เจียงสื้อสื้อครุ่นคิดสักพักแล้วพูดว่า: “หลี่ซีมาตอนนี้ น่าจะมาคุยเรื่องร่วมงานกับนายนะ”
จิ้นเฟิงเฉินมองดูเธอแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เจียงสื้อสื้อเม้มปาก แล้วถามตรงๆว่า: “นายจะตกลงร่วมงานกับเธอไหม?”
“เธอคิดยังไง”
“ฉันว่า หลังจากที่ผ่านเรื่องนี้มา ความเป็นไปได้ในการร่วมงานของนายกับหลี่ซีสูงขึ้น”
ตอนนี้ดูจากสถานการณ์ของจิ้นกรุ๊ปแล้ว ต้องการเพื่อนร่วมงานที่มีความสามารถ แบบนี้ถึงจะโน้มน้าวบริษัทอื่นๆที่ร่วมงานกับตัวเองได้
จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะเสียงเบา “เป็นแบบนั้นจริง แต่ว่า ฉันก็ต้องพิจารณาดีๆ จะไม่ตกลงร่วมงานง่ายๆ”
“ฉันรู้สึกว่าหลี่ซีแปลกๆ พวกเราจะต้องระวังและระวังอีก” เจียงสื้อสื้อไม่ค่อยชอบหลี่ซีเสียเท่าไหร่
เธอรู้สึกว่าหลี่ซีเย็นชาเกินไป ให้คนที่เห็นแล้วรู้สึกขนลุกซู่
“ได้”
จิ้นเฟิงเฉินลุกขึ้นเดินไปข้างๆเธอ จับมือเธอไว้แล้วถามเสียงเบาว่า: “เธอจะไปกับฉันไหม?”
“ได้เหรอ?” เจียงสื้อสื้อกลัวว่าตัวเองจะไปกระทบการสนทนาของพวกเขา
จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะ “ต้องได้อยู่แล้ว เธอเป็นเลขาของฉันนะ”
“งั้นฉันก็ทำตามที่นายต้องการแล้วกัน”
ที่จริงเธอก็ไม่อยากให้เขากับหลี่ซีอยู่ด้วยสองต่อสองอยู่แล้ว แต่ก็จะพูดขอไปด้วยกันกับเขาไม่ได้
กลัวว่าเขาจะคิดว่าตัวเองหึง
“ประธานหลี่ เดี๋ยวประธานของพวกเขาก็มาแล้วค่ะ” เลขาวางกาแฟไว้บนโต๊ะ แล้วยิ้มให้หลี่ซีอย่างมีมารยาท
ต่อมา ก็กลับหลังหันเดินออกไป
หลี่ซีคนกาแฟในแก้วด้วยสีหน้าเรียบเฉย มองไม่ออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
ผ่านไปสักพัก เธอก็ได้ยินเสียงเปิดประตู แต่เธอไม่ได้หันกลับไปมอง แล้วเอาแต่คนกาแฟในแก้วไม่หยุด
พอประตูเปิดออก เจียงสื้อสื้อก็เห็นร่างกายเพรียวบางที่หันหลังให้พวกเขา แล้วเธอก็รีบจับมือจิ้นเฟิงเฉินไว้
จิ้นเฟิงเฉินหันไปมองเธอ แล้วจับมือเธอไว้เหมือนกัน
“ประธานจิ้น น่าประหลาดใจจริงๆ ที่วันนี้ออกมาเช้าขนาดนี้”
ได้ยินเสียงเท้าเดินมาใกล้ๆ หลี่ซีก็เงยหน้าขึ้น แล้วยิ้มต้อนรับไป
แต่พอเห็นว่าเป็นเจียงสื้อสื้อ รอยยิ้มของเธอก็หายไปทันที
หลี่ซีเลิกคิ้วขึ้น “ไม่คิดว่าประธานจิ้นกับนายหญิงจิ้นจะรักกันขนาดนี้นะคะ ขนาดมาคุยเรื่องธุรกิจก็ยังมาด้วยกัน”
สายตาเธอมองไปที่สองมือที่ประสานกันแน่นของพวกเขาอย่างไม่ตั้งใจ
ไม่รู้ว่าเป็นภาพหลอนหรือเปล่า ในคำพูดของเธอนั้นมันเต็มไปด้วยความหึงกับคำพูดประชดเหน็บแนม
