บทที่ 12 คุณตามรังควานฉันเหรอ
“กินข้าวแล้ว”
ลู่เฉินถือกับข้าวออกมา และพูดกับหลินอี้จุน
วันนี้เขาพาฉีฉีไปเล่นทั้งวันและได้กินข้าวมาจากข้างนอกแล้ว แต่ก็ยังคงกลับมาทำกับข้าวให้กับหลินอี้จุนตรงเวลา
“ไม่กิน แค่เห็นหน้าคุณฉันก็อิ่มแล้ว”หลินอี้จุนพูดอย่างไม่พอใจ
ลู่เฉินหงายคิ้วขึ้นมา ช่วงเวลานี้เขากับหลินอี้จุนทะเลาะกันบ่อยมาก ตอนนี้เขาก็ขี้เกียจทะเลาะกับเธออีกแล้ว
“คุณต้องการให้ฉันป้อนคุณหรือ” ลู่เฉินพูดอย่างตลกเพื่อคลายอารมณ์เครียดของหลินอี้จุน
“คุณก็เป็นแต่ป้อนข้าวผู้หญิงแค่นั้นเอง ลู่เฉิน คุณสามารถมีความเป็นผู้ชายหน่อยและมีความสามารถมากกว่านี้ได้หรือไม่?” หลินอี้จุนมองไปที่ลู่เฉินอย่างดูถูก
“เกิดอะไรเหรอ?” ลู่เฉินขมวดคิ้วรู้สึกว่าหลินอี้จุนน่าจะเจอเรื่องปัญหาอะไร โดยทั่วไปแล้วเธอจะไม่โกรธโดยไม่มีเหตุผล
“เป็นเพราะคุณนั่นแหละที่ไปทำให้ฟ่านหมิงขุ่นเคือง เขาบังคับให้ฉันไปติดตามลูกค้าคนหนึ่ง ถ้าฉันไม่สามารถรับคำสั่งนั้นได้ เขาจะหักค่าโบนัสของฉันในเดือนนี้” หลินอี้จุนกล่าวอย่างโกรธเคือง
“ลูกค้าคนนั้นทำให้เธอต้องลำบากหรือ?” ลู่เฉินถาม
“มันมากกว่านั้น เขาต้องการให้ฉันไปที่โรงแรมกับเขา … ” หลินอี้จุน กล่าวอย่างโกรธเคือง
เมื่อลู่เฉินได้ยินเช่นนี้เขาก็โกรธเช่นกัน เขาระงับความโกรธและพูดว่า “เขาเป็นใคร ฉันช่วยคุณแก้ปัญหานี้ได้”
“คุณจะช่วยฉันแก้ปัญหาได้ยังไง”หลินอี้จุนมองไปที่ลู่เฉินอย่างเย็นชาและพูดอย่างดูถูก “คุณไม่เอ็นดูตัวเองก่อนหรือ คุณนึกว่าเพียงแค่ไปต่อยเขาก็จะสำเร็จทุกอย่างหรือ ลู่เฉินคุณคิดง่ายไปแล้ว คุณไปหางานทำ อย่างนั้นก็เป็นหนทางที่ช่วยเหลือฉันที่ดีสุดแล้ว และคุณรีบเลิกคิดแบบนี้โดยเร็วนะ ถ้าเพราะการกระทำของคุณทำให้ฉันต้องเสียลูกค้าคนนี้ไป ฉันจะเอาคุณให้น่าดูแน่ๆ ”
“คุณอยากไปเปิดห้องกับเขาเหรอ?” ลู่เฉินยิ้มเยาะ
“คุณ! ” หลินอี้จุนชี้ไปที่ลู่เฉินด้วยความโกรธและพูดอย่างเย็นชา ” ลู่เฉิน ถ้าคุณสงสัยในตัวฉันนั้นพวกเรารีบหย่ากันดีกว่า! ”
หลินอี้จุนกล่าวด้วยความโกรธและเดินกลับไปที่ห้องของ ฉีฉี อย่างโกรธขรึม
ลู่เฉินยักไหล่แล้วหยิบอาหารออกไปพร้อมนั่งดูทีวีที่ห้องรับแขก
วันรุ่งขึ้น หลังจากที่ลู่เฉินส่งฉีฉีไปโรงเรียนอนุบาลเสร็จ เขาก็ไปที่บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจีย
เพื่อดูแลลูกสาวของเขาให้ดี เขาเลยไม่ได้ไปที่บริษัทตั้งแต่ที่ซื้อกิจการบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียมา วันนี้เขามาที่บริษัทเพื่อค้นหาว่าลูกค้าของหลินอี้จุนคือใคร
ลู่เฉินเดินเข้าประตูบริษัทและพบยามหลายคนชี้มาที่เขา หลังจากได้ยินคำพูดของยามเขาก็โกรธมาก
“ได้ยินว่าเขาโดนไล่ออกไม่ใช่เหรอ ทำไมยังมาที่บริษัทอีก”
“เขายังไม่ถูกไล่ออกใช่ไหม”
“หา ฉันจำได้ว่าหัวหน้าเหมือนจะบอกว่าไม่เพียงแต่จะทำให้เขาถูกไล่ออก ยังจะทำให้เขาไม่ได้รับเงินเดือนด้วยซ้ำ”
“ใช่ เดิมทีผู้อำนวยการฟ่านหมิงจะไล่เขาออก ในตอนนั้นฉันคิดว่าผู้ชายคนนี้จะถูกบริษัทไล่ออกแน่ๆ แต่ใครจะไปรู้ว่าในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ผู้บริหารเสี้ยกลับปรากฏตัวเพื่อปกป้องเขาไว้ แถมยังให้ฟ่านหมิงมาขอโทษกับเขา คุณรู้ไหมว่าทำไม”
“ทำไม? ”
“ฉันได้ยินมาว่าหลินอี้จุนภรรยาของเขามีความสัมพันธ์กับผู้บริหารเสี้ย”
ลู่เฉินเหลือบมองยามหลายคนนี้อย่างเย็นชา ยามหลายคนนั้นจึงเงียบลงและยักไหล่เดินจากไป
เวลาที่จากไปดวงตาของพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความหยอกล้อ
ลู่เฉินมาที่ห้องทำงานของเสี้ยจุนด้วยความโกรธและเสี้ยจุนก็รีบลุกขึ้นเพื่อทักทายเขา
แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าที่ไร้ความปรานีของลู่เฉิน รอยยิ้มของเขาก็แข็งขึ้นเล็กน้อย
“คุณชายลู่ครับ คุณมาที่นี่ทำอะไรครับ”เสี้ยจุนพูด
ลู่เฉินเดินไปที่ที่นั่งของเสี้ยจุนและนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นหยิบบุหรี่ออกมาสูบพร้อมถามอย่างใจเย็น”คุณรู้ไหมว่าหลินอี้จุนในแผนกการตลาดเป็นภรรยาของฉัน”
เสี้ยจุนพยักหน้าและกล่าวว่า “ฉันเพิ่งรู้ไม่กี่วันนี้ครับ คุณชายเฉิน คุณอยากจะเลื่อนตำแหน่งภรรยาของคุณหรือ? ”
ลู่เฉินเอนหลังและพูดเบา ๆ : “เรื่องการเลื่อนตำแหน่งเธอนั้นคุณไปจัดการเอง แต่อย่าทำให้ชัดเจนเกินไป สิ่งที่ฉันอยากจะบอกคุณในวันนี้มีอีกอย่างหนึ่ง”
เสี้ยจุนพยักหน้า หลังจากรู้ว่าหลินอี้จุนเป็นภรรยาของลู่เฉิน เขาก็เริ่มคิดสิ่งนี้และได้เตรียมหาโอกาสเพื่อถามความเห็นของลู่เฉิน
“ตอนนี้บริษัทมีข่าวลือว่าคุณมีความสัมพันธ์กับภรรยาของฉัน คุณรู้ไหม” ลู่เฉินจ้องไปที่เสี้ยจุน
“อะไรนะ? คุณชายลู่ ฉันเพิ่งรู้จักคุณนายเมื่อไม่กี่วันนี้เอง ฉันไม่ได้เคยติดต่อกับคุณนายมาก่อน แถมฉันยังไม่เคยได้พูดอะไรกับเธอด้วยซ้ำ คุณชายลู่โปรดตรวจสอบความจริงครับ! “เสี้ยจุนหวาดกลัวมาก สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นเลย
ในช่วยหลายปีนี้เขาก็มีเมียน้อยอยู่ แต่ล้วนไม่ใช่ผู้หญิงที่อยู่ในบริษัท
เขาครุ่นคิดสักพักและคาดว่าน่าจะมีคนต้องการใส่ร้ายเขา!
