บทที่ 16 ประชุมผู้บริหาร
พนักงานบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียทุกคนล้วนรอคอยวันศุกร์ที่กำลังจะมาถึงนี้ พวกเขาจะได้พบเจอและร่วมประชุมกับผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่
ซึ่งทำให้พนักงานทุกคนตื่นเต้นและตั้งตารอ
ก่อนที่วันจริงจะมาถึง พนักงานบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียได้จินตนาการถึงผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ไปต่างๆนานา
บางคนพูดว่าเป็นมหาเศรษฐีจากเมืองอื่น
บ้างว่าเป็นเจ้าของธุรกิจอันดับต้นๆของเมืองยวี่โจว
กระทั่งบางคนพูดว่าเป็นทายาทเศรษฐีจากเมืองหลวง ต้องการพัฒนาความสามารถจึงได้เดินทางมาซื้อหุ้นที่ยวี่โจวนี้
แน่นอนว่าพนักงานสาวให้ความสำคัญกับหัวข้อนี้มาก โดยเฉพาะสาวโสด
ผู้ถือหุ้นรายใหม่จะเป็นคนยังไงกัน?
นอกจากเสี้ยจุนและเลขาของเขาแล้วไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน
ห่างจากเวลาประชุมอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ฟ่านหมิงจัดแจงแต่งกายอย่างเรียบร้อย มองดูแล้วช่างน่าเชื่อถือไม่ต่างกับหนุ่มๆอายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปี
เขาทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้หลินอี้จุนขึ้นมาแทนที่
และเพื่อจัดการลู่เฉินต่อหน้าเสี้ยจุนได้อย่างง่ายๆ
ในวันนี้เขาจะต้องทำให้ผู้ถือหุ้นรายใหม่ประทับใจในตัวเขาให้ได้
เขาต้องได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหารคนนี้ให้เร็วที่สุด
“หัวหน้าหลินครับ ใกล้ถึงเวลาที่ผู้ถือหุ้นรายใหม่จะเดินทางมาถึงแล้ว พวกเราไปกันเถอะ” ฟ่านหมิงพูดกับหลินอี้จุนด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ค่ะ” หลินอี้จุนพยักหน้าตอบรับ เธอหยิบแผนงานโครงการวิลล่าทะเลสาบจิงหลง และเดินตามฟ่านหมิงไปยังห้องประชุม
เธอเองก็สนใจเรื่องผู้ถือหุ้นรายใหม่อยู่ไม่น้อย
เมื่อทั้งสองเดินออกมาจากห้องทำงาน ก็พบลู่เฉินเดินออกมาจากลิฟต์
เมื่อหลินอี้จุนเห็นเขาในที่ทำงานอีกครั้งก็เชื่ออย่างสนิทใจว่าเขายังทำงานรักษาความปลอดภัยอยู่ที่นี่
แต่ตอนนี้เธอก็ได้เลื่อนขั้นเห็นหัวหน้าแล้ว และการประชุมกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า เธอไม่มีเวลามาใส่ใจเรื่องของลู่เฉิน ได้แต่มองไปที่เขาแวบหนึ่งแล้วเดินจากไป
แต่ฟ่านหมิงกลับหยุดอยู่ตรงนั้น
เหตุการณ์ที่ถูกลู่เฉินจัดการที่โรงพยาบาลในวันนั้นเขายังจำได้ขึ้นใจ รวมถึงที่ถูกเสี้ยจุนบังคับให้ขอโทษลู่เฉินต่อหน้าทุกคนนั่นด้วย หลังจากวันนี้เขาจะได้มีโอกาสแก้แค้นเสียที
“มีธุระ?” ลู่เฉินเลิกคิ้วถามฟ่านหมิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“เจ้าหนู ทำเป็นอวดดีอะไร?” ฟ่านหมิงพูด
ลู่เฉินยักไหล่ เขารู้ดีว่าที่ฟ่านหมิงมาขวางทางเขาไว้ด้วยเหตุผลอะไร แต่ฟ่านหมิงไม่ใช่คนที่เขาจะต่อกรด้วยจึงไม่จำเป็นต้องสนใจ
“รู้ไหมว่าวันนี้วันอะไร?” เขายิ้มเยาะเย้ยลู่เฉิน
“วันอะไร?” ลู่เฉินถามด้วยความประหลาดใจ
“วันนี้เป็นวันที่ผู้ถือหุ้นรายใหม่เข้ารับตำแหน่ง นั่นหมายความว่าเสี้ยจุนจะไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจของบริษัทอีกต่อไป หากปราศจากการเสี้ยจุน อยากรู้นักว่าใครจะคอยปกป้องแกได้อีก” ฟ่านหมิงพูด
“อ่อเหรอ แล้วไง?” ลู่เฉินแกล้งทำเป็นถามต่อ เขาไม่คิดว่าฟ่านหมิงจะมีความคิดเช่นนี้
“ต่อจากนั้นฉันจะเอาคืนทุกอย่างที่แกเคยทำเอาไว้ คิดว่าคนอย่างแกจะทำให้ฉันต้องอับอายต่อหน้าผู้คนโดยเปล่าๆงั้นเหรอ คอยดูเถอะฉันจะทำให้แกต้องก้มกราบขอโทษไร้ศักดิ์ศรีเหมือนขยะชิ้นหนึ่งต่อหน้าทุกคน” ฟ่านหมิงพูด
ลู่เฉินมองฟ่านหมิงเหมือนคนบ้าคนหนึ่ง เขาใช้มือปัดฟ่านหมิงไปทางอื่นแล้วเดินจากไป
“ไอ้หนู ถึงแม้เสี้ยจุนจะยังคงปกป้องแกอยู่ตอนนี้ แต่รอเมื่อไหร่ที่ฉันได้รับความไว้วางใจจากผู้ถือหุ้นรายใหม่นี้ ฉันก็สามารถเล่นงานแกได้ง่ายๆเช่นกัน!”
