟิงเฉินก็พูดว่า”นายไปแทนฉัน”
“ห๊ะ?” จิ้นเฟิงเหราหันไปมองเขาด้วยความแปลกใจ “ให้ผมไปแทนพี่เหรอ”
“อืม ในเมื่ออีกฝ่ายอยากจะร่วมงานกับเรา นายลองไปหยั่งเชิงถามความคิดของ หลี่ซีดูว่าเธอมีความจริงใจมากพอมั้ย”
“พี่แต่ว่า ผมเองก็อยากอยู่กับหวั่นหวั่น” จิ้นเฟิงเหราไม่ได้ยากจะกินข้าวกับหลี่ซีคนนั้นเลย
หลี่ซีคนนั้นทำให้เขามีความรู้สึกไม่ค่อยสบายนักถ้ากินข้างกับเธอ เขาเกรงว่าตนเองกินแล้วจะอาหารไม่ย่อย
“นี่เป็นเรื่องงาน” จิ้นเฟิงเฉินพูดอย่างแข็งกร้าว
จิ้นเฟิงเหรารู้ว่าตัวเองไม่อาจปฏิเสธได้ เบะปาก “ก็ได้ ผมไปแทนพี่”
“ได้เรื่องยังไงกลับมาบอกฉันด้วย”
“พี่ วางใจเถอะ ผมรับรองว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จ”
ไม่ว่าหลี่ซีคนนั้นจะเป็นผีหรือว่าเป็นคน เขาก็จะต้องสืบเรื่องอีกฝ่ายให้กระจ่าง
……
ข่าวการกลับประเทศของหลี่ซีอึกทึกครึกโครมขนาดนั้น ก่อนหน้าที่เธอจะกลับมา ซ่างกวนเชียนก็ได้เตรียมแผนการร่วมมือไว้แต่แรกแล้ว
รอให้หลี่ซีกลับมาถึง เขาก็จะให้คนเอาแผนงานนี้ไปส่งถึงมือของอีกฝ่าย
ตอนแรกเขาคิดว่าเมื่ออีกฝ่ายเห็นแผนงานของตน ก็จะต้องประทับใจ จนไม่ลังเลที่จะร่วมงานกับตนเองเลย
แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นอย่างที่คิด
หลี่ซีปฏิเสธมาแล้ว
อีกทั้งยังแสดงท่าทีด้วยว่า เธออยากจะร่วมงานกับจิ้นกรุ๊ปเท่านั้น
“บ้าเอ้ย จิ้นกรุ๊ปอีกแล้ว!” ซ่างกวนเชียนโกรธจนเอาแผนงานที่ตีกลับมาโยนลงบนพื้นอย่างแรง สีหน้าบูดบึ้งจนน่าตกใจ
ถ้าหากJRร่วมมือกับจิ้นกรุ๊ปจริง เช่นนั้นซ่างกวนกรุ๊ปกับบริษัทอื่นอีกหลายแห่งก็ต้องผิดหวัง
เขาไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้เด็ดขาด!
“คริส บริษัทนายเมื่อก่อนก็อยู่ที่ต่างประเทศ ต้องเคยติดต่อกับJRแน่นอน คุณรู้จักหลี่ซีมั้ย” ซ่างกวนเชียนเรียกคริสมิน เอ่ยถามตรงๆ
“หลี่ซีเหรอ” คริสมินขมวดคิ้วมุ่น “พูดตามความจริง ผมไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าท่านประธานJRกรุ๊ปมีลูกสาวบุญธรรมคนนี้ด้วย”
“หรือว่าจะเป็นสถานะปลอมๆ” ซ่างกวนเชียนถาม
“จะเป็นของปลอมได้ยังไง” คริสมินหัวเราะเยาะ “ข่าวการกลับประเทศครึกโครมขนาดนี้ ถ้าเป็นตัวปลอม JRก็ต้องออกมาแก้ข่าวนานแล้ว”