“ฉันรู้ว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณ แต่ถ้าคุณไม่จัดการเรื่องนี้ให้ดี ฉันก็จะไล่คุณออกไป” ลู่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มตํ่า
“คุณชายลู่ไม่ต้องกังวลครับ ฉันจะไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้ครับ เมื่อฉันตรวจสอบได้ว่าใครเป็นคนแพร่หลายเรื่องนี้ ฉันจะขับไล่เขาออกทันทีครับ”เสี้ยจุนถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรีบให้คำสัญญา
“การไล่พวกเขาออกจากบริษัท ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ คุณลองคิดดูว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร และจะสามารถคืนความบริสุทธิ์แก่ตัวคุณได้ยังไง” ลู่เฉินชี้หัวของเขาและกล่าว
เสี้ยจุนตะลึงชั่วคราวและตระหนักว่าหากเพียงแค่ขับไล่คนนั้นออก เหตุการณ์ก็จะถูกระงับเพียงภายในบริษัท แต่ใครจะรับประกันได้ว่าพนักงานที่ถูกไล่ออกจะไม่ไปแพร่กระจายที่ภายนอกล่ะ?
เมื่อคิดเช่นนี้ เขาก็มีความคิดคร่าวๆ อยู่ในใจแล้ว และหากถึงยามจำเป็นเขาจะใช้วิธีการทางกฎหมายมาช่วยด้วย
“คุณมาลองคิดดูว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร ส่วนตอนนี้นำข้อมูลของลูกค้าที่หลินอี้จุนรับผิดชอบมาให้ฉันดู”ลู่เฉินดับก้นบุหรี่และพูด
เสี้ยจุนพยักหน้าและสั่งให้เลขาไปหาผู้จัดการฝ่ายการตลาด
ไม่นานเลขาก็เดินเข้ามาพร้อมนำข้อมูลลูกค้ามาด้วย
“คุณชายลู่ นี่คือข้อมูลที่คุณต้องการ” เลขาฯ วางข้อมูลไว้ตรงหน้าลู่เฉินอย่างเคารพ สายตาที่มองลู่เฉินได้เปล่งเป็นประกายออกมาด้วย
ใครจะคาดได้ว่า ที่เดิมเขาเป็นเพียงพนักงานรักษาความปลอดภัยเล็กๆ คนหนึ่งของบริษัท แต่อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัท
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าเจ้านายดั้งเดิมเสี้ยจุนของตัวเองยังยืนอยู่ข้างๆ ลู่เฉินด้วยความเคารพ เลขาก็เกิดความหวาดกลัวต่อลู่เฉินขึ้นในใจ
หลังจากที่ลู่เฉินดูข้อมูลของอีกฝ่ายแล้ว เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาลู่จง
หากคุณกล้าที่จะมีความโลภต่อภรรยาของเขา คุณก็ต้องกล้ารับผลที่ตามมา
หลังจากวางสายแล้วลู่เฉินก็พูดอีกครั้ง “นอกจากนี้แล้ว โปรดแจ้งให้คนของบริษัททราบด้วยว่าจะมีการประชุมผู้บริหารทุกฝ่ายในวันศุกร์นี้และฉันจะไปเข้าร่วมงานด้วย”
“โอเค ฉันจะแจ้งให้ทุกคนทราบครับ” เลขาของเสี้ยจุนพยักหน้าและออกไปแจ้งผู้จัดการในฝ่ายต่างๆ
หลังจากที่ลู่เฉินและเสี้ยจุนพูดคุยเกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาของบริษัทกันแล้ว เขาก็เตรียมจะจากไป
เมื่อเขาเดินผ่านห้องทำงานของฟ่านหมิง เขาได้เห็น หลินอี้จุนและฟ่านหมิงเดินออกมาจากห้องทำงานพร้อมกัน
“คุณมาทำอะไรที่นี่ ตามรังควานฉันเหรอ? “เมื่อได้เห็นลู่เฉิน หลินอี้จุนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และความโกรธก็ผุดขึ้นมาในใจด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอนึกถึงว่าลู่เฉินสงสัยคำพูดที่เธอพูดในเมื่อคืน เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าลู่เฉินได้ตามรังควานเธอมา