เมื่อได้ยินดังนั้นลู่เฉินได้หยุดลง เขาหันหลังกลับไปมองฟ่านหมิง
แล้วส่งยิ้มให้
สำหรับเขาแล้วนี่มันช่างเป็นคำพูดที่ตลกที่สุดที่เขาเคยได้ยินมาทีเดียว
ฟ่านหมิงจะเอาใจตัวเขาในฐานะผู้ถือหุ้นใหม่เพื่อเล่นงานตัวเขาในตอนนี้ นี่มัน…จะให้เขาพูดอย่างไรดี
“อ้อ งั้นขออวยพรให้คุณทำสำเร็จนะครับ” ลู่เฉินหัวเราะเดินจากไป
“ลู่เฉิน คุณกลับมาแล้วทำไมยังไม่ไปรายงานตัวอีก?” ขณะเดียวกัน หยูไห่หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขึ้นมาประชุมเจอกับลู่เฉินเข้าจึงเอ่ยถาม
ตำแหน่งของเขาในตอนนี้คือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แม้เขาจะซื้อหุ้นบริษัทนี้กว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ แต่เขายังไม่ได้ละจากตำแหน่งนี้
ไม่ใช่ว่าเขาเกิดชื่นชอบอาชีพนี้ แต่เป็นเพราะเขาไม่ได้มีเวลามาใส่ใจเรื่องพวกนี้ต่างหาก
“ทำไม จะไล่ผมออกอีกแล้วเหรอ?” ลู่เฉินเลิกคิ้วถาม
“แกอย่าได้ใจไปหน่อยเลย อีกเดี๋ยวในที่ประชุมฉันจะเอาเรื่องแกไปเสนอ” หยูไห่ขู่เขา
“ได้ครับ ผมจะให้โอกาสคุณแล้วกัน” ลู่เฉินเอ่ยขึ้นอย่างไม่รู้สึกอะไร
“หึ รอดูแล้วกัน” หยูไห่หน้าบึ้งตึง เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ลู่เฉินพูด ได้แต่เดินเข้าห้องประชุมไปด้วยความโมโห
“ผู้จัดการฟ่าน คุณว่าหากในที่ประชุมเรานำเรื่องที่ลู่เฉินทำตัวไร้มารยาทในบริษัทเสนอไป ผู้บริหารเสี้ยจะเล่นงานพวกเราไหม มันคล้ายกับพวกเรากำลังหักหน้าเขาต่อหน้าผู้ถือหุ้นรายใหม่อยู่เลยนะ” หยูไห่พูดด้วยความกังวล
อย่างไรเสีย เสี้ยจุนก็เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นบริษัท จะประมาทไม่ได้
“ไม่หรอก เพื่อช่วยให้เขาหลุดพ้นจากความสัมพันธ์ของลู่เฉิน เขาน่าจะสนับสนุนคุณด้วยซ้ำไป” ฟ่านหมิงส่ายหัว
คำพูดของฟ่านหมิงำให้หยูไห่สบายใจขึ้นไม่น้อย แต่ดูเหมือนเขานึกอะไรขึ้นมาได้ “ จะว่าไป เมื่อวานผู้บริหารเสี้ยเหมือนกำลังสืบว่าใครเป็นคนกระจายเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับหลินอี้จุน ถ้าหากโดนจับได้ว่าเป็นพวกเราปล่อยข่าว ต้องโดนไล่ออกแน่ๆ”
เมื่อฟ่านหมิงได้ยินก็ขมวดคิ้วขึ้น พวกเขาเคยได้ยินมาก่อนแต่ก็เพียงแค่เดาเท่านั้นไม่มีหลักฐานอะไรยืนยัน ถ้าเสี้ยจุนให้โทษเขาฐานะปล่อยข่าวลือเสียหาย พวกเขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน
“เรื่องนี้ต้องระวังหน่อยแล้ว เอาอย่างนี้ คุณรีบจัดการหาหลักฐานว่าสองคนนั้นเป็นพวกเดียวกันนะ ส่วนผมจะไปตีสนิทกับผู้ถือหุ้นรายใหม่นี้ เมื่อถึงเวลาเสี้ยจุนเอาผิดพวกเรา จากจำนวนลูกค้าในมือผม ผู้ถือหุ้นรายใหม่ต้องไม่ปล่อยให้ผมโดนเล่นงานแน่ เพียงแค่ผมยังอยู่ที่นี่ ก็สามารถปกป้องคุณได้เช่นกัน” ฟ่านหมิงพูด
