พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ – บทที่ 60 ความแตกต่าง

บทที่ 60 ความแตกต่าง

บทที่ 60 ความแตกต่าง

ในห้องรับแขก ฉีฉีวิ่งมาหาลู่เฉิน หลินต้าไห่และลู่เฉินพูดคุยกันอย่าถูกคอ

ก่อนหน้านี้เขาเองก็ไม่ค่อยชอบลู่เฉินเท่าไรนัก แต่นับจากมีฉีฉีแล้วเขาก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากวันเกิดครั้งที่แล้ว ลู่เฉินซื้อถ้วยเรืองแสงสมัยราชวงศ์ส่งมาให้เขาเป็นของขวัญ ความคิดที่มีต่อลู่เฉินก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

ถึงขนาดที่อุทานออกมาว่า “นี่สิ ถึงจะเป็นลูกเขยที่ดีของผม!”

“เธอรู้เรื่องเกี่ยวกับของสะสมโบราณมากเท่าไหร่ หลินต้าไห่ถามลู่เฉิน นับจากวันที่ลู่เฉินเห็นถ้วยเรืองแสงในร้านขายของสะสมก็รู้ทันทีว่าเป็นของแท้ในราชวงศ์ซ่งนั้น เขาก็คิดว่าลู่เฉินน่าจะมีความรู้ด้านนี้ไม่น้อย

“เมื่อก่อนเคยเรียนเกี่ยวกับด้านนี้มาไม่มากเท่าไหร่ พอรู้บ้างเล็กน้อยครับ” ลู่เฉินพูดอย่างถ่อมตัว หยุนลาวเป็นคุณครูสอนเรื่องพวกนี้ให้แก่เขา ลู่เฉินเรียนกับเขามาตั้งแต่เด็ก จึงมีความรู้ด้านของโบราณไม่น้อย

พูดตามจริง ถ้าเขามีความสนใจด้านของสะสมโบราณ ไปหางานเกี่ยวกับด้านของโบราณพวกนี้เงินเดือนเดือนละ 7-8 หมื่นก็ไม่ใช่เรื่องยาก

“มะรืนนี้หนึ่งทุ่มตรงที่โรงแรมแชงกรีล่า มีงานแสดงของสะสมโบราณ เธอไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะเผื่อโชคดีได้ของโบราณมาไว้ในมือสักชิ้นสองชิ้น” หลินต้าไห่พยักหน้า เพียงแค่ลู่เฉินมีความรู้ด้านนี้บ้างก็เพียงพอแล้ว

เขาเองก็รู้สึกว่าการที่ลู่เฉินไปเป็นยามนั้น ดูถูกความสามารถตัวเองไปหน่อย เขาวางแผนพาลู่เฉินเข้าสู่วงการสะสมของโบราณนี้

เมื่อถึงเวลางานเลี้ยงเขาจะแนะนำลู่เฉินให้กับบรรดาคนวงในรู้จัก เงินเดือนไม่กี่หมื่นน่าจะหาได้โดยไม่ยาก

ลู่เฉินเข้าใจในความหมายของพ่อตาดี เขารู้สึกประทับใจมาก

หลินต้าไห่และหวังเสวี่ยปฏิบัติต่อเขาไม่เหมือนกันจริงๆ หวังเสวี่ยเพียงแค่อยากเกาะลูกเขยบินสู่ฟ้าแล้วเธอจะได้เชิดหน้าชูตา

ส่วนหลินต้าไห่นั้นเพียงแค่อยากหางานดีๆให้กับลูกเขย

“ครับพ่อ ผมจะไปตรงเวลาอย่างแน่นอน” ลู่เฉินพยักหน้าตอบรับ

ในเวลานั้นหลินอี้เจียเดินผลักประตูเข้ามา รอบข้างกายเธอมีชายหนุ่มอีกคนหนึ่งเดินตามเข้ามาด้วย

เมื่อลู่เฉินเห็นชายหนุ่มคนนั้นก็จำได้ว่า เป็นคนเดียวกับครั้งที่แล้วที่กินข้าวอยู่กับหวังเสวี่ยในร้านหยก 36 นั้น

ชายหนุ่มคนนี้ก็คือตี๋ฟู่ รองหัวหน้าฝ่ายขายของหยุนเฟยกรุ๊ป

หยุนเฟยกรุ๊ปเป็นองค์กรด้านอัญมณีอันดับหนึ่งของหยูโจว อยู่ในความดูแลหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลจั่ว

ตี๋ฟู่ มองดูลู่เฉินอย่างกระสับกระส่าย ครั้งที่แล้วในร้านอาหารหยก 36 เขา ได้ถูกลู่เฉินตบหน้าเขาอย่างจัง

จากการเจรจาความร่วมมือครั้งที่แล้ว เขาก็ถูกเสน่ห์ของหลินอี้เจียดึงดูดเข้าอย่างจัง และตามจีบเธออย่างบ้าคลั่งในสองสามวันนี้

