บทที่ 191 สิ้นหวัง
“อะไรนะ? เธอบอกว่าลู่เฉินเป็นคนกระจอกงั้นเหรอ?” ซ่งไห่มองหน้าเล่ยผู่อิน และเกือบจะพุ่งหัวเราะออกมา
“เธอกล้าดียังไง ถึงได้กล้าดูหมิ่นลู่เฉินขนาดนี้?”หลังจากซ่งไห่หัวเราะ นัยน์ตาได้มีความอาฆาตเลื่อนผ่านไป เขาค่อยๆเดินเข้าใกล้เล่ยผู่อิน
นานมากแล้วที่เขาไม่ได้แสดงผลงานต่อหน้าลู่เฉิน และตอนนี้ก็มีโอกาสดีๆ เขาจะพลาดได้ยังไงกันหละ
“นาย นายจะทำอะไร?” ทันทีนั้นนัยน์ตาเล่ยผู่อินเกิดรีบร้อนขึ้นมาเมื่อเห็นซ่งไห่เดินเข้าใกล้พร้อมกับใบหน้าที่จะทรมานเธอ
แต่ที่จริงแล้ว ในตอนนี้ในใจเธอสิ้นหวังไปหมดแล้ว เพียงแต่เพื่อสงสารศักดิ์ศรีนั่น เธออยากจะสู้อีกนิด
“พอได้แล้ว คุณชายทั้งหลาย อย่าทำเด็กผู้หญิงตกใจสิ” ลู่เฉินเห็นท่าจึงรีบพูดขึ้นมา
“ลู่เฉิน คุณว่าจะจัดการพวกเขายังไงดี?” ลู่เฉินตะลึง แล้วถาม
ตู้เฟยสะบัดหน้า แต่ซ่งไห่ก็ไม่ทันสังเกตได้ เขายิ้มแล้วมองหวางฉี ยังไม่ทันอ้าปากพูด ก็ได้กลิ่นเหม็นฉุนๆ
“เหี้ย นี่มึงเยี่ยวเหรอ นี่มึงกล้าเยี่ยวใส่ห้องที่กูจองไว้ หาที่หรือไงมึง?” ตู้เฟยได้ถีบหวางฉี แต่กลับทำเอาหวางฉีกลัวจนเยี่ยว นี่มันทำให้เขาหัวเราะไม่ออกเลย
เล่ยผู่อินก็ได้กลิ่นฉุนของหวางฉี จากนั้นนัยน์ตาเธอเกิดขยะแขยงขึ้นมา และดูถูกหวางฉี
“พี่เฟย ขอโทษ ผม ผม…..” หวางฉีกลัวจนใจหายไปหมด สีหน้าซีดไปหมด
“เมื่อกี้นายบอกว่าผู้หญิงคนนี้เรียกนายให้มาจัดการเพื่อนฉัน?” ตู้เฟยเอามือปิดจมูกแล้วถาม
เพื่อน?
สีหน้าเล่ยผู่อินซีดมาก เธอคิดไม่เลยว่าลู่เฉินเป็นเพื่อนของตู้เฟย นี่มันเป็นไปได้ไงกัน คนอย่างตู้เฟยนี่นะเป็นเพื่อนกับลู่เฉิน?
ส่วนพวกหวางฉีกลับสิ้นหวังไปเลย
ซ่งไห่เรียกลู่เฉินก็ช่างเถอะ แต่นี่ตู้เฟยยังเรียกเขาว่าเพื่อนอีก และพวกเขากลับคิดที่อยากจะจัดการพวกคนใหญ่คนโตเหล่านี้ วันนี้ตายแน่เลย!
“ครับ พี่เฟย พวกเรารู้ผิดกันหมดแล้ว ปล่อยพวกเราไปเถอะครับ!” หวางฉียังคงอ้อนวอนขอความเมตตา
“ให้เหตุผลกับเพื่อนฉันสักอัน” ตู้เฟยพูดอย่างเย็นชา
หวางฉีมองอย่างตกตะลึง จะให้เหตุผลอย่าไง?
