บทที่ 183 ไร้ยางอายเกินไปแล้ว
เมื่อมองเห็นแววตาอันดุเดือดของตงฟางหลง ลู่เฉินเองก็ตกใจเล็กน้อย
นอกจากหยุนลาวแล้ว ตงฟางหลงเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเขาเคยพบมา
โดยเฉพาะแววตาที่น่าเกรงขามของตงฟางหลงนั้น แม้แต่เขาเองเมื่อมองไปยังรู้สึกอึดอัด
แต่เขาได้ฝึกฝนร่างกายและจิตใจมาแต่เด็ก ขีดจํากัดในความอดทนแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน
ดังนั้นแม้ว่าตงฟางหลงจะมีท่าทีที่น่ากลัวและสามารถสร้างแรงกดดันให้แก่ลู่เฉินระดับหนึ่งได้ แต่ลู่เฉินเพียงแค่หลับตาลงก็สามารถขจัดความกลัวทั้งหลายได้ในพริบตา
“ใช่ครับ เป็นผมเอง! คนที่จะต่อสู้กับผมคือคุณอย่างนั้นเหรอ?” ลู่เฉินถาม
“เป็นแกก็ดีนี่!รนหาที่ตายแท้ๆ” ตงฟางหลงแม้จะตกตะลึงที่ลู่เฉินไม่เกรงกลัวต่อท่าทางของเขา แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก
เนื่องจากเมื่อสักครู่เขาเพียงใช้กำลังภายในเล็กน้อย การที่ลู่เฉินสามารถเอาชนะฮันเทียนได้นั้นหมายความว่าเขาเองก็เป็นผู้มีความแข็งแกร่งด้านกำลังภายในเหมือนกัน
ผู้ที่มีกำลังภายในแข็งแกร่งเช่นนี้คงไม่ตื่นตกใจเพราะท่าทีของฝ่ายตรงข้ามง่ายๆแน่
“ว่ายังไงนะ?ลองพูดใหม่อีกครั้งนึงซิ!” ลู่เฉินถามตงฟางหลง
เมื่อเขามาถึง ตงฟางหลงก็ทำท่าทีกร่าง แม้ว่าตงฟางหลงจะเป็นคนที่มีความสามารถแต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้า
สำหรับคนธรรมดาทั่วไปนั้นถ้าไม่พอใจก็ต้องจัดการ
แค่พลุ่งเข้าใส่ก็เท่านั้น!
สำหรับคนอย่างพวกเขานั้นท่าทีสำคัญยิ่ง รายละเอียดเล็กๆน้อยๆระหว่างการต่อสู้ก็มีความสำคัญ หากเกิดการผิดพลาดประการใดขึ้นมาก็อาจจะทำให้พลิกล็อคแพ้ไปก็ได้
ตงฟางหลงมีท่าทางหยิ่งผยองแบบนี้ ลู่เฉินกำลังจะให้บทเรียนที่สาสมแก่เขา
เมื่อเห็นลู่เฉินมีท่าทีไม่เกรงใจอาจารย์ตงฟางแบบนั้น ลูกศิษย์มากมายของตงฟางหลงก็เริ่มไม่พอใจเขาและจ้องมองลู่เฉินด้วยความอาฆาตแค้น หลายคนแทบจะอดไม่ได้ที่จะเดินหน้าเข้าไปสั่งสอนลู่เฉิน
แต่เมื่อเห็นผู้คนนับร้อยล้อมรอบอยู่ พวกเขาก็ทำได้เพียงถอยกลับไป
การแก้แค้นแทนผู้เคารพนับถือเป็นเรื่องสำคัญ
แต่ชีวิตของตัวเองก็สำคัญมากเช่นกัน
จางเซิงเฉียวและคนอื่นๆเห็นลู่เฉินกำลังทำให้ตงฟางหลงมีอารมณ์โกรธ พวกเขาก็ยิ้มออกมาด้วยสีหน้าเยือกเย็น
พวกเขาเชื่อว่าอีกประเดี๋ยวลู่เฉินจะต้องตายอย่างไม่น่าดูแน่นอน
บางทีตงฟางหลงอาจจะมีจุดประสงค์แค่ต้องการเอาชนะลู่เฉินเท่านั้น
แต่การที่ลู่เฉินไปกระตุ้นต่อมโมโหของตงฟางหลงแบบนี้ เขาอาจจะปลิดชีพลู่เฉินอย่างโหดร้าย
ไม่อย่างนั้นเขาคงจะอึดอัดคับแค้นใจแน่นอน
“คุณปู่คะ ลู่เฉินคิดยังไงถึงทำให้อาจารย์ตงฟางโมโหแบบนั้น? ไม่ฉลาดเอาซะเลย!” เฉินจื่อหรานพูดขึ้นด้วยความกังวล
นายท่านเฉินเองก็รู้สึกว่าลู่เฉินทำเช่นนี้ไม่มีเหตุมีผลเท่าไหร่นัก
“ไอ้หนู แกอยากตายเหรอ?” ตงฟางหลงโมโหตามที่คาดไว้
แม้ว่าเขาจะฝึกฝนตนมาเป็นเวลานาน แต่นิสัยส่วนตัวก็เป็นคนใจร้อน อย่างเช่นเมื่อวานเขาลงมือทำร้ายคนอื่นโดยไม่พูดอะไรสักคำ ถ้าเป็นคนที่ควบคุมสติอารมณ์ได้ดี แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ลงมือกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้
การที่ลู่เฉินตั้งใจดูถูกเหยียดหยามเขาแบบนี้ จะให้เขายอมได้อย่างไร?