เนื่องจากหวังเสวี่ยอยากให้ลูกสาวของตนแต่งงานกับเศรษฐี ดังนั้นทุกครั้งที่เดินทางไปเจรจากับลูกค้าเธอมักจะพาหลินอี้เจียไปด้วย

“สวัสดีครับคุณลุงหลิน” ตี๋ฟู่ ละสายตาจากลู่เฉินแล้วหันไปทักทายหลินต้าไห่

“อาฟู่ มาๆนั่งก่อนสิ” หลินต้าไห่พยักหน้าตอบรับแล้วชวนนั่งลง

หลินอี้เจียนำน้ำชามาเสิร์ฟแก่พวกเขาแล้วปลีกตัวไปเล่นกับฉีฉี

“ลู่เฉิน นี่คือ” ตี๋ฟู่ เป็นรองผู้จัดการฝ่ายขายของหยุนเฟยกรุ๊ป งานแสดงของสะสมโบราณในครั้งนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทหยุนเฟย อาฟู่ นี่คือพี่เขยของหลินอี้เจียชื่อว่าลู่เฉิน เขาพอมีความรู้ด้านของสะสมโบราณอยู่บ้าง วันมะรืนนี้จะเดินทางไปร่วมงานกับฉันด้วย” หลินต้าไห่ทำการแนะนำแก่ทั้งสอง

“สวัสดีครับพี่ลู่” ตี๋ฟู่รีบยื่นมือไปทักทายเขา แม้แต่ผู้จัดการร้านหยก 36 ยังต้องให้การต้อนรับเขา ตี๋ฟู่เองก็ไม่กล้ารอช้า

“สวัสดี” ลู่เฉินยื่นมือไปทักทายตอบ

“ตี๋ฟู่ ที่บริษัทยังรับสมัครผู้ประเมินราคาและคุณภาพเครื่องประดับอยู่ไหม?” หลินต้าไห่ถามขึ้น

“ใช่ครับ การจัดงานแสดงผลงานในครั้งนี้ คุณชายจั่วเองก็อยากใช้โอกาสนี้ค้นหาผู้ประเมินราคาและคุณภาพ ด้วยเช่นกัน” ตี๋ฟู่ตอบ

“อืม วันงานคงต้องรบกวนให้แนะนำลู่เฉินเสียหน่อยเขามีความรู้ด้านของโบราณนี้อยู่บ้าง วันเกิดฉันครั้งที่แล้วเขาใช้เงินเพียงสองพัน ซื้อถ้วยเรืองแสงของแท้ในสมัยราชวงศ์ซ่งมาได้” หลินต้าไห่พูด

ถ้วยเรืองแสงของแท้ในราชวงศ์ซ่ง!

ตี๋ฟู่ยิ้มด้วยความตกใจ ของสิ่งนั้นมีมูลค่ากว่าล้าน แต่เขากลับใช้เพียงแค่สองพันซื้อมาได้ ช่างโชคดีจริงๆ

“ได้ครับได้ครับ มะรืนนี้ผมจะช่วยแนะนำพี่ลู่ให้กับคุณชายจั่ว” ตี๋ฟู่พยักหน้าตอบรับ

ความรู้สึกเกรงกลัวที่มีต่อลู่เฉินนั้นก็หายไป

ก่อนหน้านี้ในร้านหยก 36 ผู้จัดการชิวปฏิบัติต่อลู่เฉินด้วยความเกรงใจเช่นนั้น เขาเองคิดว่าลู่เฉินเป็นคนใหญ่คนโตเสียอีก

คาดไม่ถึงว่าต้องให้เขาช่วยหางานให้

ที่แท้ก็เป็นแค่ขยะเท่านั้นเอง

แม้ในใจจะดูถูกลู่เฉิน แต่อยู่ต่อหน้าตระกูลหลิน ตี๋ฟู่ต้องแสดงท่าทีให้เหมาะสม

“งั้นก็รบกวนด้วยนะ” หลินต้าไห่พยักหน้า เขารู้สึกว่าตี๋ฟู่ไม่เลวเลยทีเดียว

“คุณชายจั่วที่ว่าคือ จั่วชิงเฉิงสินะ” ลู่เฉินถามขึ้นมา

“ใช่ครับ คุณชายจั่วตอนนี้เป็นผู้สืบทอดบ้านตระกูลจั่วลำดับที่หนึ่ง ธุรกิจของบ้านตระกูลจั่วเกินกว่าครึ่ง อยู่ในความดูแลของคุณชายจั่ว พี่ลู่รู้จักกับคุณชายจั่วเหรอครับ” ตี๋ฟู่มองดูลู่เฉิน แล้วพูดด้วยแววตาดูถูก

แม้แต่หน้าที่การงานยังต้องอาศัยเขาหาให้ คนอย่างลู่เฉินจะไปรู้จักคุณชายจั่วได้ยังไง?

