บทที่ 194 หวังเสวี่ยชักชวนให้หลินอี้จุนหย่า
เปิดประตูห้อง เห็นคนที่ยืนอยู่ข้างนอกคือลู่เฉิน วังเสวี่ยตกตะลึง รอยยิ้มบนหน้าก็แข็งทื่อทันที
“ใครให้คุณมา?” หวังเสวี่ยพูดอย่างไม่แกรงใจ
“อี้จุนให้ผมมาหาคุณ เกิดอะไรขึ้น?” ลู่เฉินขมวดคิ้ว ครั้งก่อนเขาเพิ่งช่วยหวังเสวี่ยคืนเงินกู้นอกระบบ เธอยังคงเกรี้ยวกราดอีก?
ถึงแม้ว่าหวังเสวี่ยจะเกรี้ยวกราดกับเขาตลอด แต่ก็ต้องแบ่งเวลาบ้างมั้ย
เมื่อก่อน เขายังไม่ได้รับสืบทอดมรดก บริษัทก็เจ๋ง ตอนนั้นเขาจมมากจริงๆ ไม่สามารถช่วยบ้านลู่หลินไว้ได้ ถูกหวังเสวี่ยดูหมิ่น เขาก็ยอม
แต่ระยะเวลานี้ เขาเชื่อว่าตัวเขาเองก็ช่วยบ้านลู่หลินมามากแล้ว แต่หวังเหวี่ยกลับเหมือนคนตาบอด มองไม่เห็นความดี ที่เขาทำเพื่อบ้านลู่หลิน และนี่มันก็ทำให้เขารู้สึกแย่มาก
“คุณมาพอดีเลย วันนี้ทุกคนก็เคลียร์กันให้รู้เรื่องซะ เหตุเพราะครั้งก่อนที่คุณไปสุ่มอยู่ในที่อาบน้ำ อี้จุนเตรียมพร้อมหย่ากับคุณแล้ว วันนี้เคลียร์กันให้รู้เรื่อง หาเวลาไปหย่ากันซะ และหลังจากหย่าแล้ว ฉี๋ฉี๋ต้องตกเป็นอี้จุน ทรัพย์สินของคุณจะต้องแบ่งครึ่งหนึ่งให้กับอี้จุน” ไม่รอลู่เฉินนั่งลง หวังเสวี่ยก็พูดออกมาทันที
ลู่เฉินตกตะลึง เขาค่อยๆนั่งลงตรงหน้าหลินอี้จุน แล้วถาม: “อี้จุน นี่ก็คือเหตุผลที่คุณไม่คุยกับผมเป็นเวลาหลายวันเหรอ?”
เห็นแม่พูดขนาดนี้แล้ว หลินอี้จุนหายใจเข้าลึกๆแล้วตอบ: “ใช่ ฉันเป็นผู้หญิงที่ทนกับเรื่องพวกนี้ไม่ได้ และคุณก็ไปหาผู้หญิงข้างนอก คุณได้ทรยศต่อความสัมพันธ์หลายปีที่ผ่านมาของเราแล้ว”
“เรื่องนี้แม่คุณเป็นคนบอกคุณใช่มั้ย” ลู่เฉินยิ้มเบี้ยว
“ใช่ น้องสาวก็พูดแบบนี้เช่นกัน หากคำพูดของแม่ฉันทำให้ฉันสงสัย งั้นคำพูดของน้องฉัน ก็คือสาเหตุที่ทำให้เราต้องเป็นแบบนี้ เพราะฉันเชื่อใจน้อง” หลินอี้จุนกัดฟันพูด
“แล้วทำมุณถึงไม่ถามพวกเค้าสองดูหละ ว่าเป็นผู้หญิงไปทำอะไรที่ Moonlight Bathsนั่น?” ลู่เฉินถาม
ทันใดนั้นสีหน้าหวังเสวี่ยและหลินอี้เจียเปลี่ยนเลยทันที ไม่กล้าที่จะสบตาหลินอี้จุนและหลินดาไห่
“ลู่เฉิน นี่มันอะไรกันแน่?” หลินดาไห่เกิดความสงสัยขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทางภรรยาและลูกสาว
ตอนแรกเขาก็ไม่ค่อยเชื่ออยู่แล้วว่าลู่เฉินจะเป็นคนที่เจ้าชู้ และตอนนี้เขารู้สึกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ต้องเป็นเพราะภรรยาเขาแน่ๆ
“อี้เจีย บอกความจริงกับพ่อซะ ไม่อย่างนั้นฉันสามารถยึดการ์ดคืนได้” ลู่เฉินมองหลินอี้เจียแล้วพูด
ท่าทางของเขาไม่เหมือนแกล้ง หลินอี้เจียเงยหน้าขึ้นมามอง นึกภาพเมื่อวันนี้ที่เขาปลดปล่อยพลัง ในใจเธอสะดุด เกิดกลัวสายตายลู่เฉินเมิ่สบตาเขา
อีกอย่าง ช่วงนี้บ้านเธอจนมากจะตายอยู่แล้ว ส่งผลให้เธอไม่มีค่าขนาดใช้
หากไม่ใช่ว่าการ์ดนั่นของลู่เฉิน เธอคงไม่กล้าเดินออกจากบ้านหรอก
หลินอี้เจียเห็นสายตาที่พ่อและพี่สาวจ้องมองมาที่เธอ เธอกัดฟัน สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะหักหลังแม่เธอ
เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ก่อนหน้านี้แม่ไปกู้ยืมเงินนอกระบบกับวังเปาหนึ่งล้านไม่ใช่หรือไง แล้วหนึ่งล้านนั่นแม่ก็เอาไปเล่นจนแพ้อีก ต่อมาวังเปาก็ตามหาแม่ให้คืนหนี้ แล้วจับหนูไปMoonlight Bathsด้วย และต่อมาในขณะที่วังเปาได้เรียกคนมาจับคุมตัวหนูไปนั้น พี่เขยก็ปรากฏตัวขึ้น พี่เขยไม่เพียงแต่ช่วยแม่คืนเงินกู้ และยังช่วยหนูออกมาจากมือวังเปาอีก” หลินอี้เจียได้เล่าเหตุการณ์ความจริง ณ ตอนนั้นออกมาทั้งหมด
“แม่ แม่ไปกู้หนี้นอกระบบได้ยังไง ยังดีที่ตอนนั้นลู่เฉินไป ไม่อย่างนั้นอี้เจียก็จะซวยเพราะแม่!” หลินอี้จุนมองหวังเสวี่ยด้วยสายตาตำหนิติเตียน แต่เธอเองนึกว่าเป็นการยืมแบบแอพพลิเคชันบนเว็บ ไม่คิดเลยว่าเป็นกู้ยืมนอกระบบแบบนี้
“คุณ คุณนี่มัน*** นี่คุณก่าจะทำให้บ้านนี้ต้องแตกแยกกันใช่มั้ยคุณถึงจะสบายใจ?” หลินดาไห่อาละวาด ถ้าไม่ใช่ว่าหลินอี้เจียเป็นคนพูดออกมา ชาตินี้เขาคงจะถูกหลอกอยู่ในนี้ไปตลอด
หวังเสวี่ยรู้ตัวว่าตนเองทำผิด จึงไม่ปฏิเสธหลินอี้จุนและหลินดาไห่ เธอมองไปทางลู่เฉินและย้อนถาม: “ฉันแค่อยากรู้ ว่าทำไมตอนนั้นนายถึงอยู่ในMoonlight Baths?”
ลู่เฉินไม่ได้สนใจหวังเสวี่ย แต่มองไปยังหลินอี้จุนแล้วถาม: “ อี้จุน หากผมบอกว่า ณ ตอนนั้นผมเห็นวกเธอกำลังถูกคนของวังเปาจับตัวไปผมเลยตามไป คุณเชื่อมั้ย?”