“ทำไม! คุณจะฆ่าผมจริงๆอย่างนั้นหรือ?” ลู่เฉินแกล้งทำเป็นตื่นตกใจ แล้วหันกลับไปตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า “นี่พรรคพวก!มีคนตั้งใจจะฆ่าผม พวกคุณว่าผมควรจะทำยังไงดีนะ?”
เมื่อสิ้นเสียงของลู่เฉินก็มีชายหนุ่มร่างกายกำยำสูงใหญ่เดินถือมีดออกมา
“ใครหน้าไหนจะค่าคุณชายลู่ แน่จริงก็ก้าวออกมา คอยดูว่าฉันจะไว้ชีวิตแกไหม!?”
คนเหล่านั้นพูดออกมาด้วยความโมโหและแววตาของพวกเขาช่างดุเดือด
คนที่ยืนดูอยู่รอบๆก็ถูกพวกเขาทำให้ตื่นตกใจเช่นกัน สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไปเป็นซีดเผือดและรีบถอยออกมาจากตรงนั้น ล้วนกลัวว่าหากพวกเขาเหล่านั้นพลาดพลั้งขึ้นมาตนเองอาจจะเป็นอันตรายได้
ทุกคนรู้ดีถึงความสามารถของนักเลงพวกนี้ พวกเขาไม่สนใจอะไรนอกจากการต่อสู้อย่างสุดชีวิตและไม่มีขีดจำกัด พวกเขาลงมือโดยไม่ต้องพูดอะไรด้วยซ้ำ
สีหน้าของตระกูลจางก็ดูไม่ดีนักในตอนนี้ เขาคิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะใช้วิธีการแบบนี้ ไม่ต่อสู้กับอาจารย์ตงฟางหลงโดยตรงแต่พวกเขามาแบบหมาหมู่อย่างนั้นเหรอ?
ตงฟางหลงโมโหจนแทบจะกระอักออกมาเป็นเลือด!
ไหนว่าจะแข่งขันด้านการต่อสู้กันล่ะ!!!
“เมื่อกี้หยิ่งผยองนักไม่ใช่หรือไง?เข้ามาสิแน่จริงก็เข้ามาสู้กับพวกเรา ลองดูว่าพรรคพวกผมจะกลัวคุณไหม?”ลู่เฉินพูดกับตงฟางหลงที่ยืนอยู่บนเวทีด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์
“แก!แก……เป็นนักต่อสู้ไม่ใช่หรือไง ?ทำไมแกถึงไม่มีจรรยาบรรณเอาซะเลย แน่จริงก็ขึ้นมาสู้กับฉันตัวต่อตัวสิ!”ตงฟางหลงพูด
แม้เขาจะมีความสามารถ สามารถสู้กับคนเป็นสิบคนได้ในเวลาเดียวกัน แต่เขาเองก็ไม่ได้โง่ คนที่ลู่เฉินพามานั้นมีนับร้อย ต่อให้เก่งขนาดไหนก็ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้
แม้ว่าบุคคลพวกนี้แต่ละคนจะเป็นเพียงมดตัวเล็กๆสำหรับสายตาเขาเท่านั้น
แม้จะมีความสามารถขั้นสูงแต่ก็ไม่สามารถสู้กับหมาหมู่ได้
เขาจะทนต่อสู้จนชนะกับนักเลงพวกนี้ได้ยังไง คงจะเหนื่อยตายซะก่อนแน่ๆ
“ใครบอกว่าผมเป็นนักต่อสู้กัน? ผมเป็นเถ้าแก่ใหญ่ตัวจริงเสียงจริงต่างหากเล่า ผมเป็นคนมีวัฒนธรรม เรื่องการต่อสู้ทุบตีแบบนี้ เป็นการกระทำของพวกบ้าพลังเท่านั้น!” ลู่เฉินพูดออกมาด้วยความเย่อหยิ่ง “แน่นอนว่าถ้าคุณต้องการจะใช้กำลัง ผมเองก็คงไม่ทำให้คุณผิดหวัง เนื่องจากคุณเดินทางมาไกลกว่าจะถึงยวี่โจว ถ้าไม่ทำให้ความหวังของคุณเป็นจริงแล้วก็ผมในฐานะเจ้าบ้านก็คงรู้สึกแย่”