“ใช่ เคยเจอกัน” ลู่เฉินนึกถึงเมื่อวันที่เขาไปดูพื้นที่จัดตั้งบริษัท จั่วชิงเฉิงได้แสดงท่าทีโอ้อวดต่อหน้าเขาในใจก็ขำขึ้นมา

แน่นอนว่าสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหยูโจวนั้นหากรวมพลังกันก็เป็นปึกแผ่นที่แข็งแรงได้ ลู่เฉินไม่ได้ดูถูกหรือละเลยเขาแม้แต่น้อย

อย่างน้อยในตอนที่เขายังไม่แข็งแกร่งพอ จะไม่มองข้ามสี่ตระกูลใหญ่นี้เด็ดขาด

แม้แต่ท่านเจ้าเมืองที่ให้ความเคารพนับถือเขา ก็ยังไม่กล้ามองข้ามสี่ตระกูลใหญ่นี้

สี่ตระกูลใหญ่นี้ดำเนินกิจการในหยูโจวมานานหลายสิบปี และมีเครือข่ายความสัมพันธ์ในทางหลักๆมากมาย ก่อนหน้านี้แม้กลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยเคยควบคุมทั้งสี่ตระกูลใหญ่ก็จริง แต่ทางที่ดีเขาควรเลือกรักษาระยะห่างและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

ที่จริงหากเป็นไปได้ลู่เฉินเองก็อยากจะร่วมมือกับพวกเขา

“ใช่ครับ คุณชายจั่วเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง คนที่รู้จักเขาก็ไม่น้อย” ตี๋ฟู่ฟังลู่เฉินพูดจึงตอบกลับอย่างประชดประชัน

แม้หลินต้าไห่จะฟังไม่ออกถึงความหมายแท้จริงในคำพูดนั้น แต่ลู่เฉินจะไม่เข้าใจได้อย่างไร?

เขาได้แต่ฟังแล้วก็ยิ้ม

เมื่อหลินอี้จุนออกมาจากห้อง ลู่เฉินและฉีฉีก็พากันกลับบ้านไป

เช้าวันต่อมาลู่เฉินส่งฉีฉีไปโรงเรียนแล้วก็โทรศัพท์หา Three Heroes of the Water Margin

ให้หูหงไปหาเขาที่บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจีย

เมื่อวานนี้หลินอี้จุนพูดว่าอยากให้เขาลุกขึ้นก่อตั้งบริษัทอีกครั้งหนึ่ง เขาจึงวางแผนว่าจะซื้อธุรกิจร้านค้าของบ้านตระกูลหู เพื่อตอบสนองความต้องการของหลินอี้จุน

เมื่อวางสายลู่เฉินก็ออกเดินทางไปยังบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจีย

ณ บัดนี้ ตั้งแต่ผู้บริหารไปถึงพนักงานธรรมดาของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจีย ทุกคนต่างกังวลใจเรื่องที่กลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยยุบตัวลง ทำให้พวกเขาไม่แน่ใจว่าบริษัทจะเป็นอย่างไรต่อไป

และไม่แน่ใจว่าข่าวลือนี้รั่วไหลไปจากใครที่ว่า ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทอยู่ ก็คือคุณชายในกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยซึ่งตอนนี้ กลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยยุบตัวลง แล้วบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป

แม้กระทั่งเสี้ยจุนเองก็ยังมีความกังวลใจไม่น้อย และหลายวันมานี้ลู่เฉินไม่ได้ติดต่อเขามาเลย ส่วนเขาก็ไม่กล้าติดต่อไปที่ลู่เฉิน

ภายในใจเขารู้สึกสับสนอย่างมาก

หากลู่เฉินไม่ถอนหุ้นออก เขาก็เชื่อว่าบริษัทยังดำเนินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น

แต่หากลู่เฉินถอนหุ้นออกจากบริษัท เขามีทางเลือกสองอย่างคือ ซื้อหุ้นในมือลู่เฉินกลับมาหรือ ถอนหุ้นออกเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียเองต้องยุบตัวลงด้วย

ซึ่งอย่างหลังนี้เป็นสิ่งที่เขาเองไม่อยากเห็น

“ผู้บริหารเสี้ย ท่านประธานลู่เดินทางมาถึงแล้วเมื่อสักครู่ เห็นเจ้าหน้าที่กำลังจอดรถให้” ในขณะที่เสี้ยจุนเองสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เลขาของเขาเดินเข้ามาแล้วรายงานเรื่องที่ลู่เฉินเดินทางมาให้ทราบ

“ในที่สุดก็มาแล้วสินะ” เสี้ยจุนได้ยินแล้วรีบลุกขึ้นเพื่อไปต้อนรับ

พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์

พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์

Status: Ongoing

บทนํา ประสบการณ์ชีวิตซุปเปอร์ริชรุ่นที่สองที่ไม่อยากกลับไปรับมรดกทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่อนิจจาภรรยาของเขาดันคิดว่าเขาไม่มีเงิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท