เรื่องที่กู้เงินสำเร็จ คริสมินยังไม่รู้ รอจนถึงตอนที่เขารู้ ข่าวร้ายที่ใหญ่ยิ่งกว่าเรื่องหนึ่งก็ได้มาถึงเสียก่อน
“บอส คนจากสถานีตำรวจได้มาหากันถึงที่นี่แล้ว!” ลูกน้องได้โทรเข้ามา
คริสมินย่นคิ้วออกมา “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“เพราะว่าเงินทุนที่แจ็คเข้าลงทุนไปเมื่อก่อนหน้านี้มันมีที่มาไม่ชัดเจน มันจึงได้ดึงดูดความสนใจจากทางตำรวจ จึงทำให้หลายบริษัทและร้านค้าได้ถูกปิดไป สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือโครงการได้ถูกดองเอาไว้ กองทุนของทางบริษัทในตอนนี้ก็ได้ถูกแช่แข็งไปทั้งหมดด้วยเช่นกัน”
“แจ็คล่ะ?” คริสมินถามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
“หนีไปแล้ว”
ได้ยินสามคำนี้ที่ลูกน้องตอบกลับมา คริสมินพังโทรศัพท์ไปด้วยความโกรธจนยั้งอารมณ์เอาไว้อยู่ หน้าอกขยับขึ้นลงอย่างแรง
การลงทุนที่เขาเพิ่งจะดึงมาได้ ตอนนี้ได้ชวดไปหมดแล้ว ถึงขนาดที่ยังถูกทางตำรวจเพ่งเล็งเพราะว่าเงินลงทุนก้อนนี้อีก!
สีหน้ามืดครึ้มของเขาเหมือนกับน้ำหมึกไปหมด กัดฟันพูดออกมาตามไรฟันด้วยความโกรธ “ไอ้เวรแจ็คเอ๊ย!”
หลังจากที่สงบลงแล้ว เขาก็ได้รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาอีกครั้ง ทางตำรวจสืบเจอว่าเงินทุนของแจ็คมีที่มาไม่ชัดเจนได้ยังไงกันน่ะ?
ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นเอง โทรศัพท์สายที่สองก็ได้โทรเข้ามาอีกครั้ง นึกไม่ถึงว่าจะเป็นจิ้นเฟิงเฉิน
“ฉันคิดว่านายคงอยากรู้เรื่องแจ็คมากเลยสินะ” น้ำเสียงของจิ้นเฟิงเฉินประดับไปด้วยเสียงหัวเราะเยาะออกมา
คริสมินโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก “แกคิดจะเอายังไง?!”
จิ้นเฟิงเฉิน “ฉันได้ติดต่อตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศไปเรียบร้อยแล้ว เรื่องที่นายก่ออาชญากรรมที่ต่างประเทศเมื่อก่อนหน้านี้สันนิษฐานว่าพวกเขาน่าจะสนใจกันเป็นอย่างมาก”
คริสมินยิ้มเย็นออกมา “ฉันไม่รู้ว่านายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร”
จิ้นเฟิงเฉิน “นายไปเปิดคอมดูสิ ไปเปิดดูเมล์ที่ฉันส่งไปให้ในกล่องข้อความนายสิ สันนิษฐานว่าทางตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศจะต้องสนใจมากแน่ๆ”
คริสมินได้เปิดคอมทันที เขากดเข้ากล่องจดหมายดู ไม่กล้าที่จะเชื่อ เมล์นี้ทั้งหมดล้วนแล้วแต่จะเป็นหลักฐานที่เขาได้ก่ออาชญากรรมที่ต่างประเทศทั้งนั้น และที่สำคัญยังเป็นหลักฐานของจริงทั้งนั้น ขอเพียงแค่มีภาพและไฟล์เอกสารพวกนี้แล้ว เขาก็จะเข้าตะรางแล้ว
“นายคิดจะเอายังไง?” คริสมินได้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดประโยคนี้ออกมา
“พาซูชิงหยิงออกไปจากที่นี่ อย่าให้ฉันรู้ว่าพวกนายยังอยู่ที่ในประเทศ ไม่อย่างนั้นแล้ว…ฉันจะต้องทำให้พวกนายอยากตายก็ตายไม่ได้ อยากมีชีวิตอยู่ก็อยู่ไม่ได้!” น้ำเสียงของจิ้นเฟิงเฉินเรียบนิ่ง แต่ในความคิดของคริสมินแล้ว เจ้าหมอนี่อันตรายสุดๆไปเลย
หลักฐานที่ต่างประเทศของเขานั้นทั้งๆที่มันได้ถูกทำลายไปหมดแล้วแท้ๆ จิ้นเฟิงเฉินเอามาได้ยังไงกันน่ะ?