เจียงสื้อสื้อข่มอารมณ์ตัวเองไว้ไร้สีหน้าอาการใดๆ เธอตั้งใจมองจิ้นเฟิงเฉินอย่างไม่พอใจ “เพราะนายคนเดียวเลย จะต้องให้ฉันมาอยู่เป็นเพื่อนด้วย ตอนนี้โดนลูกค้าล้อเลยไหมล่ะ”
คำพูดของเธอเหมือนกำลังบ่น แต่ความเป็นจริงแล้วเธอกำลังประกาศตัวว่าเป็นเจ้าของต่างหาก
หลี่ซีมาไม่ดี เธอเชื่อลางสังหรณ์ของตัวเอง
หลี่ซีบีบช้อนในมือแน่น แต่ใบหน้ากลับพยายามฝืนยิ้มให้ได้มากที่สุด “นายหญิงจิ้น โชคดีจริงๆเลยนะคะ”
เจียงสื้อสื้อหันหน้ากลับไปยิ้ม “ขอบคุณค่ะ”
จิ้นเฟิงเฉินจะไม่รู้ความคิดของเธอได้ยังไง เขากระตุกยิ้มอ่อนๆ แล้วมองเธอด้วยแววตาที่เอ็นดู
หลี่ซีเห็นแล้ว ก็พยายามข่มความเกลียดชังที่กำลังปะทุขึ้นมา เธอพิงไปที่พนักเก้าอี้ แล้วพูดเปิดประเด็นเลยว่า: “ประธานจิ้น วันนี้ที่ฉันมา ฉันว่าจะคุยเรื่องธุรกิจกับคุณ หวังว่าพวกเราจะคุยกันดีๆได้”
จิ้นเฟิงเฉินนั่งลงตรงข้ามเธอ แล้วครุ่นคิดสักพัก จากนั้นก็พูดว่า: “ร่วมงานก็ได้ แต่ผมมีเงื่อนไขหนึ่งข้อ”
“เงื่อนไขอะไรคะ” ขอแค่ไม่มากเกินไปก็พอ เขาตกลงร่วมงานกับJR เธอก็ต้องตกลงอยู่แล้วสิ
“ข้อกำหนดในสัญญา ผมจะกำหนดเอง” จิ้นเฟิงเฉินพูด
“คิดว่าคุณจะบอกเงื่อนไขที่เกินจริงเสียอีก” หลี่ซีหัวเราะ
ที่จริงหลังจากที่จิ้นเฟิงเฉินพูดเงื่อนไขออกมาแล้ว เห็นได้ชัดว่าเธอแอบโล่งอก
“รับได้ไหมครับ?” จิ้นเฟิงเฉินถาม
หลี่ซีพยักหน้า “แน่นอนค่ะ ข้อกำหนดในสัญญาคุณจะตั้งยังไงก็ได้ ฉันเคารพการตัดสินใจของคุณ”
“งั้นก็ดีครับ” จิ้นเฟิงเฉินลุกขึ้น “ผมจะให้ผู้ช่วยทำสัญญาขึ้นมา ถึงตอนนั้นค่อยเอามาให้คุณอ่านนะครับ”
“ถ้าคุณตกลงล่ะก็ พวกเราก็ร่วมงานกัน แต่ถ้าไม่ตกลงล่ะก็ งั้นก็ช่างเถอะครับ”
หลี่ซีลุกขึ้นมา จ้องเข้าไปในดวงตามืดมนที่ลึกไม่เห็นพื้น แล้วแสยะยิ้มพูดว่า “หวังว่าประธานจิ้นอย่าตั้งข้อกำหนดที่ยากเกินไปก็พอ ไม่งั้นฉันเกรงว่าอาจจะตกลงไม่ได้”
“เรื่องนี้คุณวางใจได้ครับ”
จิ้นเฟิงเฉินคงต้องใช้โอกาสนี้ทำให้อีกฝ่ายลำบากใจแล้วล่ะ เรื่องเงินจะทำตามขั้นตอนปกติทุกอย่าง แต่แค่มีประโยชน์ต่อจิ้นกรุ๊ปก็เท่านั้นเอง
“งั้นเรื่องนี้ก็ตกลงกันตามนี้นะคะ” หลี่ซีมองเจียงสื้อสื้อที่อยู่ข้างเขา ยื่นมือขวาไป “นายหญิงจิ้น หวังว่าทุกตอนที่เซ็นสัญญา คุณจะอยู่ด้วยนะคะ”
เจียงสื้อสื้อจับมือเธอไว้ ใบหน้าที่ไร้เดียงสาฉีกยิ้มเชิงธุรกิจ “ฉันเป็นเลขาของประธานจิ้น ก็ต้องอยู่ด้วยอยู่แล้วค่ะ”
ทั้งสองจับมือกัน
ดวงตาประสานกัน
