บทที่ 211 จะสู้ก็สู้
หลี่หูพาลูกน้องเดินตรงเข้ามายังลู่เฉิน เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสี่คนเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับคน100กว่าคนเช่นนี้ ในใจเขาลึกๆก็แอบตกตะลึงเช่นกัน
เขาเป็นนักเลงมา 10 กว่าปี ไต่เต้าจนกระทั่งได้เป็นหัวหน้า ได้พบปะกับฮีโร่มากมาย
แต่สี่คนนี้ คาดว่าคงเป็นผู้ที่ใจเด็ดที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาแล้ว
สี่ต่อร้อยนายหมู่ อีกทั้งยังไม่มีความหวาดกลัวใดๆ พวกเขาสิถึงจะมีจิตใจเป็นนักสู้ที่แท้จริง
“ผมเป็นคนที่มีเหตุมีผล ก่อนหน้านี้เจ้าหมอนั่นทำร้ายลูกน้องผมไปกว่า20คน ตอนนี้ถ้าตะกูลวังมอบตัวเขามาให้พวกเรา ผมจะไม่ติดใจเอาความกับเรื่องก่อนหน้านี้” แม้ว่าหลี่หูจะนับถือพวกเขาก็จริง แต่เขาก็ยังไม่ลืมวัตถุประสงค์ของการเดินทางมาที่นี่
นั่นก็คือนำตัวลู่เฉินกลับไปให้คุณหมู่
“วังไก ตอบตกลงเขาไปซะนายหมู่” เสี่ยวฟางตะโกนออกมา
เพียงแค่มอบตัวลู่เฉินให้กับหลี่หู พวกเขาก็จะไม่มาตามรังควานตระกูลวังอีก แน่นอนว่าเธออยากให้เป็นแบบนั้น
“พ่อคะนายหมู่ พวกเขาก็พูดแล้วนี่ว่าเพราะลู่เฉินไปทำร้ายลูกน้องเขา เขาถึงได้กลับมาหาเรื่องพวกเรา พ่อจะมัวลังเลอยู่ทำไม?รีบๆเร็วเข้า” หวังว่านก็ตะโกนแทรกขึ้นมา
วังซีไม่ได้พูดอะไร ในมือกำแท่งเหล็กนั้นไว้แน่น
“หุบปากไปซะทุกคนนายหมู่” วังไกตอบกลับมาแล้วหันไปมองเสี่ยวฟางกับหวังว่าน
“วังซี พ่อแกจะรนหาที่ตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับแกนะนายหมู่ รีบกลับมาเร็วเข้า” เสี่ยวฟางพูดไม่ชนะวังไก เธอทำได้เพียงตะโกนออกไปห้ามลูกชาย
วังซีไม่ได้หันหลังกลับไป ในมือกำแท่งเหล็กนั้นแน่นแล้วพูดด้วยเสียงเยือกเย็นว่า “หลี่หู คนที่ทำร้ายลูกน้องแกคือฉัน ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่ฉันเลย ถ้าจะแก้แค้นก็มาแก้แค้นที่ฉันสินายหมู่”
“วังซีนายหมู่แกบ้าไปแล้วหรือไง?อยากตายอย่างนั้นเหรอ?” เสี่ยวฟางโมโหกระทืบเท้าปึงๆ แทบจะวิ่งออกไปลากตัวเขากลับมา
ก่อนหน้านี้ตอนที่หลี่หูไม่ได้บอกว่ามาจัดการลู่เฉิน เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้
แต่ในเมื่อหลี่หูเจาะจงมาแล้วว่าจะแก้แค้นลู่เฉิน ทำไมพวกเขาถึงยังต้องเข้าไปร่วมเสี่ยงชีวิตกับลู่เฉินด้วย?
