“แด๊ดดี้ หม่ามี้!”
เถียนเถียนกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของเจียงสื้อสื้อ
เถียนเถียนที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จแล้ว บนร่างได้ประดับไปด้วยกลิ่นหอมนมของเถียนเถียน
“เถียนเถียนวันนี้เป็นเด็กดีกินข้าวหมดหรือเปล่า?” เจียงสื้อสื้อช่วยเธอจัดชุดนอน พลางเอ่ยถามออกไป
“ค่ะ เถียนเถียนยังดื่มซุปไปสองถ้วยด้วย” เถียนเถียนใช้นิ้วมือชูสองนิ้วออกมา
เจียงสื้อสื้อเผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา”งั้นเหรอ? เก่งมาก”
แล้วเธอก็มองไปทางเสี่ยวเป่า”หนูล่ะ? การบ้านทำเสร็จแล้วหรือเปล่า?”
“ทำเสร็จหมดแล้ว เอาหนังสือที่ยังอ่านไม่เสร็จเมื่อก่อนหน้านี้มาอ่านจบไปหมดแล้ว”
อันที่จริงเธอไม่ต้องถามเสี่ยวเป่าเลย ก็รู้อยู่แล้วว่าเขาที่เป็นคนเฉลียวฉลาดรู้ความจะต้องทำเรื่องของตัวเองได้ดีอยู่แล้ว
“งั้นเล่นกันอีกสักพักหนึ่ง แล้วก็ต้องขึ้นไปนอนนะ”
“ครับ/ค่ะ”
เด็กน้อยทั้งสองคนตอบกลับมาเป็นเสียงเดียวกัน จากนั้นก็ผันร่างกลับไปยังโซนเล่นเกม
มองพวกเขาทั้งสองคน สายตาของเจียงสื้อสื้อก็อ่อนโยนเสียจนเหมือนกับว่ามันจะสามารถหยดน้ำออกมาได้เลย
“หวังว่าวันเวลามันจะสามารถสงบสุขอย่างนี้ต่อไปได้จริงๆ” เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะรำพึงรำพันออกมา
จิ้นเฟิงเฉินโอบบ่าของเธอ”ได้สิ”
เจียงสื้อสื้อเอาหัวอิงไปบนไหล่ของเขา ทั้งสองคนยืนมองเด็กน้อยทั้งสองคนที่กำลังเล่นซนอยู่ตรงโซนเล่าเกมไปเงียบๆอยู่ตรงที่เดิม แสงไฟที่ค่อนข้างจะเหลืองเล็กน้อยได้ทำให้บรรยากาศภายในห้องปกคลุมไปด้วยความอบอุ่น
……
วันเวลาที่สงบสุขผ่านไปไม่กี่วัน ก็ได้ถูกจดหมายเชิญที่มาโดยไม่คาดคิดฉบับหนึ่งเข้ามาทำลายไป
“พี่ชาย งานเลี้ยงที่หลี่ซีจะจัดขึ้นในสุดสัปดาห์นี้ ได้ส่งจดหมายเชิญมาให้” จิ้นเฟิงเหราหลังจากที่อ่านจดหมายเชิญแล้วก็ได้เงยหน้าขึ้นมองไปทางจิ้นเฟิงเฉิน
สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินเรียบนิ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆออกมาเลย”เชิญแค่ฉัน?”
“เปล่า ยังมีฉันด้วย และในจดหมายเชิญก็ยังบอกว่าสามารถพาคู่ควงหญิงไปด้วยได้”
จิ้นเฟิงเหราขมวดคิ้วออกมา แล้วพูดความกังวลของตัวเองออกไป”พี่ชาย นี่คงไม่ได้เป็นงานเลี้ยงหงเหมินหรอกใช่มั้ย?”
“ถึงตอนนั้นแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่พวกเราที่เข้าร่วมเสียหน่อย ยังมีคนอื่นอีก พวกหลี่ซีไม่กล้าทำอะไรหรอก”
ได้ยินจิ้นเฟิงเฉินพูดมาอย่างนี้ จิ้นเฟิงเหราก็เบิกตากว้างออกมาด้วยความไม่คาดคิดมาก่อน”พี่ชาย พี่จะไป?”
“ไม่งั้นล่ะ?” มือทั้งสองข้างของจิ้นเฟิงเฉินกุมไว้ด้วยกัน มุมปากได้ฉีกยิ้มออกมาอย่างไม่ใส่ใจ”ไม่ไป มันจะดูเหมือนว่าพวกเราหยิ่งเกินไป”
“หยิ่งสักหน่อยมันมีอะไรไม่ดีกัน?” จิ้นเฟิงเหราพูดเยาะเสียงเย็นออกมา”กับคนที่ประสงค์ร้ายคนหนึ่งก็ต้องหยิ่งสักหน่อย”
“แต่หยิ่งเกินไป พวกเราจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดวางแผนอะไรอยู่” จิ้นเฟิงเฉินวางมือลง ริมฝีปากบางได้เริ่มขยับออกมาเบาๆ”ฉันไปเจอหลี่ซีสักหน่อย ไปดูให้ชัดว่าตกลงแล้วJRตั้งใจจะทำอะไรกันแน่”
ตอนที่พูดออกมา สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้หม่นลงเล็กน้อย ในดวงตาได้เกิดความเยือกเย็นออกมา
“โอเค งั้นฉันก็ไปด้วย”
ถึงแม้ว่าจะเป็นงานเลี้ยงหงเหมิน เขาจิ้นเฟิงเหราก็ไม่กลัว
……
เจียงสื้อสื้อได้รู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยง จึงเอ่ยออกมาทันทีว่า”ฉันเองก็จะไปด้วย”
“ไม่ได้” จิ้นเฟิงเฉินปฏิเสธออกไปแบบไม่ต้องคิดเลย
“ทำไม?” เจียงสื้อสื้อไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่ให้ตัวเองไป
“ที่นั่นคนเยอะวุ่นวาย ผมกลัวว่าคุณจะไม่ชิน”
ถ้าเป็นเหตุผลอื่น บางทีเจียงสื้อสื้ออาจจะยอมรับได้ก็ได้
แต่ว่าเหตุผลนี้…
มันน่าตลกไปหน่อย
“ฉันเคยเข้าร่วมงานเลี้ยงมาไม่น้อยเลย จะไปไม่ชินได้ยังไงกันล่ะ?” เจียงสื้อสื้อหรี่ตาลง จับจ้องไปที่เขานิ่ง”หรือว่าคุณคิดจะไปอยู่ร่วมกับหลี่ซีตามลำพัง? กลัวว่าฉันอยู่ด้วยแล้วจะไม่สะดวก?”
คิ้วคมกริบของจิ้นเฟิงเฉินขมวดเข้าด้วยกัน”คุณเอาจริงหรือเปล่า?”
เจียงสื้อสื้อมองไปยังเขาอย่างไร้เดียงสา น้ำเสียงอ่อนลง”ไม่ใช่เสียหน่อย แต่ฉันอยากจะไปกับคุณ”
จิ้นเฟิงเฉินถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ”ได้ พวกเราไปด้วยกัน”
เห็นว่าเขาตกปากรับคำมาแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ดีใจใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม”คุณดีจริงๆเลย”
“แต่ผมมีเงื่อนไข”
“คุณว่ามา”
ขอเพียงแค่เขายอมให้เธอตามไปด้วยกัน เงื่อนไขอะไรเธอก็สามารถตกลงได้ทั้งนั้น
“ถึงงานแล้วคุณจะต้องอยู่ข้างๆผมตลอดเวลา ห้ามเดินวุ่นไปไหนซี้ซั้ว”
คนที่ไปร่วมงานเลี้ยงเยอะผสมปนเปกันเยอะเกินไป เขากลัวว่าถ้าเกิดว่าเขาไม่ระวังไปนิดเดียวเธอก็จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาอีก
เจียงสื้อสื้อหลุดหัวเราะออกมา”ฉันไม่ใช่เด็กๆเสียหน่อย…”
เพิ่งจะพูดไปอย่างนี้ ก็มองเห็นสีหน้าของเขามืดครึ้มออกมา
เธอแลบลิ้นออกไป จากนั้นก็เปลี่ยนคำพูด”ได้ ฉันจะตามติดคุณอย่างแน่นอน ไปห้องน้ำก็จะตามไปด้วยเลย”
ถึงแม้ว่าเขาจะกังวลเกินไปหน่อย แต่เพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วง งั้นก็ทำตามที่เขาว่ามาแล้วกัน
ถึงวันงานเลี้ยง เจียงสื้อสื้อเปลี่ยนชุดราตรีที่แม่จิ้นเตรียมเอาไว้ให้เธอ ตั้งใจแต่งหน้าไปอย่างประณีต
ผมยาวที่ดำสนิทมัดรวบไปข้างหลังตามใจชอบ ปอยผมยาวหลายปอยดิ่งลงไปข้างแก้มอย่างเป็นธรรมชาติ ทำเอาใบหน้ารูปไข่สวยของเธอยิ่งดูเล็กลงมากขึ้น
จิ้นเฟิงเฉินผลักประตูเข้าไป ไม่เห็นใคร เดินเข้าไปยังห้องรับฝากเสื้อผ้า
ทันทีที่เดินไปที่หน้าประตู ก็เห็นเจียงสื้อสื้อที่กำลังยืนอยู่หน้ากระจก
ได้ยินเสียงฝีเท้า เจียงสื้อสื้อหันหน้าไป รอยยิ้มสดใสกำลังผลิบานอยู่บนใบหน้ารูปไข่สวย”เฟิงเฉิน คุณดูสิ ชุดนี้ที่คุณแม่เลือกมาให้สวยหรือเปล่า?”