ไม่นาน หลี่ซีก็ปล่อยมือออก พูดกับจิ้นเฟิงเฉินว่า: “งั้นฉันไปก่อนนะคะ แล้วจะรอข่าวดีจากคุณนะคะ”
หลังจากที่หลี่ซีออกไปแล้ว เจียงสื้อสื้อยังยืนอยู่ที่เดิม คิ้วเล็กนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เป็นอะไรไปเหรอ?” จิ้นเฟิงเฉินถามอย่างเป็นห่วง
เจียงสื้อสื้อหันหน้าไป จ้องมองแววตาที่ห่วงใยของเขา แล้วเม้มปากยิ้ม “ไม่มีอะไร”
“กลับห้องทำงานกันเถอะ”
จิ้นเฟิงเฉินจับมือเธอไว้แล้วเดินออกไป ไม่ทันได้สังเกตเห็นรอยยิ้มที่จางหายไปของเธอ
เจียงสื้อสื้อกำลังนึกย้อนถึงตอนที่จับมือกับหลี่ซี เธอเหมือนจะสังเกตเห็นแววตาที่เกลียดชังของหลี่ซีเล็กน้อย
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหลี่ซีจนถึงตอนนี้ เธอยังรู้สึกไม่ดีกับหล่อนเลย
ถ้าเป็นไปได้ล่ะก็ เธอหวังว่าเฟิงเฉินจะไม่ร่วมงานกับหล่อน
พวกเขากลับไปถึงห้องทำงาน กู้เนี่ยนก็รีบตามเข้าไปด้วย
“คุณชายครับ คุณชายจะร่วมงานกับJRจริงเหรอครับ?” กู้เนี่ยนถาม
“ไม่หรอก” จิ้นเฟิงเฉินปฏิเสธ
กู้เนี่ยนโล่งอก “งั้นก็ดีแล้วครับ”
“นายว่าจะให้ผู้ช่วยทำสัญญาไม่ใช่เหรอ?” เจียงสื้อสื้อไม่รู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินจะทำอะไรกันแน่
เมื่อกี้ตอนอยู่ในห้องประชุม ทั้งที่เขาตกลงกับหลี่ซีแล้ว บอกว่าจะทำสัญญา แล้วทำไมตอนนี้ถึงไม่แล้วล่ะ?
“คุณชายครับ นี่มันยังไงกันแน่ครับ?” กู้เนี่ยนมองเจียงสื้อสื้อ แล้วมองจิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินเลิกคิ้ว “ฉันพูดแบบนั้นก็จริง แต่ฉันจะต้องทำแบบนั้นจริงเหรอ?”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “ความหมายของนายคือ นายหลอกหลี่ซีเหรอ?”
“ไม่ถือว่าหลอก ฉันแค่กำลังยื้อเวลาก็เท่านั้น” จิ้นเฟิงเฉินเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานด้านหลัง แล้วพูดต่อว่า: “สถานการณ์ตอนนี้ของจิ้นกรุ๊ป มีบริษัทมากมายที่อยากยกเลิกสัญญา ไม่อยากร่วมงานกับจิ้นกรุ๊ปอีก และJRกลับย้อนแย้งไม่เหมือนคนอื่น มาขอร่วมงานเองถึงที่ เรื่องนี้ฉันว่ามันแปลกๆ”
เจียงสื้อสื้อครุ่นคิด แล้วพูดว่า: “หลี่ซีคิดไม่ซื่อ ฉันคิดว่านายอยากร่วมงานกับเธอจริงๆเสียอีก ฉันกังวลแทบแย่”
พูดถึงตรงนี้ เจียงสื้อสื้อก็กังวลขึ้นมา “ถ้าเกิดว่าเธอรู้ว่านายหลอกเธอ จะทำยังไงล่ะ?”
“ยื้อเวลา” จิ้นเฟิงเฉินพูด “ในเมื่อเธออยากร่วมงานกับจิ้นกรุ๊ปจริง ฉันคิดว่าไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ เธอก็รอได้อยู่แล้ว”