“หวั่นหวั่นล่ะ?” เจียงสื้อสื้อถาม
“หลับไปแล้วล่ะ” พอพูดถึงส้งหวั่นชีง จิ้นเฟิงเหราก็อดเป็นห่วงไม่ได้ “ให้เธอกลับไปพักผ่อนก่อน เธอไม่ยอมฟัง จะอยู่กับผมให้ได้น่ะครับ”
พอนึกถึงภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์แถมยังต้องอยู่ทำงานกับตัวเองจนดึกอีก จิ้นเฟิงเหราก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แถมยังรู้สึกผิดอีกด้วย
“รอเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว ก็ค่อยดูแลเธอดีๆแล้วกัน” เจียงสื้อสื้อรู้ว่าเขาคิดอะไร เลยพูดตอบเขาเสียงเบา
จิ้นเฟิงเหราพยักหน้า “อืม พี่ชายตกลงแล้วล่ะ ถึงตอนนั้นจะให้ผมลาพักร้อนได้”
“ช่วงนี้ทุกคนก็ลำบากหน่อยนะ”
ครั้งนี้เรื่องปัญหาทุกอย่างที่บริษัทกำลังเจออยู่นั้น ถ้าไม่ได้ทุกคนช่วยกัน แม้เฟิงเฉินจะแข็งแกร่งแค่ไหน เกรงว่าจะจัดการเรื่องแบบนี้คนเดียวได้ยาก
“พี่สะใภ้ครับ พี่ก็คงลำบากน่าดูเลย” จิ้นเฟิงเหราหัวเราะ “ที่จริงทุกคนก็ลำบากกันทุกคน แต่ที่เหนื่อยสุดคงเป็นพี่ชายผม”
“เขาลำบากมากจริงๆ” เจียงสื้อสื้อหัวเราะเบาๆ “แต่ว่า ขอแค่บริษัทดีขึ้นมาได้ ทุกอย่างก็คุ้มค่าแล้วล่ะ”
จิ้นเฟิงเหราหัวเราะและตอบ “อืม” เสียงเดียว “”พี่สะใภ้ครับ พี่ก็ไปพักผ่อนเถอะ ผมกลับไปที่ห้องทำงานก่อนนะครับ
“ได้เลย”
……
สามวันหลัง
งานหุ้นส่วนจัดขึ้นตามกำหนดการ
ภายใต้ความพยายามโดยไม่หยุดพักของจิ้นเฟิงเฉิน จิ้นกรุ๊ปลดความเสียหายที่มาจากโครงการปัญญาประดิษฐ์ให้น้อยที่สุด และฝ่ายประชาสัมพันธ์ก็ประกาศข่าวออกไปแล้ว หุ้นของจิ้นกรุ๊ปก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามคาด
ทุกอย่างกำลังไปในทางที่ดี
ไม่เหมือนกับบรรยากาศครั้งก่อนเอาแต่พูดจาข่มกัน งานหุ้นส่วนใหญ่ครั้งนี้ดีมาก ใบหน้าของหุ้นส่วนทุกคนต่างมีรอยยิ้มประทับใจ
จิ้นเฟิงเหราที่เดินเข้าห้องประชุมตามจิ้นเฟิงเฉินไป ก็อดไม่ได้ที่จะสบถในใจ
คนต่างก็เห็นแก่ได้ทั้งนั้น ในสายตามีแต่ผลประโยชน์
“เฟิงเฉิน นายมาแล้วเหรอ” ลุงเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
จิ้นเฟิงเฉินกวาดตามองเขาอย่างเรียบเฉย แล้วไปนั่งตรงที่นั่งหลักทันที จากนั้นก็พูดว่า: “คุณอาคุณลุงทุกท่าน พอใจกับผลลัพธ์นี้หรือเปล่าครับ?”
“พอใจสิ ต้องพอใจอยู่แล้ว”
พวกหุ้นส่วนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน
จิ้นเฟิงเฉินพูดโดยเผยอปากเล็กน้อย “ในเมื่อทุกท่านพอใจ งั้นยังอยากเลือกประธานใหม่ไหมครับ?”