“จะสู้ก็สู้สินายหมู่” วังจินทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป เขากำมือที่ถือแท่งเหล็กไว้แน่นแล้วก้าวออกไปเป็นคนแรก
ไม่ว่าจะเป็นเสี่ยวฟางหรือหวังว่านก็ไม่อาจห้ามเขาไว้ได้
เขายอมที่จะเผชิญหน้าขึ้นสู้และตายในสนามรบ ก็ไม่อยากจะฟังคำพูดที่น่าอับอายของสองคนนี้อีก
เมื่อเห็นวังจินบุกไปเช่นนั้น ลู่เฉินเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร
ในใจลึกๆเขาชื่นชมวังจินมากที่มีความกล้าหาญแบบนี้
“ถ้าอย่างนั้นก็มาสู้กันเถอะนายหมู่” ลู่เฉินกำอาวุธไว้ในมือแน่นและพุ่งเข้าหาพวกนักเลงเหล่านั้น
หลี่หูและพรรคพวกมองเห็นลู่เฉินกับวังจินตรงเข้ามาเช่นนั้นก็เบิกตากว้างนายหมู่
แต่ไหนแต่ไรมาทุกคนล้วนหวาดกลัวพวกเขา หากพวกเขาไม่ลงมือก่อนก็ไม่มีใครกล้าลงมือกับเขาก่อน
คิดไม่ถึงว่าคนจากบ้านตระกูลวังในวันนี้ จะทำให้พวกเขาเปลี่ยนทัศนคติไปได้
หลี่หูคว้าแท่งเหล็กจากลูกน้องคนข้างๆ เขาได้ยินมาว่าลู่เฉินมีความสามารถด้านการต่อสู้ และก็อยากจะหาโอกาสไปลองดูเช่นกันว่าลู่เฉินเก่งจริงตามที่ร่ำลือหรือไม่
และในขณะนั้นเองทางด้านหลังก็มีเสียงดังจอแจ เขาจึงหันหลังกลับไปและพบว่าข้างหลังเขานั้นมีรถตู้ 10 กว่าคันขับเข้ามา จอดอยู่ด้านหลังรถของพวกเขา จากนั้นก็มีคนร้อยกว่าคนลงมาจากรถ มองโดยรวมแล้วพวกเขาน่ากลัวกว่าลูกน้องตนมากนัก
ลู่เฉินก็มองไปยังคนเหล่านั้นเช่นกัน เป็นตู้เฟยนั่นเอง
สีหน้าเขายิ้มแย้มขึ้นทันที จากนั้นวิ่งไปอยู่ข้างหน้าวังจิน มือของเขาถือแท่งเหล็กไว้ ทุกทีที่กวัดแกว่งไม่มีทีไหนที่เสียเปล่า
ทุกการกระทำของเขาสามารถทำให้นักเลงเหล่านั้นล้มลงหนึ่งคน
ลู่เฉินมีความดุเดือดมาก ทำให้พวกเขาอีกสามคนมีกำลังใจฮึดสู้ และพวกเขาก็หยิบอาวุธขึ้น กวัดแกว่งไปยังพวกนั้นเช่นกัน
ที่จริงพวกเขาทั้งสามคนไม่ใช่พวกอันธพาลชอบต่อสู้ เพียงแต่มีการชักนำของลู่เฉิน พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงความกล้าหาญและเข้มแข็งในตัวลู่เฉิน และพร้อมที่จะสู้ไปด้วยกัน
พวกเขาเดินตามทางที่ลู่เฉินเปิดไว้ให้อย่างปลอดภัย
มีนักเลงคนหนึ่งหลบการโจมตีของลู่เฉินได้ และเขากำลังจะฟาดท่อเหล็กไปที่ลู่เฉินแต่กลับถูกพวกเขาข้างหลังอีกสามคนทำร้ายจนบาดเจ็บ
“ลูกพี่หูรีบไปเถอะ ไอ้พวกข้างหลังนี้มันมุ่งหน้ามาที่เรานายหมู่” ลูกน้องของลู่เฉินเมื่อเห็นว่าพวกที่เพิ่งมาถึงนั้นเป็นพวกเดียวกับลู่เฉินก็ตะโกนบอกหลี่หู
แน่นอนว่าหลี่หูรู้ดีว่าพวกนั้นเป็นข้างของลู่เฉิน
อีกฝ่ายหนึ่งเป็นชายรูปร่างกำยำท่าทางกระฉับกระเฉงและโหดร้าย ตนจะไปสู้กับพวกเขาที่แข็งแรงแบบนั้นได้ยังไง?
