ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1815 : รวมตัวกันในรอบหลายหมื่นปี

ตอนที่ 1815 : รวมตัวกันในรอบหลายหมื่นปี
  โกลาหลนี้ใหญ่โตอย่างมาก ความเร็วของกุยหยวนและผู้ควบคุมต่างกันอย่างมาก ยิ่งระดับต่างกันเท่าไหร่ ความเร็วก็ยิ่งต่างกันเท่านั้น พวกที่มาถึงตอนแรกคือพวกที่อยู่ใกล้ที่สุด ตามมาด้วยผู้ควบคุมและกุยหยวนที่อยู่ไกลออกไป
จางหยูมองดูการเคลื่อนไหวและรออย่างอดทน
ไห่อู่เซิงยังไม่ลงมือ เดาว่าจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้เขาคงไม่ได้บาดเจ็บแค่เล็กน้อย เขาต้องใช้เวลาเพื่อพักฟื้น
ยังไงซะ ไห่อู่เซิงก็ไม่เหมือนซุนเหยียนและเสี่ยวเสีย ซุนเหยียนและเสี่ยวเสียมีจางหยูคอยช่วย แค่ครู่เดียวก็สามารถฟื้นฟูร่างกายและจิตผู้สร้างขึ้นมาได้ แม้แต่วิญญาณก็ยังฟื้นฟูขึ้นมาได้อย่างเต็มที่ มีแค่จิตเท่านั้นที่ยังไม่ฟื้นฟู ไห่อู่เซิงได้แต่พึ่งตัวเองในการฟื้นฟูตัวเอง แม้ว่าจะบาดเจ็บน้อยกว่าแต่ก็ใช้เวลานานกว่า
จางหยูไม่มั่นใจว่าเมื่อไหร่ที่ไห่อู่เซิงจะปรากฏตัว เขาต้องช่วยคนให้มากที่สุด ก่อนที่ไห่อู่เซิงจะปรากฏตัว
สำหรับกุยหยวนและผู้ควบคุมที่อยู่ไกลนั้น จางหยูไม่อาจจะช่วยอะไรได้ เขาต้องอยู่ที่โลกป่าเพื่อดูแลความปลอดภัยที่นี่ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไปช่วยคนเหล่านั้นและทำให้โลกป่าตกอยู่ในอันตราย
“ แล้วซุนเหยียนกับเสี่ยวเสียล่ะ ?” จางเฮ่าหลันถามขึ้นมา
“ พวกเขาเกือบจะหายดีแล้ว ตอนนี้กำลังบ่มเพาะอยู่” จางหยูตอบกลับ
“ งั้นก็ดี” จางเฮ่าหลันพยักหน้า
ตราบใดที่จางหยู, ซุนเหยียนและเสี่ยวเสียยังอยู่ แม้ว่าไห่อู่เซิงจะมาหาพวกเขาแต่ก็ไม่ต้องกังวล ในทางกลับกันแล้วคนที่กลัวคงต้องเป็นไห่อู่เซิงแทน ในโกลาหลแห่งนี้ไห่อู่เซิงอาจจะรับมือจางหยู, ซุนเหยียนและเสี่ยวเสียไม่ได้
จางเฮ่าหลันไม่ได้ถามว่าทำไมจางหยูถึงไม่บ่มเพาะ เพราะเขารู้ว่าโลกป่านี้ต้องมีจางหยูคอยดูแล ไม่งั้นแล้วหากไห่อู่เซิงเข้าโจมตีที่นี่ เมื่อไม่มีกึ่งจ้าวโกลาหลคอยดูแล งั้นไห่อู่เซิงก็สามารถทำลายที่นี่ได้
จางเฮ่าหลันยังคงเล่นหมากรุกและพึมพำออกมา “ ไม่รู้เลยว่าโลกป่าได้พัฒนามาถึงจุดนี้ มันเหนือกว่าโลกอวี๋ฮุ่น ผู้ควบคุมขั้น 9 ถึงกับมารวมตัวกันที่โลกป่า หากเทียบกับโลกขั้น 9 เก่าแก่แล้ว โลกป่าเทียบกับพวกนั้นได้หมด ยกเว้นแค่เวลาที่กำเนิดขึ้นมา”
โลกป่าได้กลายเป็นศูนย์กลางของโกลาหลไปแล้วจริงๆ !