หยูไห่พยักหน้า แต่ในใจไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก ใครจะไปรู้ว่าคำพูดชักจูงในตอนนั้นจะส่งผลมาถึงตอนนี้
ทั้งสองเดินเข้าห้องประชุมไป คนอื่นๆได้เดินทางมาถึงก่อนแล้ว
อีกยี่สิบนาทีจะถึงเวลาประชุม ทุกคนนั่งตั้งตารอคอยประธานคนใหม่ และยังคงคาดเดาไปต่างๆนานา
ฟ่านหมิงและหยูไห่นั่งลงในที่ที่จัดเตรียมไว้ ในใจก็ตั้งตารอ
“ผู้จัดการฟ่านคะ คุณรู้หรือเปล่าผู้ถือหุ้นรายใหม่คือใคร?” พนักงานสาวข้างๆฟ่านหมิงเอ่ยถาม
“เขาน่าจะเป็นใครสักคนในบริษัทใหญ่ๆ หรือไม่ก็คุณชายตระกูลไหนสักแห่ง” ฟ่านหมิงยังไม่ทันตอบก็มีคนแย่งเขาตอบไปเสียแล้ว
“ฉันไม่ได้ถามคุณสักหน่อย คุณจะไปรู้เรื่องราวภายในได้ยังไงกัน” พนักงานสาวพูดขึ้นอย่างไม่เกรงใจ
พนักงานชายคนนั้นยิ้มอย่างไม่ได้ใส่ใจ เพราะเขาก็รอคอยวันนี้มานานเหมือนกัน
ตำแหน่งของฟ่านหมิงนั้นถือว่าเป็นผู้จัดการก็จริง แต่ในมือเขามีข้อมูลลูกค้าต่างๆมากมาย เสี้ยจุนเองก็ให้ความสำคัญกับเขาอยู่ไม่น้อย
ดังนั้นพนักงานพวกนี้จึงคิดว่าเขาจะเคยเห็นผู้ถือหุ้นใหญ่นี้บ้าง
“เป็นใครงั้นเหรอ อีกเดี๋ยวก็ได้เห็นกันละ” ฟ่านหมิงยิ้มตอบ
พนักงานสาวมองเขาด้วยหางตา ส่วนพนักงานชายมองเขาด้วยความเบื่อหน่าย
พวกเขารู้สึกว่าฟ่านหมิงเองก็คงไม่รู้เหมือนกัน
อีกไม่ถึงสิบนาทีผู้ถือหุ้นรายใหม่ก็จะเดินทางถึงแล้ว ถึงตอนนั้นทุกอย่างก็จะถูกเปิดเผยไม่มีอะไรต้องปิดบัง
“ได้ยินมาว่าผู้ถือหุ้นรายนี้มีหุ้นในมือกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าเป็นอย่างนี้เสี้ยจุนคงจะต้องตกจากตำแหน่งประธานกรรมการแล้วละ”พนักงานสาวคนหนึ่งพูด
“มันแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเขาไม่อยากได้ตำแหน่งประธานกรรมการ จะจัดประชุมวันนี้ทำไมกัน” พนักงานชายคนหนึ่งพูดขึ้น
“เฉินจุน คุณจะเอายังไงกับฉันกันแน่เนี่ย?” เธอมองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“อะไร ก็คุณพูดหลุดปากออกมาเอง จะมาโทษผมได้ยังไง” พนักงานที่ชื่อเฉินจุนขำขึ้น
“พวกคุณทางที่ดีเงียบๆหน่อยนะ อีกเดี๋ยวถ้าผู้ถือหุ้นรายใหญ่มาได้ยินเข้าจะทำยังไง?เขามาทำงานวันแรกก็เห็นพนักงานเป็นแบบนี้จะคิดยังไง?” ฟ่านหมิงเตือนขึ้น
เขาต้องทำตัวดีต่อหน้าเจ้านายใหม่คนนี้ แต่เมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานพูดกันอย่างสนุกสนานก็อดไม่ได้ที่จะตำหนิ
ทั้งสองตำแหน่งไม่สูงเท่าฟ่านหมิง จึงได้แต่เงียบเสียงลง แม้ว่าในใจจะไม่พอใจเท่าไหร่แต่ก็เงียบลงในที่สุด
ทุกคนนั่งเงียบรอการมาเยือนของผู้ถือหุ้นรายใหญ่คนใหม่
“มาแล้ว มาแล้ว” พนักงานคนหนึ่งที่นั่งติดประตูพูดขึ้น
ทุกคนมองไปที่ประตูทางเข้าห้องประชุม
พวกเขาเห็นเสี้ยจุนเดินตามชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามา