บทที่ 89 ร้านเครื่องประดับทั้งหลายมาเยี่ยมเยือน
“เอ้ย ลู่ คุณลู่ก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอเนี่ย ผมกำลังจะหาคุณอยู่พอดี” หลังจากเจิ้งเฉียสซานนั่งลงแล้วเห็นลู่เฉินนั่งอยู่ตรงกันข้ามกับเขา ก็รีบร้อนลุกขึ้นยืน ยื่นมือออกไปอย่างเคารพให้เกียรติ
“สวัสดีครับ” ลู่เฉินยิ้มบาง ไม่ได้ลุกขึ้น เพียงแค่นั่งเชคแฮนด์กับเจิ้งเฉียสซานเท่านั้น
เห็นลู่เฉินท่าทางไร้มารยาทเช่นนี้ จ่าวเสี่ยวเหรินแค่นยิ้มอยู่ในใจ คนเขาเป็นถึงร้านขายเครื่องประดับ เป็นเถ้าแก่ใหญ่ของจริง คุณแค่ช่วยพ่อตาให้ได้เงินแค่ไม่สิบล้านเท่านั้น ก็กล้าที่จะไม่เอาเถ้าแก่เจิ้งไว้ในสายตา?
ทว่าในพริบตาต่อมา ครอบครัวทั้งสามคนนี้ก็ต้องเบิกตากว้างอีกครั้ง
เจิ้งเฉียสซานกลับไม่ได้โกรธที่ลู่เฉินไร้มารยาท เขาหัวเราะฮึๆ ส่งถุงของขวัญถุงหนึ่งให้กับลู่เฉิน กล่าวอย่างให้เกียรติ “คุณลู่ ผมก็ไม่มีอะไรจะให้คุณ ได้ยินมาว่าภรรยาของคุณมีหน้าตาสวยงาม ที่ร้านเรามีสร้อยคอหยกเขียวเส้นหนึ่งพอดี ผมได้นำมันมาด้วย เป็นเพียงสิ่งของชิ้นเล็กน้อย หวังว่าคุณลู่และภรรยาคุณลู่อย่าได้ถือสากันเลย”
สร้อยคอหยกเขียวของจินซีฟู เป็นสร้อยคอชิ้นสำคัญ เขากลับเอาสร้อยคอล้ำค่านี้มอบให้กับลู่เฉิน จริงๆแล้วลู่เฉินเป็นใครกันแน่?
กูซินหยานตกใจ เธอเองก็ไปที่จินซีฟูซื้อเครื่องประดับอยู่บ่อยๆ แน่นอนว่าก็ต้องรู้จักสร้อยคอเส้นนี้
นั่นเป็นสร้อยคอที่ราคาเกือบสิบล้านเลยเชียวนะ!
ลู่เฉินพยักหน้า รู้จุดประสงค์ของเจิ้งเฉียสซาน เขาเอาสร้อยคอออกมาดู สวยงามมีราคามากจริงๆ หลินอี้เจียที่อยู่ด้านข้างมองแล้วก็รู้สึกอิจฉาไม่หยุด
เพียงแค่ว่าเถ้าแก่เจิ้งพูดว่าสร้อยคอเส้นนี้มอบให้กับพี่สาวของเธอ เธอเองก็รู้สึกไม่ดีที่จะได้มันมาแล้ว
ในส่วนนี้กูซินหยานก็ไม่สงสัยอีก แต่สายตาที่มองไปยังลู่เฉินกลับมีแต่ข้อสงสัยเต็มไปหมด
เมื่อกี้ก็ให้สร้อยคอที่ราคาเกือบสิบล้าน อีกทั้งยังเป็นสินค้าตัวเด่นของจินซีฟู เถ้าแก่เจิ้งคนนี้มีเรื่องสำคัญอะไรที่จะขอร้องกับลู่เฉินกัน?
แล้วลู่เฉินมีอะไรดี สามารถทำให้เถ้าแก่ของจินซีฟูมีความเคารพนับถืออย่างนี้ได้
ในพริบตานี้ ไม่เพียงแค่ทำให้บ้านสกุลจ่าวทั้งสามคนเกิดความสงสัยในใจ แม้แต่ภายในใจของหลินดาไห่กับหลินอี้เจียก็เกิดความสงสัยมากมาย
ยิ่งกลับไปคิดถึงวันนี้ที่หวงยาวจุนโทรศัพท์หาเขา บอกว่าจะพาคนใหญ่คนโตคนหนึ่งมาที่บ้านเขา เรื่องที่ให้เขาเรียกลู่เฉินออกมา หลินดาไห่ก็เกิดความตกใจ
หรือว่า…
คืนวันนั้นที่หลังจากกลับไปก่อน ยังมีเรื่องสำคัญอะไรเกิดขึ้นอีก และก็เป็นลู่เฉินที่ก่อเรื่องขึ้น?
“สร้อยเส้นนี้ไม่เลวเลย ภรรยาของผมจะต้องชอบอย่างแน่นอนครับ” ลู่เฉินยิ้มบางๆ เก็บสร้อยคอเรียบร้อย
เจิ้งเฉียสซานเองก็ปล่อยลมหายใจออกมายกใหญ่ ความหมายของคำพูดที่ลู่เฉินพูดออกมาก็คือ น้ำใจของเขาลู่เฉินได้รับเอาไว้แล้ว ต่อไปจะไม่ขัดขวางเขาอย่างแน่นอน
“ปังปังปัง!”
และในตอนนี้ ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น หลินอี้เจียออกไปเปิดประตูอีกครั้ง ผู้ชายหัวโล้นตัวโตยืนยิ้มอยู่ที่ด้านนอกประตูมองดูเธอ
ผู้ชายหัวโล้นถึงแม้จะสวมใส่ของแบรนด์เนม ดูดีมีสไตล์ แต่ด้วยความที่เขาหัวโล้นจึงทำให้หลินอี้เจียตกใจไปยกหนึ่ง
“รบกวนสอบถามหน่อยครับ ที่นี่คือบ้านของคุณลุงหลินดาไห่ใช่ไหมครับ?” เจ้าหัวโล้นถามยิ้มๆ
พอได้ยินว่ามีคนมาหาพ่อของตัวเองอีกครั้ง หลินอี้เจียจึงปล่อยลมหายใจ หมุนตัวหันไปพูด”พ่อ มีอีกคนมาหาพ่ออีกแล้วแน่ะ”
เจ้าหัวโล้นปิดประตูเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามา มองเห็นหลินดาไห่ที่ยืนอยู่เป็นคนแรก ก็รีบเดินเข้าไปแสดงความเคารพ “คุณลุงหลิน สวัสดีครับ ผมชื่อว่าหลิวจุนจี้ เป็นเจ้าของร้านเครื่องประดับโบรา ผมไม่ได้แจ้งคุณลุงเอาไว้ล่วงหน้าก็เข้ามาเยือนแล้ว ต้องขออภัยอย่างสูงครับ”
คนที่ดูอยู่อยากจะหัวเราะ มองดูเจ้าหัวโล้นที่ท่าทางโหดร้าย ในใจพูดว่าชื่อที่ออกจะหล่อเหลาคมเข้มนี้ไม่เหมาะกับตัวคุณเลยสักนิด
“นายเองก็จะมาหาลูกเขยของฉันสินะ” หลินดาไห่พูด
“โอ้โห คุณลุงหลินเป็นคนที่มีสายตาเฉียบแหลมเลยเชียว แค่มองก็ดูออกแล้ว” หลิวจุนจี้หัวเราะฮึๆ ไม่ได้รู้สึกกระดากใจ เขาส่งถุงของขวัญใบหนึ่งให้กับหลินดาไห่ “คุณลุงหลิน นี่คือโสมอายุสองร้อยปี ผมตั้งใจไปประมูลมันมาเป็นพิเศษ น้ำใจเล็กน้อย ขอให้คุณลุงรับมันไว้”
โสมอายุสองร้อยปี นั่นจะต้องประมูลเกือบถึงหนึ่งล้านถึงจะได้มันมานะ
ในพริบตานี้ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของจ้าวชุนเล่ย หรือว่าตัวหลินดาไห่เอง ในใจล้วนตกตะลึง ของขวัญชิ้นนี้มันจะมีค่าราคาแพงเกินไปแล้วหรือเปล่า
“เถ้าแก่หลิว แพงเกินไปแล้ว ไม่ได้ทำอะไรเลยไม่สามารถรับไว้ได้ ของขวัญชิ้นนี้ไม่กล้ารับไว้หรอก” หลินดาไห่ส่ายหัวโบกมือ คนเขามาหาลู่เฉิน ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาสักหน่อย ขืนรับของขวัญชิ้นใหญ่ราคาเป็นล้านไว้อย่างไร้เหตุผล เขารู้สึกว่าตัวเขาทนรับไม่ไหวแน่ๆ
ประเด็นหลักก็คือ หลิวจุนจี้คนนี้เป็นคนใหญ่คนโตของแท้ ชื่อเสียงยังนับว่าโด่งดังกว่าเจิ้งเฉียสซานอยู่
“พ่อ ในเมื่อเถ้าแก่หลิวมีใจอยากจะให้ พ่อก็เก็บเอาไว้เถอะ” ลู่เฉินพูดเสียงราบเรียบ
“อันนี้…” หลินดาไห่ยังรู้สึกลังเลอยู่ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าเจิ้งเฉียสซานและหลิวจุนจี้มาหาลู่เฉินเพราะเรื่องอะไรกันแน่
ถ้ามันเป็นเรื่องที่ยุ่งยากวุ่นวาย เขารับของขวัญคนอื่นมา แล้วลู่เฉินก็ไม่สามารถทำให้ได้ นั่นไม่ใช่ว่าเป็นการทำร้ายลู่เฉินหรอกเหรอ
“ไอ้หยา คุณลู่ก็อยู่เหรอเนี่ย” หลิวจุนจี้มองเห็นลู่เฉิน บังคับเอาถุงใส่โสมยัดลงในมือของหลินดาไห่ ก้าวเท้าเดินไปหาลู่เฉินเลย
“คุณลู่ สวัสดีครับ มารบกวนคุณแล้ว ต้องขออภัยด้วย” คนหัวโล้นเดินไปก้มเอวจับมือกับลู่เฉิน
ลู่เฉินไม่ได้ลุกขึ้นยืนเช่นกัน เพียงแค่ยื่นมือไปเชคแฮนด์กับหลิวจุนจี้
หลิวจุนจี้เองก็ไม่ได้โกรธเช่นกัน ทั้งยังหัวเราะฮึๆส่งถุงของขวัญยื่นไปให้ลู่เฉิน
“คุณลู่ คนที่ยอดเยี่ยมแบบคุณนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะให้อะไรถึงจะดี เพียงแค่ได้ยินมาว่าภรรยาของคุณลู่ทั้งสวยทั้งเก่ง ก็เลยเลือกแหวนแห่งแม่น้ำดานูบที่มีอยู่ในร้านมาให้ภรรยาคุณลู่”
อะไรนะ?
แหวนแห่งแม่น้ำดานูบ?
กูซินหยานและคนอื่นๆเบิกตากว้างอีกครั้ง ไม่อยากจะหูของตัวเองอย่างมาก
คนที่ชื่นชอบการไปเดินร้านเครื่องประดับล้วนรู้ดี สินค้าชิ้นสำคัญของจินซีฟูคือสร้อยคอหยกเขียว และสินค้าชิ้นสำคัญของเครื่องประดับโบราก็คือแหวนแห่งแม่น้ำดานูบ
สร้อยคอหยกเขียวราคาเกือบสิบล้าน ส่วนแหวนแห่งแม่น้ำดานูบราคาอย่างต่ำคือต้องสิบห้าล้าน
เจิ้งเฉียสซานและหลิวจุนจี้ทั้งสองร้านเครื่องประดับกลับส่งสินค้าขึ้นชื่อชิ้นสำคัญให้กับลู่เฉิน
พระเจ้า ถ้าเจ้าของร้านเครื่องประดับทั้งสองคนนี้ไม่ได้บ้าไปแล้ว งั้นลู่เฉินคงจะต้องเป็นคนใหญ่คนโตอะไรนี่แน่นอน
เพียงแต่ว่า…
ลู่เฉินเขาเป็นคนใหญ่คนโตอะไร?
ไม่ใช่บอกว่าเขาเป็นคนที่ไม่มีงานทำ ลอยชายไปมาหรอกหรือ?
เจิ้งเฉียสซานเห็นหลิวจุนจี้ให้ของขวัญที่มีค่าราคาแพงกว่าของเขา ในใจลึกๆก็รู้สึกไม่สงบขึ้นมา
ลู่เฉินรับของขวัญของหลิวจุนจี้ หลิวจุนจี้เองก็นั่งลงข้างๆเจิ้งเฉียสซาน ทั้งสองคนสนิทกัน หลังจากทักทายกันแล้วก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันนัก
และอย่างรวดเร็ว ก็มีคนมาเคาะประตูอีกครั้ง ยังคงเป็นเถ้าแก่ร้านขายเครื่องประดับ เขาทำอย่างเช่นที่แล้วมาคือส่งของขวัญให้กับหลินดาไห่แล้วจึงให้ของขวัญกับลู่เฉิน
ของที่ให้กับหลินดาไห่ล้วนเป็นชิ้นของโบราณไม่กี่แสนจำพวกนั้น และที่ส่งให้กับลู่เฉิน พื้นฐานแล้วล้วนเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ราคาสิบล้าน
จวบจนเจ้าของร้านเครื่องประดับคนที่สิบเข้ามา ในจังหวะที่ทั้งครอบครัวจ้าวชุนเล่ยอึดอัดจนไม่ได้หายใจ ตอนนั้นแหละถึงจะไม่มีเจ้าของร้านเครื่องประดับมาอีก
ครอบครัวจ้าวชุนเล่ยไม่กล้าที่จะนั่งอยู่ต่อไปนานแล้ว กำลังจะลุกขึ้นขอตัวลากลับด้วยใบหน้าขมขื่น ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอีก
ในครั้งนี้ หลินดาไห่เป็นคนไปเปิดประตูเอง
มองเห็นสองคนที่เดินเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวจ้าวชุนเล่ย หรือว่าเจ้าของร้านเครื่องประดับทั้งสิบคนนั้น ล้วนก็ไม่สามารถที่จะอดตกใจไม่ได้