“นั่นไม่จำเป็นแล้วล่ะ” ลุงเฉินมองคนอื่นๆ แล้วพูดต่อว่า: “พวกเราทุกคนไม่เคยคิดที่จะเลือกประธานคนใหม่เลย และนายก็ทำได้ดีมาก พวกเราทุกคนวางใจที่จะเอาจิ้นกรุ๊ปให้นายดูแลต่อ”
ครั้งก่อนเขาไม่ได้พูดแบบนี้เลยนะ
ดวงตามืดมนของจิ้นเฟิงเฉินมีความดูถูกพวกเขาเล็กน้อย แต่สักพักก็หายไป ต่อมาเขาก็พูดเสียงทุ้มว่า “หวังว่าต่อไปถ้าเจอเรื่องแบบนี้อีก ทุกคนจะเชื่อใจผมได้ และไม่สงสัยในความสามารถของผม”
“แน่นอนสิ แน่นอนอยู่แล้ว”
ทุกคนตอบเร็วมาก แต่ถึงตอนนั้นจริงก็คงทำได้ไม่กี่คน
จิ้นเฟิงเฉินไม่สนใจพวกนี้ ยังไงใช้ความสามารถในการพูด สำคัญกว่าสิ่งไหนๆ
“ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ก็แยกย้ายกันเถอะ”
ออกมาจากห้องประชุม จิ้นเฟิงเหราอดไม่ได้บ่นว่า: “พวกคุณอาคุณลุงพวกนี้ ในสายตามีเพียงผลประโยชน์ ไม่สนใจมิตรภาพเลยด้วยซ้ำ!”
จิ้นเฟิงเฉินหันไปหรี่ตามองเขา แล้วพูดเสียงเรียบว่า: “มีเหตุผล ยกโทษให้ได้”
“มีเหตุผลตรงไหนกัน?” จิ้นเฟิงเหราไม่เห็นด้วยกับที่เขาพูด “พวกเขาไม่คิดว่าที่พวกเขามีทุกวันนี้ได้ ก็ต้องพึ่งจิ้นกรุ๊ปและพี่ทั้งนั้น พอเกิดเรื่องขึ้นก็พลิกหน้าไวยิ่งกว่ากระดาษอีก”
จิ้นเฟิงเหรารู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของพวกหุ้นส่วนมาก!
“เฟิงเหรา นายรู้ไหมว่าจะปิดปากคนอื่นยังไง?” จิ้นเฟิงเฉินถาม
จิ้นเฟิงเหราคิดแล้วก็ถามอย่างตั้งใจว่า: “ปิดยังไงเหรอ?”
“ความสามารถ” จิ้นเฟิงเฉินกระตุกยิ้มมุมปาก “ขอแค่นายทำได้แล้ว ทำได้ดี คนที่ไม่พอใจนายมากแค่ไหน ก็จะยอมแพ้ไปเอง”
“พี่ ผมรู้แล้วล่ะ” จิ้นเฟิงเหราแสยะยิ้ม “แต่ผมก็คิดว่าพวกเขาทำเกินไปจริงๆ”
“ผ่านไปแล้วล่ะ ตอนนี้แก้ไขปัญหาได้แล้ว สำคัญกว่าสิ่งไหนๆ”
พูดถึงตรงนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็หยุดเดิน หันหน้าไปมองจิ้นเฟิงเหรา “นายจะลางานไม่ใช่เหรอ? ฉันอนุญาตแล้ว กลับไปอยู่กับหวั่นหวั่นและลูกเถอะ”
“แล้วพี่ล่ะ?”
“เดี๋ยวฉันค่อยกลับไป”
จิ้นเฟิงเฉินกลับไปถึงห้องทำงาน เห็นเจียงสื้อสื้อนั่งอยู่บนโซฟา แล้วกำลังนั่งสัปหงกอยู่
เขาก็ยิ้มออกมาอย่างเหนื่อยใจ
เขาเดินเข้าไปเรียกเธอเบาๆ: “สื้อสื้อ”
เจียงสื้อสื้อได้ยินเสียงแล้วก็ลืมตาขึ้น เงยหน้าขึ้นมาด้วยแววตาที่สะลึมสะลือ “จบแล้วเหรอ?”
“อืม จบแล้วล่ะ”
เจียงสื้อสื้อยกมือขึ้นบิดขี้เกียจ แล้วถามว่า: “พวกเขาไม่ได้ทำให้นายลำบากใจใช่ไหม?”
“เรื่องทุกอย่างจัดการเสร็จแล้วล่ะ พวกเขาจะว่าฉันได้ยังไงล่ะ?”
“งั้น……วันนี้กลับบ้านเร็วได้ใช่ไหม?” เจียงสื้อสื้อมองเขาด้วยแววตาที่คาดหวัง
จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะ “อืม”
“ดีจังเลย!”
เจียงสื้อสื้อดีใจจนลุกขึ้นมา แต่ลุกเร็วเกินไป ทันใดนั้นเธอก็หน้ามืด ตัวโซเซไปมา
“สื้อสื้อ!” จิ้นเฟิงเฉินรีบยื่นมือเข้าไปพยุงตัวเธอไว้ เขาตกใจจนหน้าซีดเซียวไปหมด
“อาจจะพักผ่อนไม่เพียงพอน่ะ” เจียงสื้อสื้อยิ้มให้กับเขา “โชคดีที่วันนี้จะได้พักผ่อนสักที”
“ยัยบ๊อก” จิ้นเฟิงเฉินมองเธออย่างเป็นห่วง
“ฉันไม่ได้บ๊องนะ!” เจียงสื้อสื้อมองเขาด้วยแววตาที่โมโห ต่อมาก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ถ้าฉันบ๊อง นายจะยังคบกับฉันอยู่ไหม?”
“ขอแค่เป็นเธอ ฉันได้หมด”
จิ้นเฟิงเฉินโอบเธอเข้ามาในอ้อมกอด เขากอดเธอไว้แน่นมาก ราวกับจะหลอมร่างกายเข้าไว้ด้วยกัน
เจียงสื้อสื้อซบหน้าอยู่ไปในอ้อมกอดเขาเงียบๆ พอได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้น เธอก็รู้สึกสบายใจมาก
ผ่านไปนานมาก จิ้นเฟิงเฉินถึงปล่อยตัวเธอแล้ว จากนั้นก็ก้มหน้ามองดูเธอ
ทั้งสองสบตาเข้าด้วยกัน
จิ้นเฟิงเฉินพูดขึ้นช้าๆว่า “ไปเที่ยวกันไหม?”
“ไปเที่ยวเหรอ?” เจียงสื้อสื้อยังไม่ทันรู้สึกตัว
“นานๆทีจะได้เลิกงานเช้า อยากพาเธอไปเดินเที่ยวจังเลย” จิ้นเฟิงเฉินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ช่วงนี้ยุ่งมาก เธอก็เครียดมากเหมือนกัน
แม้เธอจะไม่พูดอะไร แต่จิ้นเฟิงเฉินก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกนั้นของเธอ
เจียงสื้อสื้อขอบตาร้อนผ่าว แล้วพยักหน้า “อืม ได้สิ”
จิ้นเฟิงเฉินมาเจียงสื้อสื้อมาเดินถนนคนเดิน บอกว่าเป็นถนนคนเดิน แต่ความเป็นจริงแล้วมันคือสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองจิ่นต่างหาก
เข้าฤดูไม้ใบร่วงแล้ว อากาศเริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆ ถนนสองข้างมีใบเมเปิ้ลแดงที่สวยงาม
ทุกครั้งที่ถึงฤดูใบไม้ร่วง ก็คือเวลาที่ร้านค้าตามท้องถนนขายดีที่สุด มีเพื่อนบ้านเมืองข้างๆที่ได้ข่าวแล้วมาเที่ยวกันมากมาย
พวกเขาจับมือกัน สิบนิ้วผสานเข้าด้วยกัน แล้วเดินไปตามท้องถนนช้าๆ
“สวยจังเลย! ฉันแค่เคยได้ยินว่าถนนเส้นนี้มีบรรยากาศที่สวยมากตอนฤดูใบไม้ร่วง แต่ไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย”
ลมที่พัดมามีความหนาวเหน็บเล็กน้อย เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้จามออกมา
“หนาวเหรอ?” จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว
เจียงสื้อสื้อสูดน้ำมูก “นิดหน่อยน่ะ”
จิ้นเฟิงเฉินถอดเสื้อสูทออกมา แล้วคลุมไว้ที่ไหล่เธอ “ใส่ไว้สิ”
เสื้อคลุมที่เขาเพิ่งถอดออกมายังมีความอบอุ่นอยู่ และกลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาด้วย
เจียงสื้อสื้อใส่เอาไว้โดยไม่ขัดขืน เธอกอดอกไว้แน่น พูดด้วยรอยยิ้มว่า: “รู้สึกเหมือนนายกำลังกอดฉันอยู่เลย อบอุ่นจัง”
จิ้นเฟิงเฉินลูบผมเธออย่างเอ็นดู แล้วไม่ได้พูดอะไร
เจียงสื้อสื้อเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีคราม หัวใจของเธอฟูฟ่องขึ้นมาทันที เธอจับมือเขาไว้แน่น ถ้าได้เดินเล่นด้วยกันแบบนี้ทุกวันคงจะดีมากเลยนะ