คำพูดของลู่เฉินเมื่อสักครู่ทำให้ตงฟางหลงสั่นสะท้านไปทั้งตัว
เขาเป็นถึงนักบวชเต๋าตัวจริงเสียงจริง มีลูกศิษย์ลูกหาให้ความเคารพนับถือเขามากมาย แต่ลู่เฉินกลับบอกว่าเขาเป็นพวกบ้าพลัง! นี่มันเกินไปจริงๆ
“ก็ได้ ในเมื่อคุณอยากจะทำให้ความหวังของผมเป็นจริง ก็ขึ้นมาต่อสู้กับผมตัวต่อตัวสิ!” เขาสูดหายใจเข้าลึกๆและเก็บความกลัวเอาไว้พูดออกไปกับลู่เฉิน
“นี่พวกเรา เขาพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ ช่วยขึ้นไปดูเขาหน่อยซิ! ไม่ต้องกลัวเขาหรอก พวกเรายังมีกันอีกหลายร้อยคน” ลู่เฉินหันไปพูดกับพวกสิบกว่าคนที่ด้านหลัง
พระเจ้า!!!
ตงฟางหลงโมโหเสียจนเลือดพุ่งพล่าน เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป กระอักเลือดสดออกมา
สมาชิกบ้านตระกูลจางก็พาโมโหใส่จนสุดขีด มีคนหน้าไม่อายอย่างนี้อยู่จริงๆหรือนี่!!!
หน้าด้านจริงๆ
ตกลงกันอย่างดิบดีว่าจะมาทำการต่อสู้กัน แต่เขากลับกลัวจนหัวหดและให้นักเลงหลายสิบคนมารุมอาจารย์ตงฟาง มันหมายความว่ายังไงกัน?
“คุณชายลู่ครับ ตาเฒ่านี้กระอักเลือดแล้ว พวกเราต้องต่อสู้กับเขาอีกไหม?ถ้าไม่ระวังขึ้นมาอาจจะทำเขาตายเลยก็ได้นะ” หูเปียวพูดออกมาอย่างตั้งใจ
อึก!!!
ตงฟางหลงเมื่อได้ยินดังนั้นก็กระอักเลือดออกมาอีกระลอกหนึ่ง
เขาเป็นถึงปรมาจารย์ชั้นสูง ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็ล้วนมีแต่คนชื่นชมนับถือ
แต่ในวันนี้กลับถูกลูกกระจ๊อกพวกนี้ดูถูกเหยียดหยาม นี่มันเจ็บปวดยิ่งกว่าเอามีดมาแทงเขาเสียอีก
“ลู่เฉิน!ไอ้กระจอก สรุปว่าแกกล้าหรือไม่กล้า?” ตงฟางหลงสบถออกมา
“คุณต้องการจะต่อสู้จริงๆเหรอ?ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นผมจะบอกให้พรรคพวกขึ้นไปสู้กับคุณแล้วกันนะ ถ้าคุณถูกพวกเขาแทงตาย เมื่อกลายเป็นวิญญาณก็อย่ามาหลอกหลอนผมแล้วบอกว่าผมไม่มีเหตุผลล่ะ” ลู่เฉินยักคิ้วแล้วพูดขึ้นด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์
ตงฟางหลงตัวสั่นเทา แม้เขาจะฝึกฝนจิตใจมาเป็นหลายสิบปี แต่ในวันนี้ก็รู้สึกถึงความไม่มั่นคง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบเจอกับคนไร้เหตุผลและหน้าด้านแบบนี้ ถ้าเป็นไปได้เขาแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะต่อยลู่เฉินให้ตายคามือ
“ไอ้ลู่เฉิน แกไร้ยางอายเกินไปแล้วนะ!”
จางดาวเรนอดไม่ไหวอีกต่อไป เขาพูดพร้อมเดินออกมาชี้หน้าลู่เฉิน