นอกจากนี้ยอดฝีมือจำนวนมากรวมไปถึงองค์กรระดับสูงแทบจะทั้งหมด ก็ได้ย้ายสำนักงานหลักมาที่โลกป่า สมาชิกหลักทั้งหมดได้มารวมกันที่โลกป่า นอกจากนี้แล้วยอดฝีมือในโกลาหลก็ยังมารวมตัวกันที่นี่ด้วย อย่างซังหนานเทียนและสัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆต่างก็พำนักอยู่ในโลกป่า
โลกป่าในวันนี้เติบโตและคึกคักกว่าในอดีต
มันเทียบได้กับโลกที่แข็งแกร่งและรุ่งโรจน์ที่สุด ก่อนที่จ้าวโกลาหลจะตายไปได้ด้วยซ้ำ !
ราชาสามคนได้ทำให้โลกป่ายกฐานะขึ้นไปอีก
“ หวังว่าเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้” จางหยูพูดขึ้น
“ ใช่สิ หงอีล่ะ” จางเฮ่าหลันมองไปที่จางหยู “ เจ้ามีแผนยังไง ?”
จางหยูพูดขึ้น “ ท่านพูดถึงอะไรกัน…”
จางเฮ่าหลันพูดขึ้น “ แน่นอนว่าข้าพูดถึงหงอี ”
พูดไปแล้วอายุของหงอีน่ะมากกว่าเขาไม่รู้กี่เท่า การที่เรียกแค่ชื่ออาจจะฟังดูไม่เหมาะสม แต่หงอีมีรูปลักษณ์เยาว์วัย นางยังเป็นถึงผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ที่สำคัญที่สุดคือหงอีไม่ได้ปิดบังว่าชอบจางหยู จางเฮ่าหลันเรียกชื่อนางแบบนี้ก็ยังพอรับได้
เมื่อได้ยินที่พ่อพูดถึงหงอี จางหยูก็ปวดหัวขึ้นมา “ เอาจริงๆแล้วข้าไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ข้าพูดกับนางไปชัดเจนแล้วว่าข้าไม่ได้สนใจนาง ข้าไม่ได้มีความรู้สึกรักใคร่แต่นางเหมือนจะไม่เข้าใจ”
“ นางมาที่ตีนเขาทุกปีเพื่อถามหาเจ้า แม้แต่ศิษย์ของเราก็ยังรู้จักนางกันหมด”
“ ทุกปีนางจะมาพร้อมกับซังหนานเทียน ” จางเฮ่าหลันพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ “ ในความเห็นของข้าแล้วนางหลงเจ้าเป็นอย่างมาก เจ้าไม่เก็บไปคิดหน่อยรึ ?” จางเฮ่าหลันเงียบไปชั่วครู่แล้วพูดต่อ “อันที่จริงข้าไม่สนเรื่องหรอก แต่แม่ของเจ้าน่ะพูดกับข้ามาหลายครั้งแล้ว นางหวังว่าเจ้าจะแต่งงานและมีลูก นางอยากอุ้มหลานแล้ว !”