ในใจหลินอี้จุนเกิดสับสน เธออยากจะเชื่อลู่เฉิน แต่นี่มันก็บังเอิญเกินไปหรือเปล่า
“ที่จริง หากอยากจะรู้ความจริง วิธีที่ง่ายที่สุด ก็คือไปสำนักงานปลัดกระทรวงแล้วเลื่อนดูกล้องวงจปิดของวันนั้น สำหรับคุณ มันคงไม่ยากเกินไปหรอก” ลู่เฉินพูด
ที่จริงการที่หลินอี้จุนไม่เชื่อใจเขามันก็ทำให้เขาเสียใจแล้วบ้าง หากว่าเขาพูดถึงขนาดนี้แล้ว หลินอี้จุนยังไม่เชื่อเขาอีกงั้นเขาก็ไม่อยากจะอธิบายอีกต่อไป
“มันจะไปบังเอิญขนาดนั้นได้ไงกัน ความจริงก็คือนายสุ่มทำเรื่องไม่ดีในMoonlight Baths เกลือกกลั้ว แล้วเราไปเห็นพอดี ถึงออกมา” หวังเสวี่ยพูดอย่างเย็นชา “ลู่เฉินฉันก็ไม่อยากจะบิดเบือนนา ฉันหาผู้ชายที่คู่ควรกับหลินอี้จุนได้แล้ว หากนายหวังดีกับเธอจริงๆ ก็ปล่อยมือซะ ให้เธอไปใช้ชีวิตในแบบที่เธอต้องการ”
“ใช้ชีวิตในแบบที่เธอต้องการ?”ลู่เฉินหัวเราะ แล้วมองหลินอี้จุน “อี้จุน คุณอยากใช้ชีวิตแบบไหน?”
หลินอี้จุนยังคงไม่เข้าใจ ตอนนี้ในใจเธอวุ่นวายมาก เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรเชื่อแม่หรือเชื่อลู่เฉิน
สติบอกเธอว่าลู่เฉินไม่น่าจะโกหกเธอ แต่มันก็มีเสียงอีกเสียงหนึ่งที่ดังข้างๆหูเธอไม่หยุด โทษลู่เฉินที่เขาโกหกเธอ
“ฉันจะบอกความจริงให้นะ ฉันได้หาเสี่ยรวยให้กับหลินอี้จุนแล้ว บริษัทของเขามีมูลค่าหลายร้อยล้าน และไม่เกี่ยงด้วยที่หลินอี้จุนมีลูก นายมันก็แค่เคยถูกหวยครั้งเดียว รวยแบบนายงี้จะไปสู้อะไรกับเขาได้ อีกอย่าง เงินทานายถูกหนึ่งรอยล้านนั่นก็ไม่เหลือแล้ว” หวังเสวี่ยพูดต่อ
ลู่เฉินหัวเราะ เทียบความรวยกับเขา เขาอยากรู้ ในยวี่โจวนี้ ใครกล้าเทียบกับเขา?
“แม่ อย่าพูดมั่วซั่ว หนูพูดเมื่อไหร่กันว่าจะหย่ากับลู่เฉิน? หนูเชื่อใจเขา” หลินอี้จุนเห็นว่าแม่ของเธอยิ่งพูดยิ่งเวอร์ จึงกัดฟันขึ้นมาพูด
ถึงแม้ในใจเธอยังคงสงสัย แต่การพูดว่าเชื่อใจลู่เฉินมันก็ทำให้รู้สึกเกว่าให้แม่ของเธอพูดจามั่วซั่ว
ต่อให้ลู่เฉินโกหกเธอจริงๆ ในใจเธอก็ยังไม่พร้อมที่จะหย่ากับเขาอยู่ดี
ในขณะที่หวังเสวี่ยกำลังจะพูดอะไรอีกนั้น ก็ได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
ตาหวังเสวี่ยสว่างประกายขึ้น และไปเปิดประตู
ครั้งนี้ ในที่สุดก็ไม่ทำให้หวังเสวี่ยต้องผิดหวัง
เธอเปิดประตูและเห็นชายวัยกลางคนยืนอยู่นอกประตูอย่างสุภาพ
“สงัสดีครับป้าหวัง ผมมาไม่สายไปใช่ไหมครับ” ชายวัยกลางคนดูเกือบจะอายุเท่า ๆ กับหวังเสวี่ย แต่เขาก็ยังเรียกเธอว่าป้าโดยไม่รู้สึกอายเลย
“ไม่เลย ไม่เลย ประธานติง เชิญค่ะ” หวังเสวี่ยยิ้ม และนำชายวัยกลางคนนั่นเข้ามาในห้องนั่งเล่น
ลู่เฉินและคนอื่น ๆ ก็ได้มองไปที่ชายวัยกลางคน