คริสมินในนาทีนี้เองก็ได้เข้าใจขึ้นมาทันที จิ้นเฟิงเฉินไม่ใช่คนที่เขาสามารถล่วงเกินได้
หลังจากที่วางสายไปแล้ว คริสมินรีบไปหาซูชิงหยิงทันที แล้วจองตั๋วเครื่องบินโดยทันที วางแผนที่จะกลับไปซ่อนตัวสักหน่อย ถ้าเป็นไปได้เขาหวังว่าจะไม่กลับมาอีกแล้ว
แต่ซูชิงหยิงไม่ทำ เธอไม่อยากกลับไปที่ต่างประเทศอีกแล้ว เธออยากแก้แค้น
คริสมินรักเธอมาก ไม่ยอมให้เธอต้องอยู่ในประเทศไปเพียงลำพัง ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร แล้วก็ได้ทำให้ซูชิงหยิงสลบ จากนั้นก็พาเธอออกไป เขาจะไม่มีทางปล่อยให้ซูชิงหยิงกลับมาอีกตลอดไป เขารู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินน่ากลัวเกินไป พวกเขาไม่สามารถเข้าไปยั่วยุจิ้นเฟิงเฉินได้อีก
หลังจากที่คริสมินออกไปอย่างรีบร้อนแล้วนั้น ซ่างกวนกรุ๊ปเองก็ได้ยุ่งวุ่นวายด้วยเช่นกัน ซ่างกวนเชียนเองก็รู้เบื้องลึกเบื้องหลังอยู่ไม่มากก็น้อยด้วยเหมือนกัน เขาเกลียดแค้นจนกัดฟันกรอดออกมาแต่มันก็ทำอะไรไม่ได้ เล่ห์เหลี่ยมของจิ้นเฟิงเฉินล้ำลึกเกินไป เขาสู้ไม่ได้เลย เขาจะอายใจต่อหยวนหยวนมากเลย
…….
หลังจากที่ภัยคุกคามจากซ่างกวนเชียนและคริสมินได้สิ้นสุดลง บริษัทของจิ้นเฟิงเฉินก็ค่อยๆฟื้นตัวกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ
แต่วิกฤตินี้มันยังไม่ทันได้ผ่านไป โครงการด้านการรักษาทางการแพทย์ของบริษัทก็ได้เกิดเรื่องขึ้นมาอีก บอกว่าในระหว่างการลำเลียงวัสดุไปได้ถูกลอบสับเปลี่ยนของไปแล้ว ตอนนี้ทรัพยากรในการรักษาทางการแพทย์ที่ Jrได้รับไปเป็นของปลอม
เรื่องนี้ส่งผลให้เกิดความโกลาหลขึ้นมา เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าอุบัติเหตุในการรักษาทางการแพทย์ที่ในประเทศมันจัดว่าเป็นโทษร้ายแรง ถ้าขายยาปลอม ระดับความรุนแรงของโทษนั้นก็จะหนักมาก
ในนาทีแรกที่จิ้นเฟิงเฉินได้รับการแจ้งมาอย่างนี้ คิ้วก็ได้ย่นเข้าหากันแน่นมาก เขาถามกู้เนี่ยนไป “ยาล็อตมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
กู้เนี่ยนเอ่ยออกมาด้วยความแคลงใจ “ยาล็อตนี้เป็นการร่วมมือที่เซ็นกับJRกรุ๊ป พวกเราเคยตรวจสอบไปแล้ว อันที่จริงระหว่างทางไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย พวกเราสงสัยว่าทางนั้นจะเป็นคนสร้างเรื่องเท็จขึ้นมาเอง แล้วมาใส่ร้ายพวกเรา”
“ไปสืบมาให้ชัดเจน!” ในดวงตาของจิ้นเฟิงเฉินได้เพิ่มความล้ำลึกอ่านยากออกมา เขานึกถึงหลี่ซีรายนั้นที่มาจากบริษัทนั้นขึ้นมา คนคนนี้ให้ความรู้สึกแปลกกับเขา เขาจะต้องรีบสืบเส้นสนกลในของคนนี้ให้ชัดเจนโดยด่วน
อีกทางด้านหนึ่ง หลี่ซีกับเจี่ยงฉือกำลังฉลองกันอยู่ที่บ้าน พวกเขาได้เริ่มโจมตีตระกูลจิ้นไปอย่างหนึ่งแล้ว การขายยาปลอม จะต้องสามารถทำให้ตระกูลจิ้นได้รับความเสียหายอย่างหนักได้อย่างแน่นอน
“คุณเยี่ยมมากเลยจริงๆ!” หลี่ซีจูบหน้าของเจี่ยงฉือ และก็ได้เอ่ยออกมาอย่างเป็นกังวลอีกว่า “หลักฐานพวกนั้นคุณได้ทำลายไปหมดแล้วหรือเปล่า?”
“วางใจเถอะ ไม่มีใครรู้ได้ว่าเป็นยาที่พวกเราทำ” เจี่ยงฉือยิ้ม
“ฉันอยากไปดูพี่ชายของฉัน” หลี่ซีลังเลอยู่สักพักหนึ่ง และก็ได้พูดออกมา
“ไม่ได้” เจี่ยงฉือไม่อนุญาต หลี่ซีเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
“ฉันเพียงแค่อยากจะไปดูสักหน่อยเท่านั้นเอง ไม่ได้ติดต่อกับเขาหรอก คุณก็รู้ พี่ชายเลี้ยงดูฉันดีมาก ก่อนหน้าหลังจากที่คริสมินได้ถูกพุ่งเป้าไป ซ่างกวนกรุ๊ปก็ตกต่ำลง ในทุกๆเรื่องก็ได้ถูกจิ้นเฟิงเฉินกดดันไปหมด ฉันอยากรู้สถานการณ์ของพี่ชาย” หลี่ซีพูดเสียจนน่าสงสารออกมา ช่วยไม่ได้ เจี่ยงฉือทำได้แค่เพียงต้องตอบตกลงไป