จางหยูกรอกตาใส่ “ เรื่องความรู้สึกนี้ข้าไม่สนใจจริงๆ ยิ่งกว่านั้นแม้ว่าข้าจะยอมรับนางแต่ข้าก็ยังไม่อยากมีลูก ด้วยขอบเขตของข้าแล้วมันไม่ได้ง่ายที่จะให้กำเนิดลูก…” ยิ่งระดับสูงเท่าไหร่และแข็งแกร่งเท่าไหร่ โอกาสที่จะมีลูกได้ก็น้อยลงเท่านั้น มันราวกับว่าเพื่อสร้างความสมดุล
“ น่าเสียดาย ” จางเฮ่าหลันแสดงสีหน้าเสียดายออกมา “ คนสวยแบบนั้นเจ้าไม่รู้จักหวงแหนเอาไว้”
จางหยู ไม่ได้สนใจหงอี แม้ว่าบางครั้งจะใจสั่นอยู่บ้าง แต่นั่นเป็นแค่สัญชาตญาณของมนุษย์ จริงๆแล้วเขาไม่ได้สนใจนาง ดังนั้นในสายตาของเขาแล้วนางเป็นผู้หญิงที่สวยอย่างมาก นอกจากรูปลักษณ์ที่งดงามแล้วนางก็ไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่นเลย มันทำให้จางหยูไม่อาจจะยอมรับนางได้
เขารู้ดีว่าหงอีน่ะคิดกับเขายังไง
ถ้าสักวันถ้าเขาตกต่ำลงมา นางจะยังชอบเขาอยู่รึไม่ ?
จางหยูเชื่อว่าคำตอบคงเป็นไม่
ดังนั้นเมื่อดูจากความคิดของหงอีแล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรกับนาง นางไม่ใช่คู่ครองที่เขาต้องการ
“ อย่าพูดถึงนางเลย” จางหยูพูดขึ้น “ เมื่อเวลาผ่านไปนางก็จะยอมแพ้ไปเอง”
เขาเชื่อว่าตราบใดที่ไม่ติดต่อกับหงอี หงอีก็จะยอมแพ้ไปเอง
จางหยูเหมือนจะกลัวว่าจางเฮ่าหลันจะพูดเรื่องนี้ต่อ เขารีบลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ ท่านบอกให้ข้ามาเล่นหมากรุกกับท่าน แต่ตอนนี้ข้ามีเรื่องอื่นต้องไปจัดการแล้ว”
“ เรื่องอะไร ?” จางเฮ่าหลันถามขึ้นมา
“ หลังจากที่สร้างโลกบรรพกาลขึ้นมา มันก็ไม่มีโลกอื่นอีก ตอนนี้ได้เวลาที่จะสร้างโลกเพิ่มแล้ว” จางหยูพูดขึ้น “ ตอนนี้ข้าก็ว่างอยู่ ข้าควรจะสร้างโลกขึ้นมาเพิ่ม มันจะส่งผลดีต่อสำนักคังเฉียงอย่างมาก”
“ สร้างโลกรึ ?” จางเฮ่าหลันขมวดคิ้วและกังวล “ เจ้าจะออกจากที่นี่ไปรึ ?”
จางหยูส่ายหน้า “ ข้าไม่ได้ออกจากโกลาหลแห่งนี้ การสร้างโลกของข้าใช้วิธีที่เรียบง่าย”
จางเฮ่าหลันไม่เข้าใจ แต่ในเมื่อจางหยูไม่ออกไปจากที่นี่ งั้นเขาก็ไม่ต้องกังวล “ ได้ งั้นเจ้าไปเถอะ”
ต่อมา จางหยูก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ลานสำนัก
ด้วยการที่โลกป่าขยายตัว ภูเขาแห่งนี้ก็ใหญ่ขึ้นราวกับโลกขั้น 7 ลานขนาดเท่ากับสนามฟุตบอลนั้น ตอนนี้กว้างอย่างมาก มันถึงกับมีเนินเขาลูกเล็กๆอยู่ด้วย มันทำให้ลานแห่งนี้งดงามกว่าเดิม
จางหยูมองไปรอบๆโลกป่าและเรียกศิษย์กับอาจารย์ทุกคนมารวมตัวกัน “ ศิษย์และอาจารย์ทุกคนนอกจากฝ่ายดูแลแล้ว ให้มารวมตัวกันที่ลาน”
ทันทีที่จางหยูพูดจบก็ได้มีผู้คนมากมายแห่กันมาที่สำนักคังเฉียง
ไม่กี่อึดใจทุกคนก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ลาน  มันมีศิษย์และอาจารย์หลายคนอยู่ในโลกสาขา พวกเขาได้ใช้ตราของตนเพื่อเดินทางมายังสำนัก
นี่ก็ผ่านมาหลายหมื่นปีแล้ว ตั้งแต่ที่จางหยูเรียกรวมตัวครั้งล่าสุด นอกจากกึ่งจ้าวโกลาหลอย่างซุนเหยียนและเสี่ยวเสียแล้ว คนอื่นๆต่างก็มารวมตัวกันที่นี่หมด
ไม่ถึงครึ่งชั่วธูปทุกคนก็มารวมตัวกัน
จางหยูที่ลอยอยู่บนอากาศได้กลับลงมายืนที่ยอดเขา ส่วนศิษย์และอาจารย์คนอื่นๆยืนอยู่ด้านล่าง เขาราวกับเทพเจ้าที่ทุกคนยกย่อง
“ อาจารย์ !”