“พี่ฉี ความหมายของพี่เฟยคือให้พวกเรากระทืบเล่ยผู่อิน” ชายร่างบึกคนหนึ่งที่เคยเรียนมอปลายหัวสมองค่อนข้างที่จะฉลาด ได้เดาความหมายของตู้เฟยถูกว่าเขาหมายถึงอะไร
เล่ยผู่อินเป็นผู้หญิง คนเหล่าตู้เฟยหน้ารักษาหน้าเป็นอย่างมาก ไม่อยากที่จะลงมือตบเธอเอง
แต่พวกเขาเป็นกลุ่มพวกเดียวกันกับเล่ยผู่อินนิ่ ความหมายของตู้เฟยก็คืออยากให้พวกเขาลงมือสั่งสอนเล่ยผู่อิน
หวางฉีตาสว่าง และกระโดดยืนทันที จากนั้นก็ตบลงบนใบหน้าเล่ยผู่อิน
“หวางฉี มึงบ้าหรือไง มึงตบกูทำไม?” หลังจากที่เล่ยผู่อินได้สติกลับมา เธอเอามือปิดแก้มแล้วตะโกน
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหมาที่เธอเลี้ยงกับมือ ตอนนี้กลับตบหน้าเธอ
“ใช่ กูตบกะหรี่อย่างมึงนี่แหละ ถ้าไม่ใช่ว่ามึงเป็นคนพูดว่าลู่เฉินเป็นแค่คนกระจอกๆ กูจะหลงเชื่อมึงได้ยังไง? พวกมึงคิดที่จะฆ่ากูใช่มั้ย?” หวางฉีตะคอกพร้อมกับถีบลงบนตัวเล่ยผู่อิน
หื้ม เสียงเล่ยผู่อินดังขึ้นพร้อมกับเงยมองความโกรธแค้นในตาหวางฉีบนพื้น เธอเริ่มมีความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาบ้าง
“หวางฉี คุณไม่ชอบฉันแล้วหรือไง? คุณชอบฉันมานานขนาดนี้แล้ว ขอแค่วันนี้คุณช่วยฉันออกไหจากที่นี้ ฉันจะตกลงเป็นแฟนคุณ” เล่ยผู่อินยังอยากจะหลอกใช้หมาตัวนี้อีกครั้งสุดท้าย
“ชอบเหี้ยไรเล่า ผู้หญิงอย่างมึง ตอแหลเกิน มึงคิดว่ากูชอบมึงจริงเหรอ? ถ้าไม่ใช่ว่ามึงพอสวยอยู่บ้าง และยังเป็นสาวซิงด้วย กูเลยแค่อยากหลอกมาเย็*เฉยๆ ไม่อย่างนั้นกูจะง้อตามมึงตลอดทำไมกัน?” ใจขณะที่พูดอยู่นั้นหวางฉีก็ได้ถีบเล่ยผู่อินอีกอีกครั้ง ทำเอาเล่ยผู่อินปวดจนน้ำตาไหล
“มึงยังไม่รีบลุกขึ้นมาคุกเข่าขอโทษลู่เฉินอีก?” หวางฉีได้ถีบลงบนตัวอีกครั้ง
ใบหน้าเล่ยผู่อินเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เธอไม่อยากจะเชื่อว่าหมาที่ตามไล่ง้อเธอตลอดเวลานั้นแค่อยากจะเล่นๆกับเธอเท่านั้น ในใจเธอเกิดรู้สึกโชคดีที่เธอไม่ได้ชอบหวางฉี และไม่ได้ให้โอกาสกับเขามาโดยตลอด ไม่เช่นกันคงเป็นของเล่นหวางฉีไปแล้วหละ
“ลู่เฉิน นี่นายให้เงินตู้เฟยเท่าไหร่กัน ถึงให้เขาช่วยแสดงละครนี้กับนาย?” เล่ยผู่อินกลัวแล้ว เธอคุกเข่าตรงหน้าลู่เฉิน แต่ในใจเธอก็ยังคงดูถูกลู่เฉินอยู่ดี
เธอมั่นใจในการตัดสินของเธอ ลู่เฉินเป็นคุณชายซะที่ไหนกันหละ ต้องเป็นเพราะใช้เงินซื้อตู้เฟยให้มาจัดการเธอแน่นอน
“เหี้ยเอ้ย พูดอะไรระวังปากหน่อย ชื่อของลู่เฉินเป็นชื่อที่มึงจะเรียกได้เหรอ?” หวางฉีทนไม่ไหวจึงได้ตบหน้าเล่ยผู่อินลงไป
ในใจเล่ยผู่อินสิ้นความหวัง และโกรธแค้นหวางฉีจนถึงที่สุด ไอ้นี่มีพรสวรรค์ในการเป็นหมาจริงๆ
ก่อนหน้านี้เพื่อที่จะได้เธอมาเขาไม่ลังเลที่จะเป็นหมาไล่ง้อตามตลอดเวลา แต่ตอนนี้เพื่อที่จะเอาตัวรอเของตัวเอง เขาก็ยิ่งไม่ลังเลที่จะเป็นหมาไล่ง้อตามของลู่เฉิน
ปวดอยู่ตรงหน้าแต่ก็ดูถูกหวางฉัอยู่ดี
คนเหล่าตู้เฟยไม่ตกใจเลยสักนิด หวางฉีนี้ก็แม้งโหดร้ายจริงๆเลย
เพื่อเอาตัวรอด เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกทุบตี แม้แต่ผู้หญิงที่เขาชอบก็ยังกล้าลงมือตบตี ร้ายกาจจริงๆ
“ตบหน้าเธอสิบที เรื่องวันนี้ก็ถือว่าไม่เกี่ยวข้องกับนายอีก” ทันใดนั้นลู่เฉินได้มองไปยังหวางฉีแล้วพูด
เขาอยากรู้ว่าหวางฉีจะร้ายกาจจริงหรือเปล่า
หลังจากที่หวางฉีได้ยินสิ่งนี้ บนหน้าเขาก็เกิดความดีใจ หันหน้ามาทางลู่เฉินพร้อมกับเคารพและพูด: “ขอบคุณคุณลู่มาก ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”
เมื่อพูดจบเขาก็หลังหน้ามาทางเล่ยผู่อิน
“หวางฉี มึง มึงกล้าตบกู?” สีหน้าเล่ยผู่อินเปลี่ยนไปเลยทันที และมองหวางฉีด้วยสายตาที่หวาดกลัว
หวางฉียิ้ม แล้วพูดอย่างสะเทือน: “เล่ยผู่อิน วันนี้สิ่งที่มึงได้รับทั้งหมดนี้เป็นเพราะตัวมึงเอง ใครบอกให้มึงตาบอด แม้แต่ลู่เฉินก็กล้าหาเรื่องด้วย”
“มึงยังอยากจะทำให้กูเข้าใจผิด สมควรตายจริงๆ!”
“เขาเป็นไอ่ลู่เฉินขี้หมา เขาเป็นพี่เขยที่ไร้ปัญญาของหลินอี้เจีย คุณรู้จักหลินอี้เจียไม่ใช่หรือไง ไม่เชื่อก็ไปถามหลินอี้เจีย!” เล่ยผู่อินตะโกนพูดออกมา
หวางฉีตะลึง ในใจเกิดมีข้อสงสัยขึ้น เขาอยากหันหน้ากลับไปมองลู่เฉิน แต่สติของเขาได้บอกกับเขาว่า ไม่ว่าลู่เฉินจะเป็นพี่เขยที่ไม่ได้เรื่องของหลินอี้เจีย เขาก็ไม่สนทั้งนั้น
เป็นเพื่อนของตู้เฟย เขามีหน้าที่ทำตามคำสั่งของลู่เฉินและตู้เฟย ไม่อย่างนั้นวันนี้อย่าคิดเลยว่าเขาจะได้เดินออกไป
“อี่นางกะหรี่ เวลานี้แล้ว มึงยังจะโน้มน้าวใจกูอีก ตายเถอ!”
หวางฉีตะคอก ปั๊ป ฝ่ามือก็ได้ตบลงบนหน้าของเล่ยผู่อิน
เขากระชากปกเสื้อเล่ยผู่อินไว้ ไม่ว่าเล่ยผู่อินจะร้องไห้ยังไง หวางฉีก็ยังคงลงมือตบหน้าเล่ยผู่อินต่อไปไม่หยุด ปั๊ป ปั๊ป ปั๊ป
หวางฉีนี่ก็ร้ายไม่เบาเลย ทุกฝ่ามือตบนั้น เขาใช้แรงสุดกำลังตบลงไป ตบจนเล่ยผู่อินมืนไปหมด แม้กระทั่งความเจ็บปวดก็เกือบจะลืมไปเลย
“คุณ คุณลู่……”หลังจากตบหน้าเล่ยผู่อินจนครบ หวางฉีก็มองไปยังลู่เฉิน
“ใสหัวไปได้แล้ว” ลู่เฉินสะบัดมือ และในขณะนี้บนร่างกายหวางฉีก็ยังคงมีกลิ่นเหม็นฉุนลอยทิ่มจมูกเขา
“ลู่เฉิน นี่นายอยากจะเทียบความรวยกับบ้านเล่ยใช่ไหม?” เล่ยผู่อินที่ได้สติกลับมา ยังคงไม่อยากเชื่อว่าลู่เฉินก็คือคุณชายลู่ แต่เธอก็ยังคงเชื่อมั่นในการตัดสินใจของเธอ ลู่เฉินต้องจ่ายเงินให้กับตู้เฟยและคนอื่น ๆ เพื่อทำแสดงละครกับเขา
ลู่เฉินมองไปที่แก้มสองข้างเล่ยผู่อินที่บวม แล้วใส่หน้า พูดกับตู้เฟย: “ให้เล่ยหยานจุนมารับคนเถอะ”