บทที่ 181 วางกับดักจับศัตรู
“พี่ค่ะ ทำยังไงดี แจ้งตำรวจก็ไม่ได้ พี่เขยก็ไม่ฟังที่พี่พูด ดูแล้วสถานการณ์แบบนี้ คืนนี้เขาต้องตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ” หลินอี้เจียพูดด้วยความกังวลใจ
“ถ้างั้นเราไปรอเขาที่รีสอร์ทก่อน รอให้เขากลับมาค่อยคุยกันอีกที พวกเราอยู่ที่นี้ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี” หลิวลี่ลี่พูดขึ้น
เมื่อถึงที่รีสอร์ทมีประตูทางเข้าหลายทาง และพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลู่เฉินจะเข้ามาจากประตูทางด้านไหน ทางที่ดีที่สุดคือต้องรอเขา
“อื้ม” หลินอี้จุนพยักหน้าตอบ น่าจะมีแค่วิธีนี้วิธีเดียวแล้ว
ทั้งสามก็ได้ตามทุกคนไปที่รีสอร์ท
ในขณะนี้ที่ลานกว้างภายในรีสอร์ท เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แม้แต่หลินอี้จุนก็ยังเห็นผู้บริหารหลายคนที่เธอรู้จัก พวกเขากำลังพูดคุยและหัวเราะกัน แต่หัวข้อเกือบทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่มีข้อเกี่ยวข้องกับลู่เฉินทั้งนั้น
“เมื่อวานลู่เฉินบริจาคเงิน 100 ล้านหยวน ฉันยังคิดว่าถึงแม้เด็กนั่นจะเปิดซูเปอร์มาร์เก็ต แต่ก็ยังรู้สึกห่วงอยู่ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นคนหุนหันพลันแล่นแบบนี้”
“จริง แม้ว่า จางตาวเหริน จะทำลายซุปเปอร์มาร์เก็ตของเขาก็ตาม เขาก็ไม่ควรวู่วามขนาดนี้ บางทีถ้าทั้งสองฝ่ายจะคุยกันยังไงแล้วครอบครัวจางก็ต้องชดเชยให้เขาแน่ๆ แต่ตอนนี้เหรอ ทำให้ครอบครัวจางขุ่นเคืองใจแล้ว ไม่เพียงแต่จะไม่ได้เงินชดใช้ ตรงกันข้ามเป็นการทำลายตัวเองอีกด้วย
“เฮ้อ เขายังเด็กเกินไปจริงๆ หุนหันพลันแล่นเกินไป
พวกเขาตางพากันถอนหายใจ
เมื่อวานคนที่ไปร่วมงานเลี้ยงขอบคุณ ไม่มีใครไม่รู้จักลู่เฉิน ในฐานะเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตเล็ก ๆเขาได้บริจาคไป 100 ล้านหยวน และก็ยังถูกจัดอันดับรองลงมากจาก เทคโนโลยีอี้ฉี และสี่ครอบครอบมหาอำนาจอีกด้วย ตอนนั้นทำเอาทุกคนตกใจกันยกใหญ่เลย
สถานะของเขาตอนนี้ก็
โดยเฉพาะคำพูดที่เขาพูดออกมานั้น สร้างความภูมิใจให้กับคนที่บริจาคเงินจำนวนไม่มากอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีคนจำนวนมากประทับใจในตัวเขา
แต่ไม่คิดเลย ว่าวันนี้เขาจะทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ได้ นี้เป็นการทำลายตัวเองชัดๆ
การเผาคฤหาสน์และระเบิดอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวจาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ครอบครัวจางเอาเป็นเอาตายกับเขา
“พูดไปแล้ว ลู่เฉินก็ถือเป็นชายหนุ่มที่กล้าที่สุดในทศวรรษนี้เลยนะ ถึงแม้ว่าจะหุนหันพลันแล่นไปหน่อย แต่ว่าก็ทำให้ทุกคนเห็นถึงความกล้าของเขา”
“นั้นก็จริง ในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ คนนาดพวกกองกำลังใต้ดินก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้มากเลย ไม่มีใครที่จะกล้าบ้าบิ่นเท่าลู่เฉินอีแล้ว ”