“ เจ้าสำนัก !”
ทุกคนต่างก็ทำความเคารพ
จางหยูก้มลงไปมองทุกคนก่อนจะนึกถึงฉากที่น่าคิดถึงในอดีต
อู่โม่, อู่ซินซิน, เซียวเหยียนและศิษย์กลุ่มแรกที่เข้าร่วมสำนักคังเฉียง ใบหน้าที่คุ้นเคยเหล่านี้กลับเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว จางหยูมองพวกนั้นแล้วนึกถึงอดีต
ข้างๆ อู่โม่และคนอื่นๆมีเฉินกู, อู่เฉินเฟิง, ราชามังกรแดงและคนอื่นๆ นี่คือเหล่าสัตว์อสูรในโลกป่าที่โดนหลอกให้เข้าร่วมสำนักคังเฉียง น่าเสียดายที่เผ่าจิ้งจอกนั้นมีไม่ถึงพันคน
จากนั้นก็เป็นบรรดาศิษย์ที่เขารับมาหลังจากที่เดินทางไปทั่วโลกป่าอย่างเซี่ยเฟิง, เหลยเจี้ยน,หนิวซิงไห่ และอาจารย์คนอื่นๆอย่างอู่ฉิงฉวน , หลินจื้อเป่ยและคนอื่นๆ
หลังจากนั้นเขาก็มองไปยังอ้าวคุน, อ้าวเยว่และคนอื่นๆรวมไปถึงเป่ยหลง
คนมากกว่าสองพันคนยืนอยู่ด้านล่างภูเขารวมไปถึงคนจากสำนักสาขาอย่างเย่ฟาน, ฉินหยู๋, ซุนหงอคง, จอมเทพอู๋ซื๋อกับอาจารย์สาขาคนอื่นๆ อีกทั้งยังมีเหล่าเทพอย่างผานกู่, และผู้อาวุโสคนอื่นๆ
ใบหน้าของทุกคนได้เล่าเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมารวมถึงพัฒนาการของสำนักคังเฉียง  จางหยูมองไปรอบๆได้สักพักก่อนจะถอนหายใจออกมา เขารู้สึกเหลือเชื่อ ในอดีตเกิดเรื่องราวขึ้นมามากมาย มันผ่านมาหลายหมื่นปีแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่ามันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้
จางหยูไม่ใช่คนอ่อนไหวแต่เขากลับใจสั่นเมื่อเห็นฉากนี้ ตาของเขาเริ่มแดงก่ำ เขาอดไม่ได้ที่จะถามตัวเอง เขากังวลเรื่องภายนอกและกังวลเรื่องความแข็งแกร่งของตัวเองเกินไปจนไม่สนใจคนเหล่านี้ เขาพลาดความงดงามของเรื่องเหล่านี้ไปได้ยังไง?
ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท