บทที่ 19 ถ้วยดิน
เมื่อเดินไปรอบๆร้านขายของสะสมนี้ หลินอี้จุนรู้สึกตกใจในราคาของเหล่านี้
ลู่เฉินเดินตามมาไม่พูดอะไร ของสะสมโบราณพวกนี้ราคาหลายหมื่น แต่เขาก็มีกำลังซื้อได้ แต่หลินอี้จุนไม่เชื่อเขาจึงไม่อยากซื้อของที่มีราคาแพงนัก
และในขณะที่หลินอี้จุนจะตัดสินใจเดินจากไป ลู่เฉินได้ถูกถ้วยสีเทาใบหนึ่งดึงดูดเขาไว้
เขาหยิบถ้วยนั้นขึ้นมาดูด้วยความสงสัย อันดับแรกสีเทาหม่นนี้มันช่างไม่น่าสะดุดตาเสียจริง อีกอย่างราคาเพียงสองพันนี้ก็ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของนักสะสมเช่นกัน
“พ่อหนุ่มมีแววตาแหลมคมเหลือเกินนะ นี่คือของที่ระลึกทางวัฒนธรรมของสมัยราชวงศ์ซ่ง ว่ากันว่าเคยเป็นของผู้นำสมัยราชวงศ์ซ่งเคยใช้ดื่มเหล้า อย่ามองแต่ภายนอกว่าสีสันไม่สวยงาม แท้จริงแล้วมีค่าต่อการอนุรักษ์นะพ่อหนุ่ม” เถ้าแก่เห็นลู่เฉินมองดูถ้วยที่เขาซื้อมานานหลายปีก็ยังขายไม่ออกสักที จึงรีบเดินหน้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เมื่อสามปีก่อนเขาได้ถ้วยนี้มา เขาเหมือนโดนหลอกซื้อมาด้วยราคาถึงหนึ่งหมื่น แต่เมื่อนำกลับมาเขาขายในราคาห้าหมื่นจึงไม่มีใครสนใจ
ต่อมาเขาลดราคาลงเรื่องจนถึงสองพัน ก็ยังไม่เคยมีผู้ใดสนใจ
แต่ในวันนี้ลู่เฉินกลับดูสนใจถ้วยใบนี้ เขาดีใจมาก
ได้ต้นทุนคืนมาสักสองพันก็ยังดี
“อ้อ อย่างนี้เอง” ลู่เฉินยิ้ม เขานำแก้วมาเคาะใกล้ๆหูแล้วฟังดูเสียงก้องกังวานนั้น สายตาเขามีซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้
“คุณไม่ได้จะซื้อถ้วยใบนี้ให้คุณพ่อใช่ไหมคะ?” หลินอี้จุนหันมาถามเมื่อเห็นลู่เฉินพูดคุยกับเถ้าแก่ เธอค่อนข้างไร้อารมณ์
“ผมมีความคิดว่าอย่างนั้นนะ อีกอย่างราคาไม่แพงด้วย” ลู่เฉินยิ้มตอบ
หลินอี้จุนยิ่งเหนื่อยใจมากขึ้น ราคาไม่แพงก็จริงอยู่ แต่ก็น่าจะเลือกชิ้นที่สวยกว่านี้สักหน่อย
ของสะสมเชยๆชิ้นนี้ต่อให้เขามีกำลังซื้อ พ่อของเธอก็คงไม่รับมันไว้
“เถ้าแก่ครับลดหน่อยได้ไหม?”ลู่เฉินมองมาที่เถ้าแก่
เถ้าแก่ส่ายหน้าพูดว่า “พ่อหนุ่มเอ๋ย ราคานี้ถูกมากแล้ว ตอนที่ผมไปรับมาด้วยราคาหนึ่งพันแปดร้อย ผมได้กำไรเพียงสองร้อยเท่านั้นเอง เห็นใจกันหน่อยเถอะนะ สมัยนี้ค้าขายยากเหลือเกิน”
ภายในใจของเถ้าแก่คล้ายเลือดกำลังหยด ของสุดธรรมดาชิ้นนี้เขาซื้อมันมาด้วยราคาถึงหนึ่งหมื่น แต่เขาไม่กล้าพูดมันออกไป
เพราะถ้าเขาพูดมันออกไปก็เท่ากับบอกลู่เฉินว่าถ้วยนี้ไม่ใช่ของจริง
“ก็จริงอยู่ ของสะสมที่ดูไม่มีอะไรนี่คุณน่าจะไม่ได้กำไรนัก สองพันก็สองพัน ช่วยห่อให้ผมหน่อยนะครับ” ลู่เฉินพูดด้วยท่าทางเข้าอกเข้าใจเถ้าแก่
“คุณบ้าไปแล้วหรือไง?เงินตั้งสองพันซื้อของเก่าๆนี้ เงินคุณเยอะมากหรือไง?อีกอย่างต่อให้คุณเอาไปให้คุณพ่อ ท่านก็คงไม่เอาแน่ๆ” หลินอี้จุนเบิกตามองเขา
“วางใจได้น่ะ พ่อคุณต้องชอบแน่ๆ” ลู่เฉินพูดอย่างมั่นใจแล้วจ่ายเงินไป หลินอี้จุนยืนอยู่ข้างๆแทบกระอักเลือด
เถ้าแก่รับเงินไปและกำลังจะนำมาบรรจุถ้วยที่เขาวางขายมานานแสนนาน แม้ว่าจะขาดทุนไปถึงแปดพันแต่ก็ยังดีกว่าวางไว้ในร้านโดยเปล่าประโยชน์
“พ่อหนุ่ม ขอดูถ้วยในมือนั่นหน่อยได้ไหม?”
ในขณะนั้นมีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน สายตาเขาจับจ้องไปที่ถ้วยในมือลู่เฉิน
“อ้าว ท่านศาสตราจารย์หยู” เถ้าแก่พูดขึ้นเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาวางถุงบรรจุลงแล้วรีบไปต้อนรับ
“ศาสตราจารย์หยู”
“ศาสตราจารย์หยู”
ผู้คนที่กำลังดูของอยู่ในร้านเข้ามารุมทักทายชายวัยกลางคนผู้นี้
แต่ในสายตาเขาไม่ได้ให้ความใส่ใจพวกเขาเลย กลับจับจ้องมาที่ลู่เฉิน
ชายคนนี้ชื่อว่าหยูเจิ้งเทา เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงด้านของโบราณในเมืองยูโจวนี้ อาชีพของเขาคือศาสตราจารย์ในภาควิชาโบราณคดีของมหาวิทยาลัยยวี่โจว งานอดิเรกคือการสะสมของโบราณที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สถานีโทรทัศน์ยวี่โจวได้เชิญเขาไปออกรายการในฐานะแขกผู้มีเกียรติหลายครั้ง อีกทั้งยังเป็นผู้ประเมินและรับประกันคุณภาพในการประมูลของสะสมในยวี่โจวด้วย
ในวงการของสะสมโบราณนี้ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเขา ทุกคนล้วนให้ความเคารพนับถือ
หยูเจิ้งเทาพยักหน้าตอบรับคำทักทายของทุกคน แล้วมองกลับมาที่ถ้วยในมือลู่เฉินอีกครั้ง
“พ่อหนุ่ม ขอดูถ้วยในมือนั้นหน่อยได้ไหม?”หยูเจิ้งเทาพูดขึ้นอีกครั้ง
ลู่เฉินพยักหน้าและส่งถ้วยนั้นให้หยูเจิ้งเทา
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใกล้ชิดวงการนี้แต่พอได้ยินมาบ้างว่าหยูเจิ้งเทาเป็นผู้มีความสามารถในแวดวงของโบราณ
“พ่อหนุ่มซื้อถ้วยนี้มาราคาไหร่กัน?” หยูเจิ้งเทาพูดขึ้นด้วยแววตาตื่นเต้นหลังจากพิจารณาถ้วยนั้นครู่หนึ่ง แต่เขาก็เก็บซ่อนอารมณ์นั้นไว้ แทบไม่มีใครทันเห็นแววตาเป็นประกายของเขา
“สองพัน” ลู่เฉินตอบ
“ถ้วยนี้มองไปแล้วดูเหมือนของในสมัยโบราณชิ้นหนึ่ง แต่ภายนอกคล้ายกับถูกแต่งเติมในภายหลัง ไม่แน่ใจนักว่าจะเป็นของแท้หรือไม่ แต่ตัวผมชอบการเดิมพัน ไม่แน่ว่าวันนี้อาจโชคดี” หยูเจิ้งเทาวิจารณ์ถ้วยนั้น
“ตอนที่ซื้อมาผมก็คิดเหมือนท่าน แถมรับมาด้วยราคาตั้งหนึ่งหมื่น แต่น่าเสียดายที่ผมโชคไม่ดี” เถ้าแก่พูดด้วยความรู้สึกเสียดาย
อย่างไรก็ตามเขารับเงินมาแล้ว ก็ไม่กลัวว่าลู่เฉินจะหาว่าของนั้นปลอมอีกต่อไป จึงได้เอ่ยความจริงออกมา เพราะลู่เฉินคงไม่กล้าขอคืนเงินแน่
“การเสี่ยงดวงมีได้มีเสีย โดยเฉพาะกับของโบราณเหล่านี้” หยูเจิ้งเทายิ้มมาทางลู่เฉิน “พ่อหนุ่มเอาอย่างนี้ไหม ผมให้ราคาคุณสองหมื่น คุณขายถ้วยนี้ให้ผมว่ายังไง?ผมอยากจะลองดูเหมือนกันว่าวันนี้โชคเข้าข้างผมไหม”
ซื้อของราคาสองพันด้วยเงินสองหมื่น หรือว่าถ้วยนี้จะเป็นของจริง?