“ลู่เฉิน แกเรียกคนพวกนี้มาเหรอ?” หลี่หูหันไปมองลู่เฉินด้วยสายตาอาฆาตแค้น
จากความสามารถด้านการต่อสู้ของลู่เฉิน ต่อให้เขาไม่เรียกคนมาช่วย ตนเองก็ยังไม่รู้ว่าจะจับตัวเขาได้หรือไม่
“ไอ้หมอนี่มันเป็นใครกันแน่นายหมู่ทำไมคุณหมู่ยอมจ่ายเงินรางวัลนำจับกว่าร้อยล้านกัน?” หลี่หูสงสัย
“ลูกพี่ครับ ถ้าช้ากว่านี้ก็จะไม่ทันแล้วนะ ตอนนี้พวกมันกำลังล้อมเราไว้หมดแล้ว” ลูกน้องคนหนึ่งพูดขึ้น
หลี่หูตั้งสติได้ และรีบพาพรรคพวกของตนหลบหนี
บรรดาคนที่หลบหนีตามหลี่หูมามีได้อยู่ 20-30 คน เมื่อกำลังคนน้อยลง พวกเขาที่ต่อสู้กันอยู่ก็เริ่มอ่อนแรงและพากันหนีกระจัดกระจายคล้ายกับมดแตกรัง
เมื่อลู่เฉินเห็นว่าหลี่หูหนีไปแล้ว เขาก็หยุดการต่อสู้ลงและมองไปยังบรรดานักเลงที่กำลังหลบหนีว่าได้ทำร้ายพวกเขาอีกสามคนหรือไม่
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาตู้เฟย
“ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ห่างจากพวกคุณประมาณ 20 เมตร จับตัวมันมาให้ผม” เมื่อลู่เฉินเห็นว่าหลี่หูหลบหนีไป ถึงได้บอกเส้นทางการหลบหนีของกับตู้เฟย
เขาไม่สนใจว่าทำไมหลี่หูต้องการตัวเขา แต่ในวันนี้เขาจะต้องนำตัวหลี่หูมาให้ได้
“ครับนายหมู่”
ตู้เฟยเองก็เห็นเส้นทางการหลบหนีของหลี่หูและพรรคพวก หลังจากวางโทรศัพท์ลง เขาก็พาลูกน้องคนสนิท 10 กว่าคนมุ่งตรงเข้าไป
ทางด้านตระกูลวังเมื่อเห็นหลี่หูพาพรรคพวกหลบหนีไปก็แทบไม่เชื่อตัวเองสายตาตัวเอง
ในไม่ช้าพวกเขาก็พบว่ามีคนเข้ามาช่วย
แต่เมื่อมองไปคนเหล่านี้คล้ายกับพวกอันธพาล มองดูพวกเขาวิ่งไล่ตามหลี่หูและต่อสู้กันคล้ายกับตีหมูตีหมา พวกเขาก็ตกใจ
“แม่คะนายหมู่ คนพวกนี้เป็นใครกัน ทำไมเขาต้องช่วยพวกเราด้วย” หวังว่านถามด้วยความสงสัย
เสี่ยวฟางส่ายหัวและในไม่ช้าเธอก็แววตาเป็นประกายคล้ายนึกอะไรออกมา พูดขึ้นว่า “เสี่ยวจี้พาคนมาช่วยเราหรือเปล่า? น่าจะเป็นคนของเสี่ยวจี้แน่ๆนายหมู่ นอกจากเขาแล้วยังมีใครที่จะช่วยตระกูลวังของเราอีก?”
หวังว่านดวงตาเบิกโต เธอคิดว่านี่อาจจะเป็นไปได้ ไม่อย่างนั้นคนพวกนี้จะมาช่วยบ้านเธอทำไม ?ไม่มีเหตุผลเลยจริงๆ
เพียงแต่ว่าถ้าเป็นคนที่เสี่ยวจี้เรียกมา เขาเองก็ควรจะอยู่ที่นี่ด้วยสิแต่ทำไมไม่เห็นเขากันนะ?
“เสี่ยวว่าน ลองโทรหาเขาดูสิว่าเป็นเขาจริงๆใช่หรือเปล่า” เสี่ยวฟางพูดด้วยท่าทางมีความหวัง
หวังว่านพยักหน้าและกำลังจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเสี่ยวจี้ ก็พบว่ามีคนจับตัวหลี่หูได้และนำตัวเขามาคุกเข่าต่อหน้าลู่เฉิน
หวังว่านสะดุ้ง หรือคนกลุ่มนี้จะเป็นพรรคพวกของลู่เฉินกัน?นายหมู่
เป็นไปไม่ได้น่า เขาจะมีพรรคพวกมากมายขนาดนี้ได้ยังไง?
อีกทั้งคนพวกนี้มองดูก็รู้ว่าเป็นอันธพาลมีความสามารถ