ภายใต้แสงสว่าง ผิวขาวดุจหิมะของเธอ ฟันขาวดวงตาสดใส งดงามเป็นอย่างมาก
เขาค่อยๆเดินเข้าไปช้าๆ มายืนอยู่ตรงหน้าเธอ สายตาจับจ้องอยู่บนใบหน้าเล็กที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง มุมปากฉีกยิ้มออกมา”สวย สวยมาก”
เจียงสื้อสื้อยิ้มสดใสออกมามากขึ้นกว่าเดิม”งั้นก็ดี”
“แต่จู่ๆผมก็ไม่อยากให้คุณไปกับผมด้วยแล้ว” จิ้นเฟิงเฉินยื่นมือไปโอบเอวเธอเอาไว้
เจียงสื้อสื้อนึกว่าเขาจะไม่ให้ตัวเองไปจริงๆ จึงร้อนใจขึ้นมา”คุณเคยรับปากฉันมาแล้วนี่ จะมากผิดสัญญาไม่ได้นะ! ไม่อย่างนั้นฉันจะโกรธนะ!”
รอยยิ้มที่มุมปากของจิ้นเฟิงเฉินกดลึกขึ้น แล้วเอ่ยออกไปเสียงเบา”คุณสวยขนาดนี้ ผมไม่อยากให้คนอื่นเห็น”
ชายหนุ่มรู้สึกหวงแหนขึ้นมาโดยธรรมชาติ
เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา สายตาของเธอได้เคลื่อนออกไป ฉีกยิ้มออกมาทันที เปลี่ยนสีหน้าให้ดูจริงจังออกมา”งั้นฉันก็ไม่อยากให้คุณไปด้วยเหมือนกัน สามีของฉันหล่อเสียขนาดนี้ ถึงตอนนั้นแล้วจะต้องมีผู้หญิงหลายคนที่ต้องมีหัวใจสีแดงออกมาจากดวงตากันแน่ๆเลย”
“ผมแต่งงานแล้ว” จิ้นเฟิงเฉินพูดออกมาอย่างเอาจริงเอาจัง
หางคิ้วของเจียงสื้อสื้อเลิกขึ้น”แต่งงานก็ไม่ได้ส่งผลกับการที่พวกเธอจะมาตกหลุมรักคุณเลยนะ เพราะถึงยังไงพี่ชายคนหล่อก็ไม่มีใครเขาปฏิเสธกันได้หรอก”
“งั้นคุณพูดมาอย่างนี้แล้ว พวกเราก็อย่าไปกันเลย”
“ไม่!” เจียงสื้อสื้อส่ายหน้าปฏิเสธออกมา”ต้องไป ฉันก็อยากจะไปเจอหลี่ซีสักหน่อยเหมือนกัน”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มออกมา”งั้นก็ไปกันเถอะ”
เขาจับมือเธอเดินออกไปข้างนอก
จิ้นเฟิงเหราก็ได้รออยู่ที่ชั้นล่าง เห็นพวกเขาทั้งสองคนลงมาชั้นล่างด้วยกัน ส่ายหน้าพลางส่งเสียงจุ๊ๆเป็นเชิงชื่นชมออกมา”พี่สะใภ้ พี่ก็สวยเกินไปแล้วมั้ยเนี่ย!”
“นี่เป็นงานเลี้ยงที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่หลี่ซีกลับประเทศมา ก็ควรจะให้เกียรติคนเขาสักหน่อยสิ” เจียงสื้อสื้อพูด
จิ้นเฟิงเหรายิ้มออกมา”มันก็ใช่ อีกอย่างพี่สะใภ้ก็สวยมาตั้งแต่เกิดแล้ว สวมใส่อะไรก็ดูดีไปเสียหมด”
เจียงสื้อสื้อยิ้มสวย พลางเอ่ยออกมา”คำพูดนี้ฉันชอบฟังมากเลย”
“แต่ว่าก็ยังด้อยกว่าหวั่นหวั่นอยู่หน่อยนึงนะ”
ตอนที่เจียงสื้อสื้อเดินผ่านร่างของเขาไป ก็ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเขาเข้าพอดี จึงได้หลุดหัวเราะออกมาโดยไม่ตั้งใจ