ผู้บริหารเหล่านี้ ไม่มีความรู้การต่อสู้แต่อย่างใด แต่พอพูดถึงความคับข้องใจระหว่างลู่เฉินและครอบครัวจางพวกเขาพูดคุยกันได้อย่างคล่องปากมาก
และที่คืนนี้ดูเหมือนจะครึกคัก ก็เพราะได้ยินมาว่าเหตุการณ์สำคัญสามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ล้วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวจางและลู่เฉิน ยิ่งกว่าการต่อสู้ ก็คือการรอดูว่าลู่เฉินและครอบครัวจางจะจัดการปัญหาข้อข้องใจนี้กันยังไง
แต่ก็ยังไม่เห็นจะมีใครอยู่ข้างลู่เฉิน
ก็เป็นเพราะว่างครอบครัวจางมีเป็นตระกูลเก่าแก่ มีมรดกมากมาย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ไม่มีใครคิดว่าลู่เฉินจะชนะในเกมนี้ได้
เมื่อได้ยินที่หลายๆคุยกันและไม่มีใครอยู่ข้างลู่เฉินเลยแม้แต่คนเดียว จึงทำหลินอี้จุนรู้สึกกังวล
ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลู่เฉิน แล้วเธอกับฉีฉีจะทำอย่างไร
“ปรมาจารย์ตงฟางปรากฏตัวแล้ว”
ในขณะนี้ ผู้คนมากมายเริ่มส่งเสียงโห่ร้องและเห็นคนหนึ่งสวมชุดฮันบก พร้อมปิ่นปักผมของตงฟางหลง รายล้อมไปด้วยผู้คนในครอบครัวจาง เดินขึ้นไปบนแท่นสูงในบริเวณนั้น
เมื่อตงฟางหลงเดินออกมาก ผู้คนท้วมท้นจะเต็มลานกว้างไปหมด จนทำให้รู้สึกได้ว่าหายใจลำบาก
แท่นสูงนี้มีความสูงมากกว่าหนึ่งฟุต และกว้างมากกว่าห้าเมตร สร้างขึ้นชั่วคราว สำหรับการต่อสู้ในคืนนี้โดยเฉพาะ
เมื่อตงฟางหลงเดินขึ้นสู่เวที ยังไม่ได้มองผู้ชมเลยด้วยซ้ำ เขาถอยออกมานั่งบนแท่น แล้วหลับตาเพื่อสงบจิตสงบใจก่อน
ทุกคนตกใจเมื่อเห็นตงฟางหลงปรากฏตัว ผู้คุมในหอปะลองให้การเคารพเขา และต้องการที่จะผูกมิตรกับเขา และนักธุรกิจเหล่านั้นถึง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักตงฟางหลง แต่กลิ่นอายที่แข็งแกร่งของตงฟางหลงก็ทำให้พวกเขาสัมผัสได้ราวกับว่าถูกกดขี่อย่างรุนแรง
“พี่คะ คนนี้ดูยังไงก็มืออาชีพ พี่เขยจะชนะเขาได้จริงๆเหรอ?” หลินอี้เจียมองตงฟางหลง กลิ่นไอของความน่ากลัวของตงฟางหลง ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด
หลินอี้จุนเองก็รู้สึกแตกต่างออกไปจากคนอื่นของตงฟางหลง แต่ก็ยังรู้สึกถึงแรงกดดันเมื่อเห็นตงฟางหลง
แต่ลู่เฉินไม่เคยเชื่อเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้จะทำยังไง
และเมื่อเห็นท่าทีและสีหน้าที่ดูมั่นใจมากของครอบครัวจาง ยิ่งทำให้เธอหนักใจขึ้นอีก
“พี่อี้จุน พี่ดูข้างหลัง คนเยอะมากเลย ในมีมีทั้งมีดไม้ หรือว่าพวกเขาเตรียมจัดการลู่เฉิน ?” หลี่ลี่พูดพลางชี้ไปอีกด้านของลานกว้างด้วยความตกใจ
หลินอี้จุนและหลินอี้เจียต่างพากันหันไปดู ก็เห็นคนยืนอยู่ที่สนามข้างๆเยอะมาก กลัวว่าจะอาจมีมากว่าร้อยสองร้อยคน ในมือของแต่ละคนมีอาวุธอยู่ นัยน์ตาเหมือนจะฆ่ากันได้เลยทีเดียว
หลินอี้จุนเนื้อตัวสั่นไปหมด เกือบจะเป็นลมล้มลงไป
บ้านจางจะรุ่มฆ่ากลุ่มลู่เฉินใช่ไหม?
“คุณปู่ ปู่คิดว่าลู่เฉินจะมั่นใจแค่ไหน?”เฉินจื่อหรานถามปู่เฉินที่ยืนอยู่ข้างๆ
ปู่เฉินพยักหน้า ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ลู่เฉินก็พ่ายแพ้ให้กับหางเทียนเพียงหมัดเดียว แต่ตอนนี้เมื่อเขาได้เห็นตงฟางหลงลงสนาม เขาก็ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวลู่เฉินเลย
จากสภาพร่างกายของตงฟางลง สามารถรับรู้ได้ถึงท่าทางและแรงพละกำลังของปรมาจารย์การต่อสู้ที่แท้จริง ซึ่งนี่จากท่าทีของลู่เฉิน หานเทียน และคนอื่นๆล้วนมองไม่เห็น
สมแล้วกับที่เป็นปรมาจารย์ตงฟางหลง เห็นเพียงแวบแรกนี่คือผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริง
หากตัดสินจากท่าทางเพียงอย่างเดียวทั้งยวี่โจวแม้กระทั้งสมาคมวูซูของประเทศ ต่างที่ต้องการพบตงฟางหลงที่แข็งแกร็งช่ำชองผู้นี้
“งั้นทำยังไงดีล่ะ วันนี้ลู่เฉินไปเผาอาคารของบ้านจาง มิหนำซ้ำยังไประเบิดอสังหาริมาทรัพย์ของบ้านจางอีก ถ้าหากว่าพวกเขาพ่ายแพ้ บ้านจางคงไม่ปรานีเขาไว้แน่ หรือว่าปู่คิดวิธีที่ช่วยเขากันเถอะ” เฉินจื่อหรานพูดอย่างร้อนใจ
ปู่เฉินเห็นเฉินจื่อหรานแล้ว เขามองความเป็นห่วงกังวัลที่ไร้รูปลักษณ์ของเธอ ก็หัวเราะและพูดว่า “หลานสาวที่น่ารักของฉันทำไมถึงได้ชอบเด็กหนุ่มคนนั้น?”
“คุณปู่ ปู่กำลังพูดอะไรกัน คนเขามีครอบครัวแล้ว” เฉินจื่อหรานหน้าแดง พูดด้วยความเขินอาย
“แต่งงานแล้วก็หย่ากันได้ ขอเพียงแค่หลานไม่ใส่ใจกับมัน บ้านเฉินเราก็ไม่ใช่พวกบ้านที่หัวโบราณยึดตามกฏตายตัว”
“คุณปู่ นี่มันเวลาไหนแล้ว ปู่ยังมีกระจิตกระใจพูดเล่น ปู่ดูวางชั้นของบ้านจาง เกาะนี้มีคนไม่ต่ำกว่าร้อยสอยร้อยคนไม่ว่าลู่เฉินจะแพ้หรือชนะพวกเขาก็จะไม่ปล่อยจังหวะให้ลู่เฉินเป็นแน่” เฉินจื่อหรานพูด
“วางใจเถอะ พวกเธอประเมินลู่เฉินต่ำไป เขากล้าทำแบบนี้ กล้าไปท้าทาย นี่ก็แสดงว่าเขามีมั่นใจแล้ว หากถึงเวลาที่เขาสู้บ้านจางไม่ได้จริงๆฉันจะออกหน้าช่วยเขาสักครั้ง ยังไงบ้านจางก็ยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับบ้านเฉินของฉัน” ปู่เฉินพูดอย่างมั่นใจ
บ้านเฉินเป็นครอบครัวทหารผ่านศึกมาเป็นร้อยปีพื้นภูมิไม่ใช่บ้านที่อีกสามบ้านจะมาเทียบได้เรื่องนี้เป็นจุดที่ปู่ยังคงมั่นใจ
“อึ้ม”เฉินจื่อหรานหยักหน้ารับในใจยังคงเป็นกังวล ปล่อยวางไม่ได้เมื่อนึกถึงคำพูดหยอกล้อของปู่ใจของเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะอย่างอธิบายไม่ถูก
“พี่หาน ไอหมาลู่เฉินนั้นจะกล้ามาไหม?”ผ่านมาเป็นครึ่งวันยังไม่เห็นเงาของลู่เฉิน,จางดาวเรนขนวดคิ้วพูด
วันนี้บ้านจางพวกเขาตั้งเรื่องมาใหญ่ขนาดนี้พูดอีกอย่างได้ว่าแหฟ้าตาข่ายดินรอลู่เฉินเข้ามาติดแห
ถ้าหากลู่เฉินไม่กล้าออกมางั้นพวกเขาก็ทำไปเปล่าประโยชน์
หานเทียนขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีเขาตั้งใจเชิญศิษย์พี่ของเขาออกมาถ้าหากว่าลู่เฉินไม่มาอย่างงั้นนี้ก็ไม่ใช่เป็นการให้ศิษย์ออกมาวิ่งเปล่าประโยคหรือ?
“มาแล้ว ลู่เฉินมาแล้ว!”
ทันใดนั้นมีชายร่างใหญ่ตะโกนวิ่งมาใน รีสอร์ท
ทุกคนต่างหันไปมองที่ประตู รีสอร์ท
หลังจากนั้นทุกคนต่างเบิกตากว้างจองมองอย่างไม่น่าเชื่อ