เช้าตรู่ของวันถัดมา หลี่ซีไปถึงตระกูลซ่างกวนตั้งแต่เช้า เธอนั่งอยู่ภายในรถ มองประตูทางเข้าไปเงียบๆ นี่เป็นตระกูลซ่างกวน ดูท่าเธอคงเหยียบเข้าไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ชั่วโมงหนึ่งผ่านไป ซ่างกวนเชียนก็ได้ออกมาจากบ้าน เขาสวมชุดดำทั้งตัว ขึ้นรถได้ด้วยสีหน้ารีบร้อน หลี่ซีเห็นภาพเหตุการณ์นั้นก็ได้บอกให้คนขับรถขับตามรถคันข้างหน้าไปทันที
เพียงไม่นานหลี่ซีก็ได้ตามซ่างกวนเชียนมาถึงสุสานแห่งหนึ่ง ทันใดนั้นเองหลี่ซีก็เข้าใจได้ทันทีว่าพี่ชายต้องการจะทำอะไร
เธอตามพี่ชายมาตลอดทางจนมาถึงหน้าหลุมฝังศพของตัวเอง เธอหลบอยู่ข้างต้นไม้ด้านหลังซ่างกวนเชียน มองพี่ชายมอบดอกไม้ไปที่หน้าหลุมศพตามลำพังไปด้วยความโศกเศร้า
“หยวนหยวน พี่ขอโทษเธอด้วยนะ”
ซ่างกวนเชียนแค่พูดมาประโยคนี้ประโยคเดียว หลี่ซีที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ยิน แต่ก็เหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมาด้วยเช่นกัน
น้ำตาของเธอไหลลงมา พี่ชาย รอให้ฉันจัดการตระกูลจิ้นก่อนนะ แล้วจะไปยอมรับความสัมพันธ์เป็นพี่น้องกับพี่ใหม่อีกครั้งอย่างแน่นอน
ภาพฉากนี้ ได้ถูกนักสืบเอกชนถ่ายภาพเอาไว้
หลังจากที่นักสืบเอกชนคนนั้นได้ถ่ายภาพไปแล้ว ก็ได้ส่งข้อมูลที่ได้รวบรวมมาส่งไปยังผู้ว่าจ้าง เสียงติ๊งต่องดังขึ้น จิ้นเฟิงเฉินที่กำลังทำงานอยู่ที่บริษัทได้รับข้อความที่ส่งเข้ามา
เพียงแค่เห็นบนหัวเขียนเอาไว้ว่า หลี่ซีก็คือซ่างกวนหยวน
มุมปากของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมา ซ่างกวนหยวน ฉันจะต้องทำให้เธอได้ชดใช้!
สามวันผ่านไป ตอนที่หลี่ซีกับเจี่ยงฉือกำลังทำงานอยู่ที่บริษัท คนจากสถานีตำรวจก็มากัน คนที่มาในครั้งนี้เป็นสารวัตรเฉิน
หลี่ซีตอนที่เห็นสารวัตรเฉิน ตื่นตกใจขึ้นมา เมื่อตอนนั้นตอนที่เธออยู่ที่เรือนจำ คนที่เฝ้าเธอก็คือสารวัตรเฉิน
ภายในใจของเธอรู้สึกตื่นตระหนกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ เพียงแค่เห็นสารวัตรเฉินเอาภาพภาพหนึ่งออกมา แล้วเอ่ยพูดออกมาอย่างไร้ความปรานี “ซ่างกวนหยวน คุณระเบิดตัวตายเพื่อที่จะหนีรอดไปจากโทษทางกฎหมาย เพิ่มบทลงโทษให้กับผู้กระทำความผิดอีกขั้นหนึ่ง กลับไปกับพวกเรา”
“ไม่ ฉันคือหลี่ซี พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว!” หลี่ซีส่ายหน้า พยายามปฏิเสธอย่างสุดชีวิต
เจี่ยงฉืออธิบายออกไป “พวกคุณเข้าใจผิดกันแล้ว เธอคือหลี่ซี ไม่ใช่ซ่างกวนหยวนอะไรนั่นเสียหน่อย อีกอย่าง พวกคุณมีหลักฐานหรือเปล่า?”
สารวัตรเฉินยิ้มเย็นออกมา “การตรวจDNAก็คือหลักฐานที่ดีที่สุด อีกทั้งยังมีคนเสนอหลักฐานการศัลยกรรมของคุณมาให้ด้วย ยืนยันแล้วว่าคุณก็คือซ่างกวนหยวน”
หลี่ซีส่ายหน้า “ไม่ ไม่!”
สารวัตรเฉินขยิบตาส่งสัญญาณให้ตำรวจที่อยู่ข้างหลังเข้ามาจับกุมหลี่ซีไปทันที
“แล้วก็คุณด้วยครับ เจี่ยงฉือ คุณได้ปลอมแปลงยาต้องห้าม มันก็เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายด้วยเหมือนกัน เชิญไปกับพวกเราด้วยครับ” สารวัตรเฉินให้คนไปกุมตัวเจี่ยงฉือมา
“ไม่ มีสิทธิ์อะไร! พวกคุณไม่มีหลักฐาน!” เจี่ยงฉือตะโกนเสียงดังออกมา
“โชคดีที่ได้รับการช่วยเหลือจากพลเมืองดี หลักฐานจึงมีเยอะมากเลย” สารวัตรเฉินแอบแฝงความหมายที่ลึกซึ้งเอาไว้ โยนหลักฐานลงไปบนโต๊ะ
หลักฐานเป็นภาพหนึ่งภาพและปากกาบันทึกเสียง ผู้ชายที่อยู่ในภาพเป็นคนที่เจี่ยงฉือเชิญมาผลิตยาปลอม และเนื้อหาในปากกาบันทึกเสียงนั้นเป็นคำให้การที่ชายคนนั้นให้การว่าเจี่ยงฉือให้เขาผลิตยาปลอม
พยานหลักฐานมีหมด เจี่ยงฉือมีใบหน้าซีดเผือดออกมา จะเป็นไปได้ยังไงกันน่ะ? ทั้งๆที่เขาได้ให้คนคนนี้เอาเงินออกจากประเทศไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าแม้แต่คนคนนี้ทางสถานีตำรวจก็ยังหาเจอได้
ไม่ บางทีอาจจะบอกว่าตำรวจเป็นคนหาเจอ ไม่สู้บอกว่าจิ้นเฟิงเฉินเสียดีกว่า!
ถึงแม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่จะแสดงว่าเป็นฝีมือของจิ้นเฟิงเฉิน แต่ภายในใจของเจี่ยงฉือมันได้มีความสังหรณ์ใจนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
ทั้งสองคนถูกกุมตัวออกจากบริษัทไป มาถึงด้านล่างบริษัท ในตอนที่กำลังจะขึ้นรถตำรวจไปนั้น รถบิวอิคก์สีดำสะดุดตาคันหนึ่งได้จอดอยู่ที่ตรงประตูทางเข้า คนที่ยืนอยู่เห็นได้ชัดว่าเป็นจิ้นเฟิงเฉินนั่นเอง
จิ้นเฟิงเฉินเผยรอยยิ้มที่ชวนให้ตื่นตะลึงมาให้พวกเขา หลี่ซีเองก็ได้เข้าใจขึ้นมาเช่นกัน เธอไม่ยินยอม เธอได้กู่ร้องออกมาว่า “จิ้นเฟิงเฉิน ถึงฉันจะตายก็ไม่มีวันปล่อยนายไป พี่ชายฉันจะต้องแก้แค้นให้ฉัน!”
เจี่ยงฉือเองก็ถลึงตาจ้องมองจิ้นเฟิงเฉินเขม็ง ท่ามกลางเรื่องบางเรื่องที่มีระดับความรุนแรงที่ไม่ด้อยไปกว่าสงครามครั้งนี้เอง เขานึกไม่ถึงเลยว่าจะได้พ่ายแพ้ไปรวดเร็วขนาดนี้เลย จิ้นเฟิงเฉินนะ จิ้นเฟิงเฉิน แกมันเยี่ยมยอดไปเลย ไม่เป็นไร วันเวลาต่อจากนี้ไปมันยังอีกยาวไกล รอฉันออกมาจะต้องกลับมาสู้กับแกให้รู้ดำรู้แดงไปเลย!
เพียงไม่นานทั้งสองคนก็ได้ถูกกุมตัวขึ้นรถไป มีเสียงสั่นสะเทือนออกมา ประตูรถปิดลง เสียงไซเรนดังกระหึ่มไปทั่ว
…….
หลี่ซีหลังจากที่กลับมาที่สถานีตำรวจ เธอจำใจต้องโทรไปหาซ่างกวนเชียน เธอบอกไปว่าตนนั้นเป็นซ่างกวนหยวน ซ่างกวนหยวนยังไม่ตาย แต่ว่าซ่างกวนเชียนที่อยู่ทางปลายสายไม่เชื่อเลย เพราะว่าเสียงและรูปลักษณ์หน้าตาไม่เหมือนกันเลย
หลี่ซีวางโทรศัพท์ลงไปด้วยความเจ็บปวดใจ ตอนนี้เธอยิ่งไร้คนที่พึ่งพาได้กว่าเดิม ถ้าไปยอมรับความสัมพันธ์กับพี่ชายไปให้เร็วกว่านี้เสียก็ดี
เนื่องจากว่าจิ้นเฟิงเฉินคอยขัดขาอยู่ เลยทำให้ข้อหาของหลี่ซีกับเจี่ยงฉือน่าเชื่อถือขึ้นเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเจี่ยงฉือจะเชิญทนายมา แต่สุดท้ายตอนที่ขึ้นศาลไป ทั้งสองคนก็ยังถูกตัดสินโทษอยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งซ่างกวนหยวน ที่เดิมทีแล้วควรจะต้องได้รับโทษอยู่ที่เรือนจำอยู่แล้ว เพราะว่าเรื่องที่แสร้งทำเป็นว่าตายแล้วทำการหลบหนีไป ผู้พิพากษาก็ได้ยืดเวลาการจำคุกของเธอให้นานขึ้นไปอีกหลายปี
รอจนถึงตอนที่หลี่ซีได้เข้าคุกไปจริงๆแล้ว ซ่างกวนเชียนถึงได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการศัลยกรรมของหลี่ซีมา เป็นฝีมือของจิ้นเฟิงเฉินที่ลอบส่งไปให้อย่างลับๆ เขาหวังว่าซ่างกวนเชียนจะเห็นแก่ที่ว่าซ่างกวนหยวนยังไม่ตาย แล้วอย่าได้มาสู้กับจิ้นกรุ๊ปอีกเลย ไม่อย่างนั้นแล้วในอนาคตซ่างกวนกรุ๊ปจะถูกทำให้ล่มจมแน่
ตอนที่ซ่างกวนเชียนมาเยี่ยมนักโทษที่เรือนจำ ก็ได้กลับมายอมรับความสัมพันธ์เป็นพี่น้องกับหลี่ซีใหม่อีกครั้ง
“พี่จำเธอได้ เธอก็คือซ่างกวนหยวน!” พึ่งพาการดำเนินพฤติกรรมที่คุ้นชินต่อน้องสาว ในที่สุดซ่างกวนเชียนก็แน่ใจแล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นซ่างกวนหยวนจริงๆ
“เป็นฉันเอง พี่ชาย ฉันทำร้ายพี่ ทำร้ายตระกูล!” หลี่ซีร้องไห้ออกมาจนน่าเวทนา เธอกับซ่างกวนเชียนถูกกั้นเอาไว้ด้วยหน้าต่างกระจก ทั้งสองคนมองกันจากไกลๆ ทำได้แค่เพียงติดต่อกันทางโทรศัพท์
ซ่างกวนเชียนถอนหายใจออกมา “เธอยังมีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว เรื่องแก้แค้นปล่อยไปก่อนเถอะ จิ้นเฟิงเฉินโหดร้ายไร้เหตุผลเกินไป ไม่มีแผนการที่รอบคอบ พวกเราก็สู้ไม่ได้เลย”
ทั้งสองคนได้พูดคุยกันไปบางส่วน สุดท้ายแล้วหลี่ซีก็ได้เชื่อฟังคำพูดของซ่างกวนเชียน อยู่ชดใช้โทษอยู่ที่เรือนจำไปอย่างหมดห่วง ซ่างกวนเชียนจะพยายามทำให้บริษัทไล่ทันและเหนือกว่าจิ้นกรุ๊ปให้ได้ ถ้าอย่างนี้แล้วล่ะก็ ถึงตอนนั้นแล้วจะมีอำนาจในการพูดที่เยอะมาก
……
หลังจากที่วิกฤติได้ผ่านพ้นไป บริษัทจิ้นกรุ๊ปนับวันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ความสูญเสียเมื่อก่อนหน้านี้ก็ได้เรียกคืนกลับมาได้หมดแล้วเช่นกัน
ณ ตระกูลจิ้น
หลังจากที่จัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จ จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกเหนื่อยมาก เขาจึงกลับห้องไปนอนสักงีบหนึ่ง ในเวลานี้เองเจียงสื้อสื้อก็กำลังดูการ์ตูนกับอานอานอยู่ที่ชั้นล่าง ในขณะที่กำลังนอนหลับฝันอยู่นั้น หัวของเขาได้ปวดแปลบขึ้นมาชั่วขณะ เขานึกถึงหลี่ซี นึกถึงซ่างกวนเชียน และนึกถึงเจียงสื้อสื้อขึ้นมา เขาเหมือนราวกับว่าได้เข้าไปในโลกแห่งความฝันที่ยาวไกลไม่มีสิ้นสุดอันหนึ่ง เขาฝันถึงหลากหลายเรื่อง เขารู้แล้วว่าหลี่ซีก็คือซ่างกวนหยวนและได้ทำร้ายเขามายังไง แล้วก็ยังมีเรื่องอีกหลายๆเรื่อง
“เฟิงเฉิน” เรียกเบาๆออกไปอยู่สักพักหนึ่ง จิ้นเฟิงเฉินก็ค่อยๆตื่นขึ้นมา “สื้อสื้อ” เขาเอ่ยปากพูดออกมาเสียงเบา
“ได้เวลาลงไปกินข้าวแล้ว” เจียงสื้อสื้อมองเขาไปด้วยความสงสาร ตอนที่เธอเข้ามาก็เห็นจิ้นเฟิงเฉินหลับตานอนอยู่บนเตียงไปด้วยใบหน้าที่เจ็บปวด เธอคิดว่าจิ้นเฟิงเฉินจะต้องฝันร้ายอย่างแน่นอน ทำงานหนักติดต่อกันหลายวัน เธอรู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินจะต้องเครียดมากแน่ๆ โชคดีที่ภัยอันตรายจากเจี่ยงฉือกับคริสมินนั้นได้ขจัดไปหมดแล้ว
จิ้นเฟิงเฉินเลิกผ้าห่มออก ทันใดนั้นเองก็ได้ดึงมือของเธอเอาไว้ “สื้อสื้อ ผมนึกเรื่องทั้งหมดขึ้นมาได้แล้ว”
เจียงสื้อสื้อประหลาดใจขึ้นมา
จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยออกมา “เรื่องในอดีตผมนึกขึ้นมาได้เยอะมาก ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ผมก็รู้ว่าหลี่ซีกับคริสมินทำไมถึงมาจัดการผม และผมก็รู้ด้วยว่าเมื่อก่อนคุณต้องเผชิญกับความเจ็บปวดมาเยอะมาก ทำร้ายให้คุณต้องเจอกับความทุกข์ทรมาน”
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้าออกมา “คุณนึกขึ้นมาได้ก็ดีแล้ว นึกขึ้นมาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะถึงยังไงพวกเราก็จะอยู่ด้วยกันทั้งนั้น”
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ยิ้มออกมาเช่นกัน “ใช่ พวกเราจะอยู่ด้วยกัน”
ทั้งสองคนมองหน้าพลางส่งยิ้มให้กัน
(จบบริบูรณ์)