ผู้คนในร้านได้ยินคำพูดของหยูเจิ้งเทาล้วนหันมามองถ้วยดินที่อยู่ในมือเขาด้วยความสนใจ
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะมองอย่างไร มันก็เป็นเพียงถ้วยธรรมดาๆใบหนึ่งไม่มีอะไรพิเศษแม้แต่น้อย ทำให้พวกเขาเกิดความสงสัย
ส่วนเรื่องที่หยูเจิ้งเทาบอกว่าจะเสี่ยงโชคนั้นพวกเขาไม่มีใครเชื่อ
เพราะหยูเจิ้งเทาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สุดในเมืองยวี่โจวนี้ ผู้ที่รู้จักเขาดีจะไม่เชื่อว่าเขาเสี่ยงโชคแน่นอน
หากว่าเขาไม่ได้มองเห็นคุณค่าของถ้วยใบนั้น คงไม่ยอมขอซื้อถ้วยดินที่มองยังไงก็แสนธรรมดานี้ด้วยเงินสองหมื่นแน่
“สองหมื่น?” เถ้าแก่อุทานขึ้น เขาตกใจมากที่ได้ยิน ถ้าเป็นเช่นนี้เขาไม่ใช่ขาดทุนไปหนึ่งหมื่นแปดหรือ
“ขอโทษครับ ถ้วยนี้ผมจะซื้อเป็นของขวัญวันเกิดพ่อตา ผมคงขายให้ไม่ได้” ลู่เฉินกะพริบตาตอบ
แม้ว่าหยูเจิ้งเทาจะเก็บอารมณ์ไว้ได้ดี แต่ลู่เฉินก็ดูออกถึงแววตาเป็นประกายของเขาเมื่อครู่
ลู่เฉินรู้ได้ทันทีว่าถ้วยนี้เป็นของมีค่าเพียงไร
“หนึ่งแสน” เมื่อเห็นลู่เฉินกำลังเดินจากไป หยูเจิ้งเทารีบเสนอราคาขึ้น
หนึ่งแสน?
ผู้คนต่างประหลาดใจ พวกเขาเริ่มแน่ใจในความคิดก่อนหน้านี้
ถ้วยธรรมดาๆใบนี้เป็นของจริง!
คราวนี้เถ้าแก่แทบกระอักเลือดจริงๆ
เขาก็รู้แล้วว่าถ้วยนั้นเป็นของโบราณของแท้แน่นอน
หลินอี้จุนอ้าปากค้าง เธอแทบไม่เชื่อว่าถ้วยดินที่ลู่เฉินซื้อมาด้วยราคาสองพันนั้นจะสามารถทำกำไรได้ถึงเก้าหมื่นหก เธอไม่เข้าใจถึงแวดวงของโบราณนี่จริงๆ
ในขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยให้ลู่เฉินขายของชิ้นนั้นแก่หยูเจิ้งเทา เถ้าแก่ก็เดินเข้ามาขวางหน้าไว้
“พ่อหนุ่ม ขอโทษทีนะถ้วยใบนั้นไม่ขายให้แล้ว”
พูดจบก็ทำท่าจะแย่งถ้วยดินในมือลู่เฉินไปจากเขา